ใครเคยดูหนังเรื่อง “คืนบาปพรหมพิราม” ?
คืนที่คนจำนวนมากร่วมกันก่ออาชญากรรม ต่อเนื่องกันไป....
วันนี้ คงอดคิดไม่ได้ว่า “คืนบาปบ้านกำนันนก” มันช่างอำมหิต ชั่วร้าย ไม่น้อยไปกว่ากัน
1. การสังหาร พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล.
ยิงที่บ้านกำนันนก ในงานที่มีคนอยู่ในเหตุการณ์กว่า 36 คน
โดยเป็นตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์ 26 นาย
มือสังหารคือลูกน้องของกำนันนก
หลังจากนั้น เกิดเหตุการณ์ต่อเนื่อง เป็นเสมือน “คืนบาปบ้านกำนันนก”
2. ไม่มีตำรวจแม้สักคนเดียวที่ต่อสู้ จับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุซึ่งหน้า
ตำรวจบางนาย ได้อาวุธปืนมาจากนายธนัญชัยหรือหน่องได้แล้ว แต่กลับปล่อยตัวมือสังหารไป
ตำรวจบางนาย พามือสังหารหนีออกไปจากที่เกิดเหตุ
ตำรวจบางนาย นั่งรถยนต์ไปกับกำนันนกออกจากที่เกิดเหตุ
ตำรวจบางนาย ร่วมกันยืนคุ้มกันกำนันนก พาออกไปจากที่เกิดเหตุ
ตำรวจบางนาย ขับรถจักรยานยนต์นำรถยนต์ที่พากำนันนกออกจากที่เกิดเหตุไปที่บ้านอีกหลัง
ตำรวจบางนาย นำอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุฆ่าสารวัตรทางหลวงห่อด้วยผ้าคลุมเก้าอี้ และนำไปฝากไว้กับนายเก่ง (คนงานในบ้านกำนันนก)แล้วนายเก่งนำไปฝังดินซุกซ่อน
ตำรวจบางนาย มีชื่อเป็นเจ้าของทะเบียนอาวุธปืน (ป.3) ที่มือสังหารใช้
ฯลฯ
ปล่อยให้มีการทำลายหลักฐานในที่เกิดเหตุบริเวณโต๊ะกินเลี้ยง
เอาเซิร์ฟเวอร์ภาพกล้องวงจรปิดไปทิ้งแม่น้ำ
ล้างคราบเลือดในที่เกิดเหตุ
เก็บปลอกกระสุนปืนไปทิ้ง
ทั้งหมด อย่างน้อยเข้าข่าย ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด, ร่วมกันช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือ เป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดอันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษโดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม
ใครจะไปคิดว่า การกระทำเหล่านี้ จะเกิดขึ้นในหมู่ตำรวจเสียเอง และในเหตุสังหารสารวัตรตำรวจทางหลวง ซึ่งเป็นพี่น้องร่วมอาชีพสีกากีด้วยกันแท้ๆ
3. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เผยว่า ขณะนี้กู้เซิร์ฟเวอร์วงจรปิดงานเลี้ยงได้แล้ว ความชัดเจน 100% คนที่อยู่ในเหตุการณ์ขณะนี้ทราบว่ามีทั้งหมด 36 คน มีตำรวจ 26 นาย และพลเรือน 10 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในงานเลี้ยงตอนนี้ได้แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
กลุ่มที่พาคนเจ็บและผู้เสียชีวิตส่งโรงพยาบาล
กลุ่มตำรวจที่ช่วยทำลายหลักฐานและให้การช่วยเหลือผู้ต้องหาในการหลบหนี
และกลุ่มตำรวจที่ไม่ทำอะไรเลย แล้วหนีกลับ
“...ต้องมาดูกันว่ามีใครอยู่กลุ่มไหนบ้าง ขณะนี้มีความคืบหน้ามากพอสมควร แต่ยังไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ เพราะอยู่ในสำนวนคดี สำหรับประเด็นตำรวจพาคนเจ็บและผู้เสียชีวิตไปส่งโรงพยาบาล ได้รับรายงานว่ามีประมาณ 10 คนด้วยกัน หลังจากนี้ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งว่ามีมากกว่านี้หรือไม่ แล้วทั้ง 10 คน ทำการช่วยเหลือคนเจ็บและคนเสียชีวิตส่งโรงพยาบาลจริงหรือไม่ ใครทำหน้าที่อะไรบ้าง ไม่ใช่เหมารวมว่าไปหาที่โรงพยาบาลเพียงอย่างเดียวแล้วจะช่วยทั้งหมด หากพบว่าตำรวจที่ให้การช่วยเหลือจริงๆ นั้นอาจไม่ถูกดำเนินคดี เพราะการช่วยเหลือถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่เช่นกัน...
...จะมีการออกหมายจับเพิ่มเติมอย่างแน่นอน แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะเป็นใคร ฐานความผิดอะไร
...อีกส่วนหนึ่งที่จะต้องขยายเพิ่มเติม คือ กิ่งก้านสาขาของลูกน้องของกำนันนกทั้งหมด รวมถึงเรื่องการทำธุรกิจต้องรื้อทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการประมูล มีการฮั้วประมูลหรือไม่ และอาจต้องขยายผล หากพบการกระทำผิดจะต้องมีการยึดทรัพย์ทุกรายการ วันนี้ต้องไม่ไปเป็นไม้ค้ำยันให้คนไม่ดี การเป็นนักการเมืองท้องถิ่น ทำตัวเป็นนักเลงหัวไม้ได้เห็นตัวอย่างแล้ว ซึ่งจะต้องเป็นตัวอย่างสุดท้ายของวงการตำรวจ...” - พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว
4. พลเรือน 5 คน ที่ร่วมกระทำความผิดแล้ว ถูกแจ้งข้อหาดำเนินคดีแล้ว ได้แก่
นายโบ๊ท อดีตเจ้าหน้าที่เรือนจํากลางราชบุรี ทำหน้าที่นำเซิร์ฟเวอร์วงจรปิดที่เกิดเหตุไปโยนทิ้งน้ำ 2 จุด
นายเก่ง ผู้ที่นำอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุยิง พ.ต.ต.ศิวกร ไปฝังดินเพื่ออำพรางคดี
อีก 3 ราย ทำหน้าที่ทำลายหลักฐานหลังเกิดเหตุ บริเวณจุดกินโต๊ะจีนล้างคราบเลือด รวมถึงเก็บปลอกกระสุนปืนไปทิ้ง
แน่นอนว่า คนกลุ่มนี้ ก็จะต้องมีคนสั่งให้ทำ และคนสั่งให้ทำ ก็ต้องเป็นตำรวจหรือมีตำรวจให้คำแนะนำ จึงรู้เทคนิคในการทำลายหลักฐาน
5. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป.รรท.ผบก.ทล. เปิดเผยว่าสำหรับ พ.ต.ต.ศิวกร ถือว่าได้ทำหน้าที่ของตัวเองจนนาทีสุดท้าย การที่ผู้บังคับบัญชาชวนไปพูดคุย ยังถือเป็นหน้าที่ราชการ และยังอยู่พื้นที่ ตนได้บอกกับสารวัตรศิวกร หลังถอดเครื่องช่วยหายใจ ตนได้เข้าไปลูบหัวแล้วบอกว่า พี่ๆ น้องๆ จะทวงความยุติธรรมให้ ซึ่งวันนี้ทำได้แล้วส่วนหนึ่ง แต่หนังเรื่องนี้ก็ยังไม่จบ
“...ได้รับทราบมาว่า ก่อนจะเกิดเหตุ กำนันนกได้เคยมาพูดคุยกับพ.ต.ต.ศิวกร เพื่อขอเคลียร์เรื่องการบรรทุกน้ำหนักเกิน หรือ ค่าแบก ของกิจการตนเอง เพราะที่ผ่านมาตำรวจทางหลวงเข้มงวดมาก กำนันนกจึงต้องการจะขอให้มีการผ่อนปรนให้กับรถของกิจการตนเองกว่า 100 คัน โดยเสนอผลประโยชน์ให้ แต่ พ.ต.ต.ศิวกรไม่รับ
หลังจากนั้น ก็มีการมาพูดคุยเรื่องขอตำแหน่งอีก ก็ยังไม่ได้รับความร่วมมือ จึงเกิดความไม่พอใจอยู่แล้ว 2 เรื่อง
พอมาวันเกิดเหตุมีการท้าดื่มสุรากัน แล้วกำนันนกกินสู้ไม่ได้ ก็เกิดการเสียหน้า ประกอบกับเรื่องเดิมที่ไม่พอใจอยู่แล้ว จึงสั่งการไป...
...ยืนยันว่า เรื่องนี้จะต้องมีการตรวจสอบในทุกมิติ โดยจะไปพบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ป.ป.ช.,ป.ป.ท.,ปปง. และบก.ปปป. รวมถึงกรมสรรพากรด้วย ในการตรวจสอบกำนันนก เพราะการที่ทำให้ตำรวจสามารถเปลี่ยนเลือดสีเลือดหมูไปเป็นเลือดเสียได้ ทำให้ตำรวจปันใจทรยศไป โดยไม่คิดถึงศักดิ์ศรีครึ่งชีวิตที่มีมาได้ แปลว่ากำนันนกต้องมีของดี ไม่เช่นนั้น คงไม่สั่งให้ใครยิงสารวัตรได้ เพราะไม่เคยมีกรณีที่ตำรวจถูกยิงต่อหน้าตำรวจมาก่อน
....ได้มีการประชุมชี้แจงสั่งการตำรวจทุกคนแล้วว่า ในการทำงานต้องมีศักดิ์ศรี เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ครอบครัวตำรวจรับไม่ได้ จึงขอเตือนตำรวจรุ่นหลัง ให้ไปทบทวนบทบาทของตนเอง
หากผิดพลาดไปก็ยังไม่สายที่จะกลับมา...” - พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าว
6. “คืนบาปบ้านกำนันนก” เกิดขึ้นได้เพราะมีเจ้าหน้าที่รัฐ ข้าราชการ ไปทำตัวเป็นขี้ข้าผู้มีอิทธิพล
จะด้วยสินบน ส่วย ผลประโยชน์ช่วยเหลือเชิงอุปถัมภ์ ในลักษณะใดก็ตาม ที่ทำให้ยอมทรยศต่อวิชาชีพ
ทรยศต่ออาชีพ อำนาจหน้าที่ของตำรวจ
ทรยศต่อเพื่อนพี่น้องตำรวจด้วยกันเอง
จนถลำลึก ร่วมช่วยเหลือ กลบเกลื่อน ทำลายหลักฐาน ให้แก่คนที่ฆ่าตำรวจอย่างโหดเหี้ยม
ถือว่าเป็นความอัปยศ และน่าเศร้าใจเป็นที่สุด
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี