พอมโนว่ามีเสียงเคาะกะลา เสียงเห่าหอนโหยหวนจากกลุ่มการเมืองชังชาติ จากติ่งส่ำสัตว์สัมภเวสีและฝูงไฮยีน่าก็หอนร้องรับต่อกันเป็นทอดๆ โดยเฉพาะเสียงกล่าวหา“ขายชาติ”
อย่างน่าอเนจอนาถ สมเพชสังเวชและอดสูยิ่ง
เรามิได้หลับหูหลับตาเชลียร์รัฐบาลเพื่อผลประโยชน์องค์กร แต่ข้อเท็จจริงปรากฏมาก่อนแล้วว่า การอนุญาตให้ต่างชาติถือครองที่ดินในประเทศไทยนั้นมีกฎหมายรองรับมาเป็นเวลานาน มีการออกกฎกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการถือครองที่ดินของคนต่างชาติออกมาตั้งแต่พ.ศ.2545 ยุคที่ประเทศไทยบริหารบ้านเมืองโดยรัฐบาลแลนด์สไลด์ภายใต้ชื่อ “พรรคไทยรักไทย” มีอดีตนายตำรวจยศพันตำรวจโทที่ต่อมาถูกคำสั่งถอดถอนยศที่ชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร”เป็นผู้บริหารสูงสุด
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในเรื่องการถือครองที่ดินของต่างชาติไม่ใช่ระเบียบข้อกฎหมายใหม่ ทว่า “ลุงตู่ –พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แค่นำกฎกระทรวงที่มีอยู่แล้วออกมาปัดฝุ่นและแก้ไขให้รัดกุมเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเพิ่มขึ้นเท่านั้น”
ทว่าฝูงสัตว์ป่าเดรัจฉานกลับบิดเบือนยัดเยียด ข้อกล่าวหา “ขายชาติ” ให้เสียอย่างนั้น
ไม่ใช่แค่กฎกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการอนุญาตให้คนต่างชาติถือครองที่ดินเท่านั้นที่ถือว่า “ขายชาติ”และถูกนำออกมาใช้ในยุค “ระบอบทักษิณ” หากจำกันได้ในยุค “ระบอบทักษิณ” เรืองอำนาจ ยังมีนโยบายขายชาติที่ไม่เคยมียุคสมัยใดทำ-เรื่องนี้มาก่อน นั่นคือ “นโยบายการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ”
ในยุคระบอบทักษิณ ประเทศไทย ประสบปัญหาทางด้านเศรษฐกิจหลายประการ อาทิ ปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเนื่องจากการส่งออกชะลอตัว ปัญหาหนี้ต่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นโดยส่วนใหญ่จะเป็นหนี้ระยะสั้นของภาคเอกชนซึ่งมีความอ่อนไหวต่อสถานการณ์ต่างๆ ปัญหาสถาบันการเงินที่มีการปล่อยสินเชื่อในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีปริมาณมากเกินความพอดี ซึ่งรวมถึงการปล่อยสินเชื่อให้กลุ่มกฤษดานครโดยทุจริตกว่า 10,000 ล้านบาท
รวมทั้งปัญหาการเก็งกำไรค่าเงินบาทซึ่งเริ่มขึ้นในเดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2540 ทำให้ประเทศไทยสูญเสียเงินทุนสำรองระหว่างประเทศในการปกป้องค่าเงินบาทไปเป็นจำนวนมาก ต่อมาเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 มีการเปลี่ยนระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราจากระบบตะกร้าเงิน (basket currency) มาเป็นระบบลอยตัวภายใต้การ จัดการ (managed float) จึงเป็นผลที่ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่องส่งผลกระทบต่อ ค่าเงินบาทในภูมิภาค ซึ่งภาคเอกชนและนักธุรกิจส่วนหนึ่งที่ทราบข้อมูลภายในได้ประโยชน์จากการเก็งกำไรครั้งนี้มหาศาล
จากปัญหาทั้งหมดทำให้รัฐบาลต้องตัดสินใจขอความช่วยเหลือ ทางการเงินและวิชาการจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund หรือ IMF)
ในการขอถอนเงินกู้จาก IMF ประเทศไทยมีข้อผูกพันที่จะต้องปฏิบัติตามโดยประเด็นเรื่องรัฐวิสาหกิจถือเป็นเงื่อนไขสำคัญคือ มีการกำหนดให้มีการทบทวนโครงการลงทุนของรัฐวิสาหกิจและตัดรายจ่ายที่มีความสำคัญในระดับต่ำลงเพื่อรักษาฐานะทางการเงินของภาครัฐวิสาหกิจให้สมดุล ตลอดจนปรับปรุงอัตราค่าบริการของรัฐวิสาหกิจให้สะท้อนกับทุนที่สูงขึ้นจากการอ่อนตัวของค่าเงินบาท ยกเว้นค่ารถโดยสารประจำทางและรถไฟชั้นธรรมดา เพิ่มบทบาทของภาคเอกชนในรัฐวิสาหกิจโดยเน้นที่ภาคสาธารณูปโภค พลังงาน การสื่อสารและขนส่ง เนื่องจากนโยบายการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ
เยี่ยงนี้ชาติบ้านเมืองเสียผลประโยชน์ไหม เรียกว่า“ขายชาติ” ได้ป่าว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี