น่าขยะแขยง ไร้ซึ่งเกียรติยศและศักดิ์ศรี
เมื่อปรากฏคลิปรีวิว นักท่องเที่ยวสาวจีนใช้บริการตำรวจไทย ไปรับถึงประตูเครื่องบิน เดินนำทาง พาผ่านช่องทางพิเศษยกกระเป๋า เปิดประตูรถให้ ได้น้ำเปล่าไปกิน เชิญชวนไปนั่งรถตำรวจก็ได้ ขับรถนำเปิดไฟฉุกเฉิน เปิดไซเรนรถจักรยานยนต์นำทาง พาไปถึงโรงแรมที่พัก
สนนราคาค่าบริการ ถ้ารถยนต์นำ ค่าบริการ 7,000 บาท
ถ้ามอเตอร์ไซค์นำ ค่าบริการ 6,000 บาท
1. นักท่องเที่ยวสาวจีน ไม่มีภารกิจอะไรที่เกี่ยวข้องกับประโยชน์ส่วนรวม ที่มีเหตุจะต้องไปบริการอำนวยความสะดวกแบบวีไอพีใดๆ เลย ไม่มีระเบียบราชการรองรับ
เรียกว่า ซื้อ-ขายบริการแบบจะจะ
รถที่ไปขับนำ นั่นของหลวง
น้ำมันที่เติม นั่นก็ของหลวง
เครื่องแบบ ไซเรน อภิสิทธิ์ที่นำไปขายให้เขา นั่นก็อาศัยสถานะตำรวจของหลวง
แถมเวลาที่เอามารับจ๊อบ ยังเอากลับไปอ้างทำงานนอกเวลาราชการเพิ่มเติมอีกหรือเปล่ายังไม่ทราบ
2. พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (ผบช.ทท.) มอบหมายให้ พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา โฆษกกองบัญชาการฯ ชี้แจงต่อสื่อมวลชน
พล.ต.ต.อภิชาติ ชี้แจงว่า หลังจากที่เห็นคลิปดังกล่าวผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้สั่งการให้ตรวจสอบทันที ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวขอเรียนต่อสื่อมวลชนดังนี้
1. ทางกองบัญชาการฯ ยอมรับว่า มีข้าราชการตำรวจสังกัดตำรวจท่องเที่ยวจำนวน 1 ราย ปรากฏอยู่ในคลิปดังกล่าว โดยทราบภายหลังว่าเป็น ร.ต.อ.สมพล ภิญโญสโมสร ตำแหน่ง รองสารวัตร กองกำกับการ 3 (รับผิดชอบสนามบินสุวรรณภูมิ) สังกัดกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1
2. เหตุการณ์ในคลิป เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 19 ม.ค.2566 เวลาประมาณ 22.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สายการบินฮ่องกงแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ HX671 เดินทางเข้าไทยพอดี ซึ่งตรวจสอบในวันดังกล่าวแล้ว ทางกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวไม่ได้มีการสั่งการใดๆ ให้ตำรวจท่องเที่ยวสุวรรณภูมิอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวรายใดเป็นกรณีพิเศษ
3. นักท่องเที่ยวที่ปรากฏในคลิปนั้น ทางกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวทราบชื่อแล้ว (แต่ขออนุญาตไม่เอ่ยนาม) ซึ่งนักท่องเที่ยวรายนี้เดินทางมาเที่ยวไทยพร้อมกับมารดา
4. ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้สั่งการแล้วให้กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 ต้นสังกัดของ ร.ต.อ.สมพล ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยด่วน แล้วรีบรายงานให้ทราบ เพื่อที่กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวจะได้สนับสนุนข้อมูลให้จเรตำรวจแห่งชาติที่อาจตั้งคณะทำงานตรวจสอบ และจะได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงทราบ พร้อมทั้งกำชับให้กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1ต้นสังกัด ร.ต.อ.สมพล ให้ความร่วมมือต่อหน่วยงานผู้บังคับบัญชาและหน่วยงานอื่นๆ ที่พร้อมตรวจสอบอย่างเต็มที่ ซึ่ง พล.ต.ต. ม.ล.สันธิกร วรวรรณ ผู้บังคับกองบังคับการท่องเที่ยว 1 ได้สั่งการให้ผู้กำกับการ 3ต้นสังกัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามสั่งการแล้วตามหนังสือ บก.ทท.1 เลขที่ 0038.201/255 ลง 21 ม.ค.2566
5. ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้น ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวสั่งกำชับให้ตรวจสอบจนเกิดความกระจ่างชัดด้วยว่า ตำรวจกลุ่มนี้ทำกันเป็นกระบวนการและใช้อำนาจหน้าที่ประพฤติปฏิบัติอย่างนี้มาหลายครั้งแล้วหรือไม่ โดยหากพบหลักฐานหรือข้อมูลอันเชื่อได้ว่าเป็นการกระทำเช่นนั้น จะได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงและพิจารณาโทษอย่างเด็ดขาดเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป เพราะถือว่า เป็นพฤติกรรมที่สร้างความเสื่อมเสียต่อกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวและสำนักงานตำรวจแห่งชาติในภาพรวมเป็นอย่างยิ่ง
6. โฆษกกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า จากคลิปที่มีการเผยแพร่ผ่านสื่อออกมาครั้งนี้ ขอขอบคุณสื่อมวลชนทุกแขนงและประชาชนที่ร่วมกันตรวจสอบและนำเสนอพฤติกรรมของข้าราชการตำรวจที่ไม่เหมาะสมอันนำไปสู่การตรวจสอบและการพิจารณาลงโทษข้าราชการตำรวจที่มีพฤติกรรมดังกล่าว ซึ่งเท่ากับว่า เป็นการทำให้การท่องเที่ยวของไทยโปร่งใส ตรวจสอบได้และการอำนวยความสะดวกรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวนั้น จะต้องไม่ทำเฉพาะเจาะจงเพียงแค่นักท่องเที่ยวรายหนึ่งรายใดเท่านั้น แต่ต้องทำและดำเนินการให้เกิดความเท่าเทียมต่อนักท่องเที่ยวทั้งหมดทั้งชาวไทยและต่างประเทศ
7. โฆษกกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวกล่าวอีกด้วยว่า ที่ผ่านมากองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่และแข็งขันจนสามารถช่วยเหลือนักท่องเที่ยวรอดพ้นจากอันตราย และหาทรัพย์สินสิ่งของสำคัญของนักท่องเที่ยวที่สูญหายหรือลืมไว้ในสถานที่หนึ่งที่ใดกลับคืนสู่นักท่องเที่ยวได้เกือบทุกกรณีและทุกสถานการณ์ ซึ่งทำให้ลำดับประสิทธิภาพการรักษาความปลอดภัยและสรรสร้างบรรยากาศความมั่นคงในรายงานการประชุมเศรษฐกิจโลกปี 2023 สูงขึ้นมาก อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ขอน้อมรับนำข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นไปปรับปรุงแก้ไข ลงโทษผู้ที่กระทำการไม่เหมาะสม และหามาตรการที่มีประสิทธิภาพป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นอีกต่อไป รวมทั้งจะพิจารณาคัดเลือกสรรบุคลากรที่มีคุณภาพมาปฏิบัติหน้าที่ในจุดที่อ่อนไหวต่อภาพลักษณ์ประเทศต่อไปด้วย
8. ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวนี้ หากมีความคืบหน้าเป็นประการใด ทางกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวจะได้เรียนแจ้งสื่อมวลชนให้ทราบเป็นระยะๆ ต่อไป
3.นึกย้อนถึงกรณี ตำรวจขับรถพาจำเลยในคดีโกงจำนำข้าวหนี
คงจำได้ ตอนนั้น อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ จำเลยคดีจำนำข้าว ได้ประกันตัวสู้คดี ใกล้ถึงวันศาลพิพากษา ปรากฏว่า ได้หลบหนีไปก่อนวันศาลนัดพิพากษา
พอถึงวันศาลนัด ยังอุตส่าห์โกหกสังคมอีกว่า ป่วย น้ำในหูไม่เท่ากัน!!!
หลอแหลมาก
กรณีการหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาจำนำข้าวของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้มีการสืบทราบภายหลัง พบรถยนต์โตโยต้า คัมรี่ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฌข 5323 กรุงเทพมหานคร รถต้องสงสัยในการพายิ่งลักษณ์หนีออกนอกประเทศทางชายแดนจังหวัดสระแก้ว โดยมี พ.ต.อ.รายหนึ่ง เป็นคนขับรถพายิ่งลักษณ์หนี
ตามรายงานเอกสารการสอบปากคำ มีใจความโดยสรุปว่า
เวลา 18.20 น. วันที่ 23 ส.ค.2560 ได้ขับรถสายตรวจโตโยต้ารุ่นอัลติส สีบรอนซ์เทา….ไปจอดรอ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ลานจอดรถห้างฯโลตัส สาขาวัชรพล หลังจากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้นั่งรถเก๋งเบนซ์สีดำออกมา วิ่งนำไปจนถึงหมู่บ้านชัยพฤกษ์ วัชรพล เข้าทางป้อมยามหมู่บ้าน เข้าไปในซอย 23 ก่อนจะมีรถเก๋งโตโยต้า คัมรี่ สีบรอนซ์เทาขับออกมา ขับนำรถ พ.ต.อ.ไปที่บ้านของ พ.ต.อ.ซึ่งอยู่ท้ายซอย 38และทราบว่ามี น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมเลขาฯที่เป็นผู้หญิง นั่งมาในรถคัมรี่ โดยทั้งสองคนมีผ้าแมสก์ปิดจมูก จากนั้น ได้ขับรถเก๋งคัมรี่ ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั่งมากับเลขาฯ ออกจากบ้านพักของ พ.ต.อ. มุ่งหน้าออกจากหมู่บ้านชัยพฤกษ์ วัชรพล เลี้ยวซ้ายไปที่ถนนรามอินทรา มุ่งหน้ามีนบุรี จากนั้นเลี้ยวซ้ายไปถนนสุวินทวงศ์ มุ่งหน้า จ.ฉะเชิงเทรา พอผ่านจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้เลี้ยวซ้ายไปทาง อ.พนมสารคาม เมื่อถึง ต.เขาหินซ้อน ได้เลี้ยวขวามุ่งหน้า จ.สระแก้ว ผ่านตัวจังหวัดสระแก้ว พ.ต.อ.ได้ขับรถมุ่งไปยัง อ.อรัญประเทศ เมื่อถึงตัวอ.อรัญประเทศ ซึ่งเป็นเวลา 22.00 น. ของวันที่ 23 ส.ค.2560 ได้ขับไปตามถนนสุวรรณศรเพื่อไปที่นัดหมาย โดยมีรถมารอรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ห่างจากสถานีรถไฟอรัญประเทศประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งเป็นบริเวณที่ไม่มีแสงไฟส่องสว่าง
เมื่อไปถึง พ.ต.อ.เห็นรถยนต์กระบะสี่ประตู สีทึบ โดยไม่ได้สังเกตยี่ห้อ และหมายเลขทะเบียน จอดอยู่ มีชายลักษณะสูงประมาณ 180 ซม. ซึ่งมองหน้าไม่ชัด ว่าเป็นชายไทยหรือไม่ โดยรถยนต์กระบะคันดังกล่าวเปิดไฟกะพริบซ้ายขวาด้านหลังไว้ด้วย พ.ต.อ.ได้จอดรถที่ขับมาต่อท้าย จากนั้นชายดังกล่าวได้เดินมารับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และเลขาฯหญิง ไปขึ้นรถกระบะแล้วขับออกไป
ส่วน พ.ต.อ.ได้ขับรถต่อไปอีก 500 เมตร จึงแวะจอดข้างทางเพื่อพักชั่วคราว โดยตื่นขึ้นมาเวลาประมาณ 12.00 น. ของวันที่ 24 ส.ค.2560 จึงได้ขับรถยนต์กลับ กทม. ตามเส้นทางเดิมจนถึงบ้านที่หมู่บ้านชัยพฤกษ์ วัชรพล โดยที่ไม่ได้หยุดพัก… จากนั้น วันที่ 28 ส.ค.2560 พ.ต.อ.ได้ขับรถยนต์โตโยต้า คัมรี่ คันดังกล่าว ที่เปลี่ยนป้ายทะเบียนท้ายแล้ว นำไปให้ ด.ต.ผบ.หมู่ ฝอ.7 ภ.จว.นครปฐม ซึ่งเคยรับราชการสมัยอยู่กองปราบปรามด้วยกันเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน นำไปแยกชิ้นส่วนทำลายหลักฐาน...
สุดท้าย จนถึงปัจจุบัน พ.ต.อ.รายดังกล่าว ก็ไม่ได้ติดคุกติดตะรางอะไร แถมยังกลับมารับราชการได้ก้าวหน้าในอาชีพงานราชการต่อไปด้วย
4. กรณีตำรวจบางส่วน ที่ให้ความช่วยเหลือนายทุนขายสลากกินแบ่งผิดกฎหมายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ในขณะนี้ก็เช่นกัน
ช่วยปรับแค่ 1 ใบต่องวด ทั้งๆ ที่ ขายงวดละหลายล้านฉบับ นับเป็นล้านกรรม!!
แถมปรับแค่ 6,000 บาท ทั้งๆ ที่ ยอดขายงวดละเป็นพันล้านบาท!!
เข้าข่ายขายบริการ หรือไม่?
ยังไม่นับตำรวจไซเบอร์ที่ถูกแฉว่าคอยช่วยเหลือเว็บพนันออนไลน์กันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน!!!
นี่ก็ขายบริการอย่างเป็นขาประจำกัน
ช่างน่าอนาถใจกับตำรวจไทย(บางส่วน) เสียจริงๆ
ประธาน ก.ต.ช. นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาจะสะสางล้างบางกันได้หรือยัง
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี