นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล น.ส.พรรณิการ์ วานิช และพวกได้นำร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ... เกี่ยวกับการปลดล็อกกระจายอำนาจท้องถิ่นนำเสนอในที่ประชุมรัฐสภา
เนื้อหาบังคับให้จัดสรรเงินภาษีแก่ท้องถิ่นมากขึ้นก้าวกระโดด รวมถึงเปิดทางยกเลิกราชการส่วนภูมิภาค ฯลฯ
วันนี้ (7 ธ.ค. 2565) ที่ประชุมรัฐสภาจะลงมติ ว่ารับหลักการหรือไม่?
1. ขนมหวาน แต่ไส้ในเป็นยาพิษ
นางสาวกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา สส. กทม. เขตวัฒนา-คลองเตย ผู้มีประสบการณ์ทำงานพัฒนาและช่วยเหลือชาวบ้านจริง ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ
ล่าสุด ได้แสดงข้อคิดความเห็นที่คมคาย มีเนื้อหารายละเอียดจับต้องได้ ระบุว่า
“ในวันที่ 7 ธ.ค.นี้จะมีการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญปลดล็อกท้องถิ่นเสนอโดยคุณธนาธร ของการประชุมร่วมรัฐสภา
ดิฉันได้พิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว ทำให้ไม่สามารถรับหลักการได้ โดยมีเหตุผลประกอบ ดังนี้
1.คณะก้าวหน้าไม่มีความจริงใจเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เสนอเพียงเพื่อหวังผลทางการเมือง เพราะรู้อยู่แล้วว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญในแต่ละครั้งต้องใช้เวลานาน ต้องตั้งกรรมาธิการร่วมรัฐสภา เมื่อกรรมาธิการพิจารณาเสร็จจะต้องยื่นเข้าสู่สภาผ่านวาระ 2 และวาระ 3 อีก ทั้งนี้ไม่รวมเวลาที่อาจมีผู้ยื่นตีความว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งเสร็จไม่ทันในสภาชุดนี้แน่นอน
2.เนื้อหาในเรื่องของการจัดสรรงบประมาณ โดยเสนอให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณประจำปีให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจาก 35% เป็น 50% เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะประเทศไม่มีงบประมาณมากขนาดนั้น ดังที่ดิฉันได้อภิปรายไปในสภา
อีกทั้ง คณะก้าวหน้าได้นำตัวอย่างน้ำประปาสีสนิมของ อบต. ค้อใหญ่ซึ่งบริหารโดยคนของคณะก้าวหน้ามาแสดงต่อสภา เพื่อเป็นเหตุผลประกอบ ซึ่งเป็นเรื่องแปลก เพราะดิฉันไม่เคยได้ยิน สส.ท่านใดนำเรื่องแบบนี้มาร้องเรียนในสภา โดยในเรื่องนี้คงมองได้ 3 ทาง คือ 2.1.ปัญหาเกิดจากงบประมาณไม่เพียงพอ โดยไม่ทราบถึงงบประมาณที่ได้รับ แผนการใช้จ่ายงบประมาณ สภาพพื้นที่ 2.2.ขีดความสามารถของคณะบริหาร อบต. นั่นแสดงให้เห็นว่าการเลือกคนที่ไม่มีประสบการณ์เข้ามาบริหารแล้วประชาชนจะเดือดร้อนแบบนี้ 2.3.ไม่ใช่น้ำประปาจริง
3.คณะก้าวหน้าเสนอยุบการปกครองส่วนภูมิภาค ซึ่งเป็นเปลี่ยนแปลงการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่คำนึงถึงบริบทประเพณีวัฒนธรรมของสังคมไทย ที่มีความผูกพันและใกล้ชิดมาอย่างยาวนาน
ซึ่งในส่วนนี้จะทำให้สายงานปกครองหายไป นับตั้งแต่ผู้ว่าฯ ปลัด นายอำเภอ กำนัน ไปจนถึงผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งจะมีผลกระทบกับข้าราชการและประชาชนเป็นอย่างมาก และในกรณีเร่งด่วนส่วนกลางไม่สามารถส่งความช่วยเหลือไปให้ประชาชนได้ทันท่วงที ก็จะเป็นปัญหาตามมา
สุดท้ายนี้ ดิฉันคงไม่อาจปล่อยให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ซึ่งเปรียบเสมือนขนมหวาน แต่ไส้ในเป็นยาพิษ ผ่านการรับหลักการในวาระ1ไปได้ค่ะ”
2. สอดไส้เป้าหมายแฝงเร้น
ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ได้แสดงความคิดเห็นตอบ Thanathorn Juangroongruangkit ว่า “ทำไมรัฐสภาถึงควรลงมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญปลดล็อกท้องถิ่น” ระบุว่า
“ชำแหละ #ปลดล็อกท้องถิ่น อาจนำไปสู่อะไร?
ข้อเสนอปลดล็อกท้องถิ่นของคณะก้าวหน้าผ่าน “ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญปลดล็อกท้องถิ่น” เป็นการโฆษณาชวนเชื่อให้ผู้อื่นหลงมาเข้าชื่อ โดยไม่ได้คำนึงถึงผลเสียที่จะตามมาอีกมากมาย ภายใต้การขายฝันที่สวยหรู ล้วนแต่เป็นการช่วงชิงแก้ไขรัฐธรรมนูญในทุกวิถีทาง เพื่อให้เป็นไปในแบบที่พวกเขาต้องการ อีกทั้งยังแอบซ่อนไว้ซึ่งจุดมุ่งหมายอันแท้จริง
1.จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของคณะก้าวหน้าในการเคลื่อนไหวปลดล็อกท้องถิ่น เป็นไปเพื่อยกเลิกราชการส่วนภูมิภาค ยกเลิกผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน ทั่วประเทศ ซึ่งผิดต่อหลักวิชาและเป็นเพียงแค่การกระจายอำนาจปกครองเพื่อปูทางไปสู่สิ่งหนึ่งเท่านั้น หาใช่การกระจายอำนาจอธิปไตยให้เป็นของปวงชนอย่างแท้จริงเพื่อสร้างประชาธิปไตยไม่
2.คณะก้าวหน้ามุ่งให้ราชการส่วนท้องถิ่นมีอิสระแบบล้นเกิน แต่ประเทศนอร์เวย์ที่ได้ชื่อว่ามีดัชนีประชาธิปไตยสูงที่สุดในโลก แม้จะไม่มีราชการส่วนภูมิภาคแล้ว แต่ยังมีตัวแทนของราชการส่วนกลางเข้ามาคอยกำกับดูแลการทำงานของราชการส่วนท้องถิ่น จึงเห็นได้ชัดว่าราชการส่วนกลางกับราชการส่วนท้องถิ่นของนอร์เวย์ไม่ได้ขาดกันแบบที่คณะก้าวหน้าต้องการ
3.การขาดกลไกในการประสานงานระหว่างส่วนกลางกับส่วนท้องถิ่น อาจทำให้เกิดความแตกแยกขึ้นได้โดยง่าย จนหวนกลับมาบ่อนทำลายมาตรา 1 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย “ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้” และยังอาจเปิดโอกาสให้เกิดการเคลื่อนไหวที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ตลอดจนการแบ่งแยกดินแดนได้ในที่สุด
4.คณะก้าวหน้ามีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับม็อบสามนิ้ว ที่ใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองมาโดยตลอด ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้จึงอาจนำไปสู่การขยายผลที่เป็นปฏิปักษ์ต่อมาตรา 2 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย “ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (Constitutional Monarchy)” ก็เป็นได้
5.กฎหมายราชการส่วนท้องถิ่นควรแก้ไขไปในทิศทางที่มีการกำหนดบทบาทและหน้าที่ของราชการส่วนท้องถิ่นไว้อย่างชัดเจน แต่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญปลดล็อกท้องถิ่นของคณะก้าวหน้ากลับระบุเป็นข้อยกเว้น จึงเท่ากับการเปิดช่องโหว่ของกฎหมาย อนุญาตให้ทำสิ่งอื่นที่กฎหมายไม่ได้ยกเว้นไว้ทั้งหมด ในทำนองที่ว่าสามารถทำได้เพราะกฎหมายไม่ได้ห้ามเอาไว้
6.การปล่อยให้ราชการส่วนท้องถิ่นมีอิสระทางการคลังแบบล้นเกิน อีกทั้งไม่ได้ระบุขอบเขตของการบริหารใช้จ่ายเงินของราชการส่วนท้องถิ่นอย่างเป็นระบบ ทำให้ยากต่อการตรวจสอบควบคุม มีความเสี่ยงสูงมากที่งบประมาณท้องถิ่นจะถูกนำไปใช้ผิดประเภทจนเกิดความเสียหาย อีกทั้งยังกลับกลายเป็นการส่งเสริมปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นในทางอ้อมอีกด้วย
7.คณะก้าวหน้ามีพฤติกรรมสอดไส้ที่อันตรายให้เห็นอยู่เสมอ มีความเป็นไปได้สูงมากว่าการปลดล็อกท้องถิ่นในครั้งนี้ จะมีเป้าหมายแฝงเร้นซ่อนอยู่ เพราะแม้แต่การ์ดเกมสำหรับเด็ก ยังปรากฏเนื้อหาของการบิดเบือนประวัติศาสตร์ ซึ่งมุ่งสร้างความแตกแยกและความเกลียดชังบนพื้นฐานของการโกหก อาจปลุกเร้าไปสู่ความขัดแย้งตลอดจนการแบ่งแยกดินแดนในที่สุด
ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญปลดล็อกท้องถิ่นของคณะก้าวหน้า จึงเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยของประชาชนทั่วไป หากการปลดล็อกท้องถิ่นของคณะก้าวหน้าไม่ต่างจากกรณีการ์ดเกมบิดเบือนประวัติศาสตร์ บางทีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการแบ่งแยกดินแดน ทำให้ง่ายยิ่งขึ้นต่อการแทรกแซงและปลุกปั่นสร้างความแตกแยกในระดับท้องถิ่นก็เป็นได้” - ดร.ศุภณัฐ
3. อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี วิเคราะห์ว่า ความเคลื่อนไหวของกลุ่มนายธนาธร อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่
“...เขามีจิ๊กซอว์ เคลื่อนเป็นขยัก
ตั้งแต่เปิดเรื่องปฏิรูปสถาบัน ดูดี แต่ไส้ใน 10 ข้อคือการล้มล้าง
หลังๆ มาวิ่งเต้นเรื่อง ม.112 อ้างว่าขอพื้นที่ปลอดภัย แต่เจตนาคือต้องการจาบจ้วง ต้องการให้สถาบันพระมหากษัตริย์อ่อนแอลง และล่มสลายไปในที่สุด
วันนี้ มารองรับจิ๊กซอว์ตัวล่าสุด คือ การแก้รัฐธรรมนูญ อ้างปลดล็อกท้องถิ่น กระจายอำนาจ ฟังผิวเผินดูดี แต่มันเป็นการอาบยาพิษ โดยเฉพาะประเด็นให้ทำประชามติยกเลิกราชการส่วนภูมิภาค เลือกผู้ว่าฯโดยตรง
ราชการส่วนกลางกับท้องถิ่น ถูกแยก การเชื่อมโยงถูกแยก สุดท้าย ก็อาจกลายเป็นระบอบสาธารณรัฐที่เขาต้องการ” – หมอวรงค์ เดชกิจวิกรม
วันนี้ จับตาการประชุมรัฐสภา จะลงมติอย่างไร?
แล้วจะมีใครหยิบจับนำไปเคลื่อนไหวปลุกระดมต่ออย่างไร
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี