วันนี้เป็นวันที่ 23 ตุลาคม 2565 เป็นวันปิยมหาราช เป็นวันที่ประชาชนชาวไทยจะได้น้อมรำลึกถึงองค์พระมหาราชเจ้าผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐเป็นที่ประจักษ์และเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปมาช้านานแล้ว
บารมีพระมากพ้นรำพัน พระองค์ทรงจุติมาเพื่อกอบกู้แผ่นดินในยามวิกฤตยุคเข็ญถึงที่สุดแล้ว และด้วยพระปรีชาสามารถนั้น พระองค์ก็ทรงนำพาชาติบ้านเมืองและพสกนิกรทั้งหลายให้รอดพ้นจากอันตรายได้อย่างน่าอัศจรรย์
พระราชธุระที่พระองค์ทรงบำเพ็ญตลอดพระชนม์ชีพก็คือพระราชธุระอันเป็นบุรพเหตุและบุรพกรรมที่พระองค์จะต้องทรงรับพระราชธุระอันหนักถึงสามประการ คือการกอบกู้บ้านเมืองจากการล่าอาณานิคม การปฏิรูปใหญ่ประเทศไทย และการเตรียมความพร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์ผันแปรของโลกซึ่งอาจเกิดเป็นสงครามโลกได้ และในที่สุดก็เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ขึ้นจริงๆ
ดังนั้นในปีนี้เป็นปีที่ประเทศไทยอยู่ในวิกฤตสุดแสนจะสาหัส มีความเสี่ยงสารพัดจากรอบทิศทาง เป็นสถานการณ์ที่ไม่ต่างกับสถานการณ์ในยุคสมัยของพระองค์ท่าน จึงขอพรรณนาความอันจะเป็นประโยชน์แก่ความเข้าใจและการตั้งตัวอยู่ในความไม่ประมาทเพื่อรักษาบ้านเมืองของเราให้รอดพ้นจากอันตราย โดยถือเอาพระราชธุระทั้งสามประการนั้นเป็นแนวแห่งการพรรณนาในวันนี้
ประการแรก พระราชธุระในการกอบกู้รักษาบ้านเมืองจากการล่าอาณานิคมที่มหาโจรนักล่าอาณานิคมได้แผ่ขยายอำนาจเข้ามาในภูมิภาคนี้ เข้าแย่งยึดทำลายและยึดครองประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้ไปแทบหมดสิ้น ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกนี้ก็เหลือแต่ประเทศไทยที่ยังรักษาความเป็นไทเอาไว้ได้
แม้ปานนั้นแล้วประเทศไทยยังต้องยอมเสียดินแดนยอมเสียอวัยวะเพื่อรักษาชีวิตไว้ไปเป็นจำนวนมาก เป็นเหตุให้ทรงตรอมพระทัยปริ่มว่าจะสิ้นพระชนม์ดังปรากฏความในพระราชหัตถเลขาไปถึงสยามมกุฎราชกุมารในต่างประเทศ ตอนหนึ่งว่า ความบีบคั้น ความทุกข์เข็ญ และความอัปยศที่เกิดขึ้นนั้นหนักหนาสาหัส ปริ่มว่าพระเศียรของพระองค์ท่านจะไม่สามารถรองรับพระมหาพิชัยมงกุฎได้
ทรงอัปยศและเศร้าโศกพระทัยถึงขั้นไม่เสวยพระกระยาหาร หมายให้สิ้นพระชนม์ชีพไปพร้อมกับความทุกข์ยากนั้น แต่ในที่สุดด้วยน้ำพระทัยรักบ้านเมืองและราษฎรก็ทรงเปลี่ยนมาเสวยพระกระยาหารตามรอยพระบาทพระผู้มีพระภาคเจ้าเมื่อครั้งบำเพ็ญทุกรกิริยาฉะนั้น
พระคุณประการนี้ตั้งแต่อดีตจวบปัจจุบันมีใครบ้างเล่าที่สามารถบำเพ็ญพระบารมีได้สูงยิ่งขนาดนี้ นั่นก็เพราะเป็นบุญของคนไทยทั้งหลายที่ได้เกิดมาในร่มพระบารมีแห่งพระองค์
ประการที่สอง การปฏิรูปใหญ่ประเทศไทยสภาพการณ์ของสยามในยามนั้นชำรุดทรุดโทรมในทุกเรื่องทุกด้าน ขื่อแปบ้านเมืองล่มสลาย ต่างคนต่างทำตามอำเภอใจ ใช้อำนาจเป็นธรรม ล่วงละเมิดโลกนิติที่ว่า ชาติใดไร้ธรรมอำไพ ชาตินั้นบรรลัยแน่นอน
ในเนื้อที่อันจำกัดไม่สามารถพรรณนาความเหลวแหลกผุพังของบ้านเมืองในยามนั้นได้ ได้แต่อัญเชิญกระแสพระราชดำรัสเกี่ยวกับสถานการณ์ในยามนั้นเพียงบางตอนที่ว่า บ้านเมืองทุกวันนี้ถ้าเปรียบเหมือนดังเรือก็ผุแล้วทั้งลำ ไม่สามารถปะซ่อมอะไรได้อีกแล้ว ต้องรื้อซ่อมใหญ่ทั้งลำ
ในที่สุดพระองค์ก็สามารถปฏิรูปใหญ่ประเทศไทยได้สำเร็จ แม้กระทั่งการเลิกทาสโดยสันติ ไม่ต้องทำสงครามแก่กันเหมือนในหลายประเทศ ทรงวางรากฐานการปกครองบ้านเมืองในทุกด้าน ทรงริเริ่มปฏิรูปเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง วัฒนธรรม และการต่างประเทศรวมทั้งการปฏิรูปกองทัพครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของชาติ ทำให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่แนวหน้าของโลกยิ่งกว่าประเทศใดในภูมิภาคเอเชียนี้
บ้านเมืองในวันนี้ก็ยังเหลือมรดกของพระองค์ท่านอยู่โดยทั่วไป โดยเฉพาะด้านการศึกษา ด้านการเมือง การปกครอง แต่ถูกคนชั่วโฉดบ่อนทำลายไปมากต่อมากแล้ว บ้านเมืองจึงทรุดโทรมลงไม่ต่างกับเมื่อครั้งรัชสมัยของพระองค์ท่าน ทำให้ประชาชนชาวไทยเริ่มตื่นตัวขึ้นเพื่อให้มีการปฏิรูปใหญ่ประเทศไทย
ประการที่สาม ความขัดแย้งในโลกที่มีศูนย์กลางอยู่ที่ยุโรป ซึ่งผ่านระยะเวลาเจริญรุ่งเรืองจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม ทำให้ยุโรปกลายเป็นประเทศที่รุ่งเรืองที่สุดของโลกแล้วเกิดการแย่งชิงแข่งขันกันอย่างรุนแรงจนแบ่งยุโรปออกเป็นสองขั้ว
และความขัดแย้งนั้นก็แผ่ขยายไปยังประเทศต่างๆ ด้วย ประเทศไทยซึ่งยุคนั้นต้องถือว่าอยู่ห่างไกลจากยุโรปมากก็ไม่วายที่จะถูกกระแสความขัดแย้งและสงครามสัมผัสและส่งผลกระทบต่อสถานการณ์อันเป็นไปในบ้านเมืองของเรา
พระมหาราชเจ้าพระองค์นี้จึงได้เริ่มปฏิรูปใหญ่กองทัพไทยเป็นครั้งแรก เปลี่ยนระบอบและระบบของกองทัพจากยุคก่อนหน้านี้ ซึ่งสืบทอดมาแต่การจัดกระบวนทัพต่อเนื่องมาจากสมัยกรุงศรีอยุธยา ให้เป็นกองทัพแผนใหม่ การนำระบอบ ระบบ และอาวุธยุทโธปกรณ์แบบใหม่เข้ามาใช้เป็นครั้งแรกทำให้ประเทศไทยมีความเข้มแข็งในทางแสนยานุภาพในเชิงคุณภาพที่เปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง
กองทัพที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นจอมทัพ และทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการประกาศสงครามปรากฏเป็นจริงอย่างสมบูรณ์ในยุคสมัยนั้น เหล่านี้คือการเตรียมการพร้อมที่จะรองรับว่าสักวันหนึ่งอาจเกิดสงครามโลกขึ้นและก็ได้เกิดขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 และเพราะมีการเตรียมการไว้เป็นอย่างดี การประกาศสงครามครั้งนั้นจึงถูกต้อง ทำให้สยามกลายเป็นผู้ชนะสงครามและมีเกียรติภูมิระดับโลก
ในวาระอันเป็นมงคลแก่บ้านเมืองคือวันปิยมหาราชในวันนี้ จึงขอเชิญชวนเพื่อนผองพี่น้องไทยได้น้อมใจรำลึกถึงพระบารมีแห่งพระองค์ท่านดังพรรณนามานี้ และให้ตั้งข้อสังเกตโดยทั่วกันว่าพระราชธุระทั้งสามประการนั้นในวันนี้กำลังเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งในน้ำพระทัยแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี