สถานการณ์ความขัดแย้งในทางสากลของสองขั้วมหาอำนาจของโลกได้ยกระดับทั้งความรุนแรงและขนาด ตลอดจนพื้นที่ที่กว้างขวางใหญ่โตและรุนแรงยิ่งกว่าครั้งใดในประวัติศาสตร์ของมวลมนุษย์ โดยเฉพาะนับแต่สิ้นสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา
จนเป็นที่วิตกกังวลกันโดยทั่วไปว่าสถานการณ์ความขัดแย้งนี้กำลังเดินหน้าเข้าไปใกล้เส้นแดงแห่งการจุดชนวนสงครามโลกครั้งที่สามเต็มทีแล้ว
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประชาคมโลก มีภูมิยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และต้องถือว่าเป็นภูมิยุทธศาสตร์ที่เป็นปัจจัยชี้ขาดของอนาคตความขัดแย้งของโลกด้วยก็ได้ นั่นคือประเทศไทยตั้งอยู่ในศูนย์กลางของภูมิยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ใหญ่ของสหรัฐและขั้วมหาอำนาจเก่าในปัจจุบันนี้
ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประกาศยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ที่ถือจีนเป็นภัยคุกคามที่จะต้องปราบปรามและทำสงครามทำลายล้างจนถึงที่สุด และเปิดฉากยุทธศาสตร์นี้ด้วยการทำสงครามทางการค้าและมิติอื่นๆ เพื่อทำลายศักยะสงครามทั้งหลายของจีน สรรพมาตรการทั้งหลายที่ประเทศมหาอำนาจเคยใช้ถูกขนมาใช้ในปฏิบัติการต่อจีนอย่างเต็มที่รวมทั้งมาตรการมิติใหม่ๆ จำนวนมาก
เงื่อนลึกปมลับของยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกคือการทำลายพันธมิตรขั้วอำนาจใหม่ของโลก ที่มีรัสเซีย จีน อิหร่าน เกาหลีเหนือเป็นศูนย์กลางโดยมีเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ว่าถ้าสามารถทำลายประเทศจีนจากการทำลายระบบเศรษฐกิจ บั่นทอนความเข้มแข็งด้านแสนยานุภาพ และศักยะสงครามของจีนได้สำเร็จ ก็เหมือนตัดเส้นเลือดหัวใจของรัสเซีย และในที่สุดอิหร่านและเกาหลีเหนือก็จะพลอยพ่ายแพ้ตามไปด้วย
ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ครอบคลุมภูมิประเทศทั้งภาคพื้นมหาสมุทรอินเดีย ภาคพื้นมหาสมุทรแปซิฟิก และภาคพื้นอาเซียน 10 ประเทศ รวมทั้งแผ่นดินด้านเหนือของมหาสมุทรทั้งสองไปจนจรดมหาสมุทรแอตแลนติก ครอบคลุมเครือข่ายวงจรดาวเทียมสำคัญเกือบครึ่งหนึ่งของอวกาศ
อาเซียน 10 ประเทศนั้นแม้จำแนกได้เป็นอาเซียนตอนบน 5 ประเทศ และอาเซียนตอนล่าง 5 ประเทศ แต่ทั้งหมดนั้นโดยลักษณะพิเศษทางภูมิยุทธศาสตร์ทั้งภาคพื้นดิน ภาคพื้นมหาสมุทร อากาศและอวกาศก็เป็นสภาพที่ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอยู่นั่นเอง
มันจะเกี่ยวข้องอะไรกับการอยู่ดีๆ ประเทศไทยนำเอาวงโคจรดาวเทียมถึง 6 วงเอาไปตั้งประมูลให้นายทุนใหญ่ฮุบครอง ในราคาตั้งประมูลแค่ 600 ล้านบาทสาธุชนทั้งหลายต้องค้นคว้าหาความจริงกันเอาเอง
รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ได้ลงนามในแถลงการณ์เข้าร่วมยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ตั้งแต่ไก่โห่ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังพยายามที่จะรักษาความสัมพันธ์กับอีกขั้วอำนาจหนึ่งของโลก จนทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศกะล่อนปลิ้นปล้อน ทำให้ภาพลักษณ์Siam Talk ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง
พฤติกรรมเช่นว่านั้นสามารถยกตัวอย่างได้มากมาย ดังเช่นในขณะที่กองทัพบกเปิดการซ้อมรบทางบกกับสหรัฐ กองทัพอากาศไทยก็เปิดการซ้อมรบทางอากาศกับจีน
หรือในขณะที่ประเทศไทยร่วมซ้อมรบกับสหรัฐทางบกในระยะเวลาถัดมา กองทัพเรือก็ซ้อมรบทางนาวี โดยอนุญาตให้จีนขนเอาเรือดำน้ำสารพัดชนิด รวมทั้งเรือดำน้ำขนาดใหญ่สุดชั้นซึ่งเข้ามาซ้อมรบในอ่าวไทยได้
ในขณะที่ผู้บัญชาการทหารบกรับคำเชิญสหรัฐไปเยี่ยมเยือนดูงานในสหรัฐ หลังจากนั้นไม่นานก็นำขบวนใหญ่ไปเยี่ยมเยือนกองทัพบกของกองทัพปลดแอกประชาชนจีนอย่างหน้าตาเฉย
ในขณะที่ไทยทำความตกลงกับพม่าที่จะไม่ทำสงครามแก่กัน เพื่อป้องกันไม่ให้ต่างชาติยกกองทัพเข้ามาช่วยประเทศไทยตั้งกองกำลังหรือฐานทัพขึ้นในภาคเหนือ ภาคอีสาน หรือภาคกลาง แต่กลับมีกองกำลังนอกแบบพร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัยเข้าไปสนับสนุนกองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นยูทำสงครามกับกองทัพพม่า
นี่คือพฤติกรรมที่ประเทศไทยกำลังทำและใช้ปฏิบัติอยู่ในทุกวันนี้
ดังนั้นในขณะที่ความขัดแย้งของโลกกำลังขยายตัวยกระดับความรุนแรงขึ้น ประเทศไทยจะเอาอย่างไรกับปัญหาความขัดแย้งของขั้วมหาอำนาจของโลกเพราะประเทศไทยไม่สามารถหลีกลี้หนีพ้นความขัดแย้งได้มิหนำซ้ำ เรากลับอยู่ในสถานะที่ต้องเผชิญหน้ากับความขัดแย้งรอบด้านอย่างแหลมคมที่สุดในประวัติศาสตร์ของชนเผ่าไทยของเรา
กล่าวถึงตรงนี้ใจก็น้อมรำลึกด้วยน้ำตาที่ซึมหน้าถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9พระมหาราชเจ้าที่ทั่วโลกยอมรับนับถือว่าแม้ในมือของพระองค์ท่านไม่ได้จับอาวุธ แต่พระองค์ท่านคือนักรบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษย์ ที่นำทัพของมวลมนุษยชาติทั้งหลายทำสงครามกับความยากจนจนกระทั่งทั้งรัสเซียและจีนก็ได้นำแนวความคิดของพระองค์ท่านไปปฏิบัติและประสบความสำเร็จ
อีกด้านหนึ่งซึ่งวันหนึ่งทั่วโลกจะต้องยอมรับนับถือถึงความยิ่งใหญ่แห่งพระปัญญาทัศน์ของพระองค์ท่าน นั่นคือทรงเป็นจอมทัพแห่งสันติภาพ ที่พระราชทานพระบรมราโชบายให้รัฐบาลไทย ในยุคพลเอกเปรม แก้ไขปัญหาความขัดแย้งและสงคราม 30 ปี นำสันติภาพสันติสุขกลับคืนแผ่นดินนี้และภูมิภาคนี้ จนเป็นที่เลื่องชื่อลือชาให้ปรากฏมาแล้ว
พระปัญญาทัศน์อันใด พระบรมราโชบาย และพระบรมวิเทโศบายอันใดในเรื่องนี้ที่เคยทรงใช้ทรงปฏิบัติประสบความสำเร็จมาแล้วคือมรดกอันล้ำค่าที่ไม่ได้สูญหายไปไหน ยังอยู่ในความคิดและสติปัญญาของทั้งคณะองคมนตรีและผู้นำเหล่าทัพ ดังนั้นพวกท่านทั้งหลาย โดยเฉพาะรัฐบาลหน้าใหม่มืออ่อน ควรจะได้ตระหนักสังวรว่าประเทศไทยไม่ได้เกิดขึ้นในวันนี้วานนี้
เรามีภูมิปัญญาอันวิเศษแห่งสันติภาพและการพัฒนาที่เป็นอาวุธกายสิทธิ์ที่สามารถสยบและแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและสงครามได้ วันเวลาใดก็ตามที่ท่านผู้รับผิดชอบเหล่านี้สำนึกและสะกิดใจในเรื่องนี้ จ้องหน้ามองพระพักตร์ของสมเด็จพระมหาราชเจ้าพระองค์นั้น น้อมนำพิจารณาถึงเรื่องนี้ ประเทศไทยเราก็จะมีทางออกอันวิเศษอย่าได้สงสัยเลย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี