รัฐบาลเศรษฐาจัดตั้งขึ้นในสถานการณ์ที่อาจกล่าวได้ว่าขื่อแปของบ้านเมืองล่มสลาย กฎหมายไร้ความศักดิ์สิทธิ์ กระบวนการยุติธรรมเสื่อมทรุด ขาดความเชื่อถือจากประชาชน เหล่ามิจฉาชีพฮึกเหิมลำพองเกร่อเกลื่อนไปทั้งแผ่นดิน เจ้าหน้าที่ของรัฐจำนวนมากทรยศต่อฐานะข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประพฤติชั่วยอมตัวขายตนให้เงินทอง
ทำให้เหล่ามิจฉาชีพและคนพาลสันดานหยาบทั้งหลายฮึกเหิมลำพอง ก่อกรรมทำเข็ญขึ้นในบ้านเมือง ย่ำยีกฎหมายบ้านเมือง บังคับกวาดต้อนเอาเจ้าหน้าที่ของรัฐมาเป็นสมุนบริวารข่มเหงราษฎรและเหล่าข้าราชการผู้สุจริต ในขณะที่กฎหมายถูกใช้ตามอำเภอใจ
ประเทศอยู่ในสภาพไร้ธรรมอำไพ มีอนาคตที่จะต้องบรรลัยอย่างแน่นอน ดังนั้นในสถานการณ์เช่นนี้ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลเกิดขึ้น ทั้งวิกฤตและโอกาสจึงคละเคล้าปะปนอยู่ด้วยกัน คนทั้งหลายจึงได้ตั้งความหวังว่าวิกฤตทั้งหลายจะได้รับการแก้ไข สร้างโอกาสอันยิ่งใหญ่ในการฟื้นฟูชาติบ้านเมือง บำรุงให้อาณาประชาราษฎรร่มเย็นเป็นสุข
ความจริงเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องลึกลับซับซ้อนอะไร แต่เป็นเรื่องที่เปิดเผยเย้ยฟ้าท้าดิน ดังปรากฏหลักฐานชัดเจนอยู่ในบทพระราชปรารภในรัฐธรรมนูญ 2560 นั่นเอง เป็นการประกาศต่ออาณาประชาราษฎรและเทพยดาอารักษ์ผู้รักษาแผ่นดินทั้งหลายไว้อย่างชัดเจนว่า
สาเหตุแห่งวิกฤตเกิดจากการทุจริต การฉ้อฉล การบิดเบือนการใช้อำนาจ และการไม่นำพาต่อความเดือดร้อนของราษฎร
ซึ่งเป็นการสะท้อนสถานการณ์ของบ้านเมืองที่ดำรงอยู่ก่อนมีบทพระราชปรารภแห่งรัฐธรรมนูญนั้น อันเป็นเรื่องควรที่คนทั้งหลายจะน้อมใจพิจารณาศึกษาเห็นโทษของสถานการณ์วิกฤตนั้นและเหตุแห่งวิกฤตนั้น แล้วร่วมกันป้องกันแก้ไขเพื่อฟื้นฟูประเทศไทยของเราให้กลับคืนสู่ความมั่นคงและความมั่งคั่งดังแต่ก่อน
ว่ากันว่าความอันเป็นบทพระราชปรารภนี้ไม่ใช่เนื้อความที่กรรมการร่างรัฐธรรมนูญยกร่างขึ้นเอง แต่เป็นความที่ปรากฏขึ้นหลังจากนำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย และเข้าสู่กระบวนการพิจารณาก่อนที่จะมีการประกาศใช้
ปรากฏว่าหลังจากรัฐธรรมนูญ 2560 ประกาศใช้แล้ว เหตุวิกฤตทั้งสี่ประการนั้นนอกจากไม่ได้รับการแก้ไขให้บรรเทาเบาบางหรือสร่างสิ้นไปแล้ว กลับทวีความรุนแรงมากขึ้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แถลงผลการปฏิบัติงานว่าการทุจริตได้เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก และเกิดความเสียหายแก่แผ่นดินเป็นจำนวนมากยิ่งกว่าทุกยุคทุกสมัย
มีการชี้มูลความผิดเหล่าเจ้าหน้าที่ของรัฐที่กระทำการโดยไม่ชอบ หรือที่กระทำการโดยทุจริตเป็นจำนวนมาก แต่ละปีมีผู้ถูกดำเนินคดีหลายพันคน ในขณะเดียวกันการย่ำยีกฎหมายบ้านเมืองที่กระทำโดยผู้รักษากฎหมาย หรือผู้มีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายกลับขยายตัวไปอย่างกว้างขวางและเย้ยฟ้าท้าดิน
การกระทำความผิดจำนวนมากเรื่องเงียบหายไปเฉยๆ ในท่ามกลางความค้างคาใจและความสงสัยของประชาชน เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ผู้คนคิดว่าเป็นข้าราชการตงฉินกลับเสื่อมสิ้นถอยอำนาจเข้าไปอยู่ในกรุคนแล้วคนเล่าคนที่มีภาพลักษณ์ทุรชนกลับมีอำนาจขึ้นในบ้านเมือง
ปรากฏการณ์ส่งเสริมให้คนไม่ดีให้มีอำนาจและการกำจัดคนดีออกจากอำนาจได้เกิดขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง จนเกิดความท้อแท้หมดกำลังใจในวงราชการอย่างกว้างขวาง
กระทั่งล่าสุดนี้เกิดกรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐประพฤติตนแสดงตนอย่างเย้ยฟ้าท้าดินว่าเป็นสมุนบริวารของผู้มีอิทธิพล บังอาจกระทั่งกล้าสังหารเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วยกันเองโดยไม่ยำเกรงกบิลเมือง ในขณะที่เรื่องราวก็เกิดปรากฏการณ์ที่ตัดตอนไม่ให้ไปถึงตัวผู้บงการใหญ่ก็เห็นชัดขึ้นทุกวัน
สภาพที่กฎหมายไร้ความศักดิ์สิทธิ์ เจ้าหน้าที่ของรัฐประพฤติตนเป็นอาชญากรข่มเหงราษฎรเสียเอง หรือบ้างก็ใช้อำนาจหน้าที่ไปในทางแสวงหาประโยชน์ส่วนตน หรือในการสร้างความเดือดร้อนหรือกลั่นแกล้งให้ประชาชนได้รับความลำบาก เพื่อเป็นหนทางในการหาลาภและประโยชน์จากผู้เดือดร้อนโดยไม่ชอบ เป็นปรากฏการณ์ที่ดาษดื่นไปในแผ่นดิน
เหล่ามิจฉาชีพที่ปรากฏตนขึ้นในนามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่กระทำอาชญากรรมผ่านระบบคอมพิวเตอร์ในรูปแบบการหลอกลวงฉ้อฉลฉ้อโกงบังคับเอาทรัพย์สินจากประชาชนที่ขยายตัวไปอย่างกว้างขวาง และทำกันอย่างโจ๋งครึ่มเย้ยฟ้าท้าดินจนผู้คนเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส กลับไม่มีหน้าไหนแสดงความรับผิดชอบหรือออกหน้าในการป้องกันแก้ไข ปล่อยให้ประชาชนเผชิญอาชญากรรมตามยถากรรม
เหล่านี้คือสภาพที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่าบ้านเมืองของเราสิ้นไร้ซึ่งขื่อแป อาณาประชาราษฎรจะอยู่ร่มเย็นเป็นสุขอย่างไรได้ สภาพเช่นนี้ถ้าเกิดขึ้นโดยลำพังของเหล่ามิจฉาชีพหรืออาชญากร ก็ย่อมแก้ไขให้เสร็จสิ้นไปได้โดยง่ายด้วยอำนาจแห่งรัฐซึ่งทรงอานุภาพและความศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีอำนาจทรชนใดต้านทานได้
พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ได้ตรัสรับรองอำนาจนี้ว่าวโส อิสริยัง โลเก แปลว่าอำนาจเป็นใหญ่ในโลก แต่สามารถแปลโดยความหมายให้ตรงกับกรณีได้ว่าอำนาจแห่งกฎหมายบ้านเมืองนั้นทรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ สามารถกำจัดพิษภัยทั้งหลายและอาชญากรรมทั้งหลายให้มลายสิ้นไปได้
การที่อาชญากรและอาชญากรรมยังก่อความระส่ำระสายในบ้านเมืองไม่มีที่สิ้นสุดและยังจับหัวโจกใหญ่ไม่ได้ เป็นสิ่งที่ท้าทายรัฐบาล โดยเฉพาะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
ในสมัยราชวงศ์ซ้อง เปาบุ้นจิ้น ซึ่งเป็นขุนนางผู้ตรวจราชการแห่งศาลไคฟง เคยกล่าวเตือนบรรดาขุนนางแห่งศาลไคฟงว่าคดีอาชญากรรมใหญ่โตอันใดที่รู้เห็นกันทั้งบ้านทั้งเมือง แต่จับตัวคนผิดไม่ได้ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าหัวหน้าโจรอยู่ที่จวนตำรวจ
ถึงเวลาแล้วที่ต้องฟื้นฟูขื่อแปของบ้านเมืองมิฉะนั้นอาณาประชาราษฎรผู้ทุกข์ร้อนทั้งแผ่นดินจะไม่มีวันร่มเย็นเป็นสุขได้เลย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี