เชื่อฝ่ายค้านออกลูกเป็นควาย!!!
เดี๋ยวคงจะได้ใช้สโลแกนนี้ หากนักการเมืองบ้านเรายังเล่นการเมืองแบบน้ำเน่า สาดโคลน ปล่อยข่าวเท็จ ทำได้ทุกอย่างเพียงเพื่อปั่นความรู้สึกด้านลบแก่ประเทศไทย เช่น รัฐบาลถังแตกแล้ว ไม่มีใครลงทุนในไทยแล้ว ไทยตกขบวนยานยนต์ไฟฟ้าแล้ว ฯลฯ
ประชาชนคนไหนหลงเชื่อลมปาก-ลมปั่น-ลมป่วน คำลวงของฝ่ายค้านก็จะคั่งแค้น มีจินตภาพประเทศไทยแทบไม่มีดี ไม่มีนักลุงทุนสนใจ ไม่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ เศรษฐกิจตกเหว ซึ่งความจริงตรงกันข้ามในภาวะวิกฤตโลก ประเทศไทยยังมีพื้นฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ทุนสำรองอันดับที่ 12 ของโลก
1. เมื่อเร็วๆ นี้ เพจข่าว “ฐานยานยนต์” ซึ่งเกาะติดเจาะลึกวงการยานยนต์โดยตรง รายงานว่า ประธานใหญ่ BMW ยืนยัน เตรียมประกอบ EV ที่โรงงาน จ.ระยอง ประเทศไทย
อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยูกรุ๊ป ประเทศไทย เปิดเผยว่า BMW กำลังวางแผนประกอบ EV ในไทย โดยตอนนี้กำลังพูดคุยเงื่อนไขการลงทุนกับภาครัฐอยู่
EV รุ่นนี้จะเป็นรถที่ลูกค้าในวงกว้างสามารถเข้าถึงได้ หรือไม่ใช่ EV รุ่นใหญ่ราคาสูง (อย่าง EQS หรือ i7)
ส่วนเงินลงทุนใหม่ และช่วงเวลาที่จะการเริ่มประกอบ EV รุ่นนี้ในไทยยังไม่เปิดเผย
2. ก่อนหน้านี้ ก็เพิ่งปรากฏข่าว ผู้บริหารใหญ่ค่ายฟอร์ดมาเยือนโรงงานผลิตรถยนต์ จ.ระยอง สนับสนุนแผนลงทุน 1 แสนล้านบาท
โดยฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี จะใช้ไทยเป็นฐานการผลิต EV และมีโอกาสเป็นรุ่น Ford Ranger EV และ Ford Everest EV เพื่อทำตลาดในประเทศและส่งขายไปในเอเชียแปซิฟิก
“จิม ฟาร์ลีย์” ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี เดินทางมาเยี่ยมโรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (เอฟทีเอ็ม) และโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย (เอเอที) จ.ระยอง
โดยการมาเยือนของผู้บริหารเบอร์หนึ่ง ยิ่งตอกย้ำแผนยุทธศาสตร์ของฟอร์ด กับฐานการผลิตในไทย โดยการลงทุนใหม่ 2.8 หมื่นล้านบาท ทำให้ ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี มีการลงทุนสะสมในไทยถึง 1 แสนล้านบาทแล้ว (ผ่านโรงงานเอฟทีเอ็ม,เอเอที และระบบซัพพลายเชน)
3. เมื่อเร็วๆ นี้ ก็มีการเซ็นซื้อขายที่ดินที่ตั้งโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของค่าย BYD ในประเทศไทย
BYD คือ ยักษ์ใหญ่ EV จากจีน
ในส่วนของการจำหน่าย การทำการตลาด “เร-เว่ ออโตเมทีฟ” ดิสทริบิวเตอร์ BYD ประกาศลงทุน 3,000 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายภายใน 5 ปี ทำยอดขายติด 1 ใน 5 ตลาดรถยนต์ไทย และเป็นเบอร์หนึ่งในเซ็กเมนต์ EV
ประธานวงศ์ พรประภา บอสใหญ่ บอกว่า ปีนี้จะเปิดตัว EV 1 รุ่น ที่นำเข้าจากจีน หวังเข้าโครงการรัฐบาลไทย รับเงินส่วนลด 1.5 แสนบาทต่อคัน ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนดำเนินการ
ปีแรกแต่งตั้ง 31 ดีลเลอร์ ดูแลการขายและบริการหลังการขาย ในจำนวนนี้อยู่ในกรุงเทพ 5 แห่ง
4. เพจข่าว Reporter Journey ได้สรุปข้อมูล BOI รายงานความคืบหน้าการส่งเสริมกิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วน ตั้งแต่ปี 2560 ถึง 17 ส.ค.2565 มีโครงการที่ได้รับส่งเสริมในกิจการดังกล่าวแล้วรวม 26 โครงการ จาก 17 บริษัท ประกอบด้วย
1. โครงการผลิต Hybrid Electric Vehicle (HEV) จำนวน 7 โครงการ ได้แก่ GWM, Honda, Mazda, MG, Mitsubishi, Nissan, Toyota
2. โครงการผลิต Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV) จำนวน 8 โครงการ ได้แก่ BMW, BYD, GWM, Mercedes Benz, Mazda, MG, Mitsubishi, Toyota
3. โครงการผลิต Battery Electric Vehicle (BEV) จำนวน 15 โครงการ ได้แก่ BYD, FOMM, GWM, Honda, Horizon, Mazda,Mercedes Benz, MG, Mine Mobility (2 โครงการ), Mitsubishi,Nissan Skywell, Takano, Toyota
4. โครงการผลิตรถบัสไฟฟ้า (E-bus) จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ Absolute Assembly และสกุลฎ์ซี มีมูลค่าการลงทุนรวม 80,208.6 ล้านบาท (ไม่รวมค่าที่ดินและเงินทุนหมุนเวียน) กำลังการผลิตจำนวน 838,775 คัน แยกเป็น HEV 38,623.9 ล้านบาท 440,955 คัน, PHEV 11,665.6 ล้านบาท 137,600 คัน, BEV 27,745.2 ล้านบาท 256,220 คัน และ Battery Electric Bus 2,173.8 ล้านบาท 4,000 คัน
โดยบริษัทที่เริ่มการผลิตเพื่อจำหน่ายเชิงพาณิชย์แล้ว ได้แก่ Absolute Assembly, BMW, FOMM, GWM, Honda, Mercedes Benz, MG, Mitsubishi, Nissan, Takano, Toyota และยังมีอีกหลายโครงการที่มีแผนที่จะผลิตเพื่อจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในปี 2566 และ 2567 ตามลำดับ
นอกจากนี้ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหลายโครงการมีแผนจะดึงซัพพลายเออร์จากต่างประเทศมาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มเติมอีกในอนาคตอันใกล้ โดยบีโอไอรายงานว่าในปัจจุบันมีการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนโครงการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้าแล้ว 35 โครงการ จาก 26 บริษัท มูลค่ารวม 15,410 ล้านบาท ระบบระบายความร้อนของแบตเตอรี่ และอุปกรณ์สำหรับสถานีอัดประจุไฟฟ้า เป็นต้น
5. ข้างต้น คือ ประมวลข้อมูลข่าวสารความเป็นไปเกี่ยวกับการลงทุนการผลิต-จำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งยืนยันได้ว่า มีความก้าวหน้า และมีอนาคตที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง
แน่นอนว่า ปัจจัยสำคัญ เป็นผลมาจากนโยบายเอื้ออำนวย ส่งเสริม และอุดหนุนยานยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลปัจจุบัน เพื่อสร้างให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตของยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคให้ได้
ถ้าจำได้ นั่นคือ 1 ใน “กลยุทธ์ 3 แกน สร้างอนาคต” ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เคยแจกแจงไว้ก่อนนี้ว่า รัฐบาลกำลังทำอะไร เพื่ออะไร นั่นเอง
“กลยุทธ์ 3 แกน สร้างอนาคต” ประกอบด้วย ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เดินหน้าอุตสาหกรรมแห่งอนาคต และทำให้คนไทยเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบการเงินการธนาคารเพื่อการดำเนินกิจการต่างๆ
หนึ่งในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ก็คือยานยนต์ไฟฟ้า
นายกฯ ลุงตู่ กล่าวไว้ชัดเจนว่า จะต้องล็อกผู้ผลิตยานยนต์ทั่วโลกยังคงอยู่กับประเทศไทย และดึงดูดให้ลงทุนต่อเนื่องในประเทศไทยในยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะต้องทำให้ยานยนต์ไฟฟ้าและค่าใช้จ่ายในการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้า มีราคาถูกลงสำหรับคนไทย
นี่คือสิ่งที่คนไทยต้องช่วยกันสนับสนุน มิใช่พยายามหยัน ขัดแข้งขัดขาเพราะกลัวตัวเองเสียผลประโยชน์ทางการเมืองส่วนตัว ถ้าใครคิดแบบนั้นน่ารังเกียจมาก
วันนี้ ขอให้เดินหน้าต่อเต็มสูบ สำเร็จทั้ง 3 แกน ประเทศไทยพลิกโฉมแน่นอน
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี