วันศุกร์ ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / มองอย่างไท
มองอย่างไท

มองอย่างไท

ปิยะ เนตรวิเชียร
วันจันทร์ ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2566, 02.00 น.
กำลังทัพ ต้องพอเพียงต่อการสู้รบ

ดูทั้งหมด

  •  

นโยบายในการหาเสียงของพรรคการเมืองบางพรรคก่อนหน้าการเลือกตั้งครั้งหลังสุดนี้ ที่ได้กล่าวถึงการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นที่ถูกอกถูกใจของกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มหนุ่มทั้งหลาย ที่จะไม่ต้องเข้ามารับใช้ชาติในฐานะทหารเกณฑ์ ซึ่งอาจจะต้องเข้าผึกและปฏิบัติหน้าที่อย่างน้อย ๑-๒ ปี โดยเสนอให้ผู้ที่สมัครใจจะเป็นทหารสมัครเข้ารับใช้ชาติเอง กำลังเป็นเรื่องที่จะถูกสานต่อหลังจากที่ได้มีการจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว

เรื่องนี้เป็นเรื่องซึ่งอาจจะกระทบกับอัตรากำลังพลของกองทัพ ซึ่งต้องมีการเตรียมแผนและเตรียมการเป็นระยะเวลายาวนานพอสมควร เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ถึงแม้ว่าจะมีบางฝ่ายออกมาพูดว่าประเทศไทยไม่ต้องมีกำลังรบมากมาย เพราะในยุทธศาสตร์ยุคใหม่นั้น หากเกิดสงครามใหญ่ก็จะมีการใช้อาวุธที่ทันสมัยและส่วนใหญ่เป็นอาวุธพิสัยไกล อาทิ จรวดนำวิถี จากภาคพื้นอากาศและภาคพื้นดินในการรบเป็นหลัก ประเทศไทยเราก็คงสู้ใครไม่ได้ ซึ่งเป็นคำพูดที่ดูหมิ่นศักดิ์ศรีของประเทศและกองทัพเป็นอย่างมาก ไม่สมควรที่ชาวไทยทั้งหลายที่หากมีเลือดรักชาติจะพูดจาเช่นนี้


ปัจจุบันนี้ การเกณฑ์ทหารในแต่ละปีจะมีการกำหนดตัวเลขของกำลังพลที่จะต้องผ่านการตรวจเลือกเพื่อเข้าเป็นทหารที่ชัดเจนพอสมควร โดยในปีล่าสุดคือปี ๒๕๖๖ มีความต้องการเป็นจำนวนประมาณ ๖ หมื่นนาย ซึ่งปรากฏว่มีทหารที่ผ่านการตรวจเลือกโดยการสมัครใจสมัครเข้ารับราชการเอง เป็นจำนวนถึง ๓๕,๖๑๗ นาย โดยเป็นผู้สมัครจากระบบออนไลน์จำนวน ๑๐,๑๕๖ นาย และผู้ที่สมัครในระหว่างการตรวจเลือก ๒๕,๔๖๑ นาย และยังมีตัวเลขที่น่ายินดีว่า  มียอดผู้สมัครร้องขอเต็มจำนวนที่ต้องการในหน่วยตรวจเลือกถึง 9 แห่ง ในอำเภอไทรน้อย ปากเกร็ด บางกรวย จังหวัดนนทบุรี อำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานี  อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล  อำเภอเทพา หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา  และอำเภอทรายมูล จังหวัดยโสธร โดย ๑ ใน ๑๐ ของผู้สมัคร เป็นผู้ที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีและโท

โดยความจริงแล้ว ทางกองทัพได้ดำเนินการในการตรวจเลือกทหารโดยเปิดโอกาสให้ชายไทยที่มีความรับผิดชอบ สมัครเข้าเป็นทหารในกองทัพมาหลายปีแล้ว และตัวเลขของผู้สมัครหากย้อนหลังไปตั้งแต่ปี ๒๕๖๔ ถึง ๒๕๖๖ ก็มียอดเพิ่มขึ้นตามลำดับ ฉะนั้นการที่พรรคการเมืองต่างๆ ออกมาหาเสียงโดยการประกาศว่าจะยกเลิกการเกณฑ์ทหารทั้งหมดนั้น อาจจะถือได้ว่าเป็นการชุบมือเปิบในสิ่งที่กองทัพได้ทำอยู่แล้วมาขยายผลเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อพรรคในการเลือกตั้งนั่นเอง

หากย้อนไปดูยอดความต้องการของกองทัพในแต่ละปี  ย้อนหลังไปตั้งแต่ปี ๒๕๖๑ จะพบว่า จำนวนยอดเกณฑ์ทหารลดลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยลดจาก ๑๐๔,๗๓๔ นาย  จนถึงปี ๒๕๖๕ เหลือเพียงจำนวน ๕๘,๓๓๐ นายเท่านั้น ซึ่งเป็นไปตามนโยบายใหม่ของกองทัพ  ที่ต้องการให้ชายไทยเข้ามาโดยสมัครใจเพิ่มมากขึ้น โดยการจูงใจด้วยสวัสดิการและได้สิทธิรับราชการเป็นทหารชั้นประทวนหรือนายสิบเมื่อครบระยะเวลาที่เป็นทหารเกณฑ์ตามที่กำหนด

คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า กำลังพลของกองทัพนั้นเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ในการปกป้องประเทศและต่อสู้กับอริราชศัตรู ที่อาจจะรุกเข้ามายังประเทศของเรา  ซึ่งหากย้อนไปดูประวัติศาสตร์ก็จะพบว่า  การที่ประเทศไทยอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ และยังเป็นชาติไทยไว้ได้นั้น  เกิดมาจากความเข้มแข็งของกองทัพไทย อันมีพระมหากษัตริย์ผู้กล้าหาญหลายพระองค์เป็นจอมทัพ  แต่ถึงกระนั้นในบางคราวที่ข้าศึกยกทัพใหญ่มาเพื่อหมายยึดครองหรือทำลายล้างชาติไทยเรานั้น จะมีการใช้กำลังพลมากมายมหาศาลอย่างที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ จนทำให้กรุงศรีอยุธยาต้องสูญเสียเอกราชถึง ๒ ครั้ง ครั้งแรกในปีพุทธศักราช ๒๑๑๒ ในสมัยสมเด็จพระมหินทราธิราช และครั้งที่ ๒ ในปีพุทธศักราช ๒๓๑๐ ในสมัยสมเด็จพระเจ้าเอกทัศ

ในการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งแรกนั้น  กองทัพพม่าโดยการนำของผู้ชนะสิบทิศ คือพระเจ้าบุเรงนอง พระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรตองอู  ได้นำกำลังทัพซึ่งเชื่อกันว่ามีมากกว่า ๕๐๐,๐๐๐ นาย  เพื่อมารบกับกรุงศรีอยุธยา  โดยการเคลื่อนทัพรวม ๗ ทัพเข้ามาทางด่านแม่ละเมา  โดยมาล้อมกรุงศรีอยุธยาอยู่เป็นระยะเวลายาวนานกว่า ๑๐ เดือน  ซึ่งในส่วนของกรุงศรีอยุธยาไม่เคยมีการระดมกำลังทหารได้มากกว่า ๒๐๐,๐๐๐ นาย  จึงต้องตั้งรับอยู่ในกรุง ทั้งสองฝ่ายได้ใช้ปืนใหญ่ในการยิงต่อสู้กัน  และในที่สุดกรุงศรีอยุธยาก็เกิดการขาดแคลนข้าวปลาอาหาร  ตลอดจนการที่มีการใช้ไส้ศึก  ทำให้ในที่สุดกองทัพของพระเจ้าบุเรงนอง ก็สามารถเข้ายึดกรุงศรีอยุธยาได้  ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายว่า  หากการล้อมกรุงศรีอยุธยาอยู่นั้นยืดเยื้อออกไปอีกเพียง ๑ เดือน ก็จะถึงช่วงฤดูน้ำหลากของแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งจะทำให้น้ำท่วมทั่วพื้นที่โดยรอบของกรุงศรีอยุธยา อันจะทำให้กองทัพพม่าไม่สามารถจะตั้งอยู่ได้อีกต่อไป

ส่วนการเสียกรุงครั้งที่ ๒ นั้น  กองทัพของพระเจ้ามังระ  ซึ่งได้มีการจัดทัพเป็น ๒ ทัพใหญ่  ทัพแรกนำโดยเนเมียวสีหบดียกกำลังลงมาจากทางเหนือ โดยรบฝ่าเอาชนะเมืองต่างๆ จนลงมาถึงกรุงศรีอยุธยา มีกำลังทัพทั้งสิ้นประมาณ ๒๐,๐๐๐ นาย  ส่วนอีกทัพหนึ่งเคลื่อนเข้ามาทางทวาย นำโดยมังมหานรธา คาดว่ามีกำลังทัพประมาณ ๓๐,๐๐๐ นาย เคลื่อนทัพโดยมุ่งตรงมายังกรุงศรีอยุธยา รวมกำลังพลทั้ง ๒ ทัพประมาณ ๕๐,๐๐๐ นาย แต่เข้ามาจากสองทิศทาง ในขณะที่กองทัพกรุงศรีอยุธยาที่ตั้งรับอยู่นั้นมีกำลังพลประมาณ ๖๐,๐๐๐ นาย โดยได้ยกกำลังส่วนหนึ่งออกไปต่อสู้ ป้องกันกรุงศรีอยุธยาที่ภายนอก แต่ก็ไม่สามารถต้านทานกองทัพของพม่าได้ ในที่สุดกรุงศรีอยุธยาถูกตีแตก ปราสาทราชวังและวัดวาอารามที่สวยงามตระการตาถูกเผาทำลายจนเกือบจะสิ้นซาก

ยังต้องถือว่าเป็นโชคดีของชาติไทยเรา ที่มีนายทหารหาญที่ได้รับมอบหมาย ให้คุมกำลังพลเพื่อต่อสู้กับทัพของพม่าอยู่ที่ค่ายวัดพิชัยนอกกรุงศรีอยุธยา และได้พิจารณาเห็นแล้วว่า กรุงศรีอยุธยาเห็นจะแตกเป็นแน่แท้  จึงได้ตัดสินใจพาทหารผู้กล้าที่อยู่ใกล้ชิดจำนวนประมาณ ๕๐๐ นาย ตีฝ่าทัพพม่าหนีออกจากกรุงศรีอยุธยา  โดยตั้งปณิธานว่าจะไปรวบรวมกำลังพลเพื่อจะกลับมาตีเอากรุงศรีอยุธยาคืนมาเป็นของไทยให้จงได้ นายทหารผู้กล้าท่านนั้นซึ่งขณะนั้นมีตำแหน่งเป็นพระยาวชิรปราการ  โดยตำแหน่งก่อนหน้านั้นคือพระเจ้าตาก ซึ่งในที่สุดก็คือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่ต้องถือว่าเป็นวีรกษัตริย์ชาตินักรบอย่างแท้จริง ได้กลับมากู้ชาติได้สำเร็จ หลังจากที่ได้มีการรวบรวมไพร่พลตลอดทุกเมืองที่ผ่านไปสู่ภาคตะวันออก และเข้าตีเมืองจันท์เป็นเมืองสุดท้าย เพื่อจะรวบรวมและจัดกำลังทัพ เป็นกองทัพเรือที่มีเรือมากกว่า ๑๐๐ ลำ กลับเข้ามาตีกรุงศรีอยุธยาคืนได้สำเร็จ  หลังจากการเสียกรุงไปเป็นระยะเวลาเพียง ๗ เดือนเท่านั้น

ในอนาคต หากจะเกิดสงครามขึ้นใหม่ ก็คงเป็นสงครามที่ต้องใช้อาวุธพิสัยไกลในการสู้รบเป็นหลัก  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นกำลังพลของกองทัพก็ยังมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ควบคู่ไปกับการใช้อาวุธเหล่านั้น ทหารจึงยังต้องมีอยู่คู่กับประเทศชาติ และต้องมีจำนวนที่เหมาะสมซึ่งกองทัพโดยนายทหารรักชาติทั้งหลายย่อมรู้ดีกว่าประชาชนคนทั่วไปหรือนักการเมืองต่างๆ ว่ากำลังทัพขนาดใดคือความเหมาะสมกับประเทศของเรา จึงขอให้นักการเมืองไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีความคิดแบบเดิม หรือที่อ้างว่ามีความคิดใหม่ๆ ทั้งหลายได้ตระหนักในเรื่องนี้ด้วย และต้องรับฟังความคิดเห็นของแม่ทัพนายกองทั้งหลาย ซึ่งความรับผิดชอบโดยตรงต่อการป้องกันประเทศชาติของเรา ไม่ใช่เพื่อใครบางคนหรือบางกลุ่มบางเหล่าเท่านั้น แต่เป็นการกระทำให้กับทุกคนที่เป็นชาวไทย ที่สำคัญยิ่งก็คือเพื่อการรักษาไว้ซึ่งชาติไทย

ปิยะ เนตรวิเชียร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
15:41 น. แอดมิทด่วน! 'เอ๊ะ จิรากร'เล่าประสบการณ์หัวใจเต้นผิดปกติ
15:40 น. 'อนุสรณ์'แนะเปิดใจรับฟังเหตุผลงบรีโนเวตสภาฯ ไม่ใช่ตัดสินไปก่อน
15:20 น. ป่วนใต้หลายจุด! จุดไฟเผากล้อง-แขวนป้าย-วางวัตถุต้องสงสัย 3 อำเภอในยะลา
15:14 น. 'ทวี'เผย'กกต.'ประสาน'ดีเอสไอ'แปะหมายเรียกหน้าบ้าน 6 สว. คดีฮั้ว
15:09 น. วัฒนธรรมโบราณ! พิธีล้างพระธาตุศรีสองรัก สักขีพยานสัมพันธไมตรีสองแผ่นดิน 465 ปี
ดูทั้งหมด
ภาพอบอุ่นใจความรักที่งดงามของ 'กษัตริย์จิกมี-สมเด็จพระราชินี-เจ้าชาย-พระธิดา' ในยามค่ำคืนของทะเลทรายโกบี
(คลิป) 'ฐปณีย์' เละคาบ้าน! ด้อยค่าคนไม่เห็นด้วย 'เมียจ่าปืน' ออกโรงตอกกลับไม่ใช่ IO
‘ลาออก’ไปเถอะ! ฉะ‘นายกฯ’มีสติปัญญาแค่นี้ แผ่นเสียงตกร่องชู‘กาสิโน’แก้เศรษฐกิจ
มาแล้ว! กรมอุตุฯคาดหมายอากาศ 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่ 4-10 พ.ค.68
หยามเกียรติธงชาติไทย! ทนายแจ้งเอาผิด โพสต์เฟสบุ๊คดูหมิ่น'ธงคือผ้าเช็ดเท้า'
ดูทั้งหมด
อวสาน‘ทักษิณ’คุกรออยู่
ความต่างของ สิงคโปร์ กับ ไทย
คุกนรก (1)
นักการเมือง ‘ส้มสารพิษ’
บุคคลแนวหน้า : 9 พฤษภาคม 2568
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

'อนุสรณ์'แนะเปิดใจรับฟังเหตุผลงบรีโนเวตสภาฯ ไม่ใช่ตัดสินไปก่อน

แอดมิทด่วน! 'เอ๊ะ จิรากร'เล่าประสบการณ์หัวใจเต้นผิดปกติ

เศร้า! ช้างป่ากุยบุรีขาเจ็บล้มแล้ว สะเทือนใจผลชันสูตร

ปตท. ลงนามสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติส่วนเพิ่มแหล่งอาทิตย์เสริมความมั่นคงพลังงานไทย

'ทวี'เผย'กกต.'ประสาน'ดีเอสไอ'แปะหมายเรียกหน้าบ้าน 6 สว. คดีฮั้ว

วัฒนธรรมโบราณ! พิธีล้างพระธาตุศรีสองรัก สักขีพยานสัมพันธไมตรีสองแผ่นดิน 465 ปี

  • Breaking News
  • แอดมิทด่วน! \'เอ๊ะ จิรากร\'เล่าประสบการณ์หัวใจเต้นผิดปกติ แอดมิทด่วน! 'เอ๊ะ จิรากร'เล่าประสบการณ์หัวใจเต้นผิดปกติ
  • \'อนุสรณ์\'แนะเปิดใจรับฟังเหตุผลงบรีโนเวตสภาฯ ไม่ใช่ตัดสินไปก่อน 'อนุสรณ์'แนะเปิดใจรับฟังเหตุผลงบรีโนเวตสภาฯ ไม่ใช่ตัดสินไปก่อน
  • ป่วนใต้หลายจุด! จุดไฟเผากล้อง-แขวนป้าย-วางวัตถุต้องสงสัย  3 อำเภอในยะลา ป่วนใต้หลายจุด! จุดไฟเผากล้อง-แขวนป้าย-วางวัตถุต้องสงสัย 3 อำเภอในยะลา
  • \'ทวี\'เผย\'กกต.\'ประสาน\'ดีเอสไอ\'แปะหมายเรียกหน้าบ้าน 6 สว. คดีฮั้ว 'ทวี'เผย'กกต.'ประสาน'ดีเอสไอ'แปะหมายเรียกหน้าบ้าน 6 สว. คดีฮั้ว
  • วัฒนธรรมโบราณ! พิธีล้างพระธาตุศรีสองรัก สักขีพยานสัมพันธไมตรีสองแผ่นดิน 465 ปี วัฒนธรรมโบราณ! พิธีล้างพระธาตุศรีสองรัก สักขีพยานสัมพันธไมตรีสองแผ่นดิน 465 ปี
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

เศรษฐกิจไทย จะล่มสลายหรือไม่

เศรษฐกิจไทย จะล่มสลายหรือไม่

5 พ.ค. 2568

รัฐบาลที่รุกรบไม่เป็น ก็ยอมแพ้เถอะ

รัฐบาลที่รุกรบไม่เป็น ก็ยอมแพ้เถอะ

28 เม.ย. 2568

ไทย ต้องไม่ทำตัวเป็นประเทศราช

ไทย ต้องไม่ทำตัวเป็นประเทศราช

21 เม.ย. 2568

ของขวัญปีใหม่ไทย ต้องไม่ใช่บ่อนกาสิโน

ของขวัญปีใหม่ไทย ต้องไม่ใช่บ่อนกาสิโน

13 เม.ย. 2568

แผ่นดินไหว ลางร้ายของรัฐบาลหรือ

แผ่นดินไหว ลางร้ายของรัฐบาลหรือ

7 เม.ย. 2568

รัฐบาลที่ดี ต้องสร้างความไว้วางใจให้ประชาชน

รัฐบาลที่ดี ต้องสร้างความไว้วางใจให้ประชาชน

31 มี.ค. 2568

คนไหนสร้างหนี้ คนนั้นก็ต้องใช้หนี้

คนไหนสร้างหนี้ คนนั้นก็ต้องใช้หนี้

24 มี.ค. 2568

โปรยทาน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของชาติหรือ

โปรยทาน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของชาติหรือ

17 มี.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved