“เราได้มีโอกาสทำงานร่วมกับหลายภาคส่วน ทั้งฝ่ายกำหนดนโยบายและฝ่ายปฏิบัติงาน ในการที่จะผลักดันเมืองเข้าไปสู่เมืองน่าอยู่ได้อย่างชาญฉลาด โดยเรามีโอกาสนำเอาชุดข้อมูลพร้อมใช้ที่ประมวลมาจากนักวิจัยในสถาบันอุดมศึกษา เข้าไปผลักดันให้เกิดการพัฒนาเมืองบนความสอดคล้องกับบริบท และวิถีชีวิตของแต่ละพื้นที่”
รศ.ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม รองผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กล่าวในวงสัมมนา “การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เมืองศูนย์กลางที่น่าอยู่และชาญฉลาด บนฐานงานวิจัยและนวัตกรรมของประเทศไทย” ซึ่งจัดขึ้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อเร็วๆ นี้ ถึงการขับเคลื่อน “เมืองน่าอยู่-เมืองอัจฉริยะ” โดย บพท. มีบทบาทในการรณรงค์อย่างต่อเนื่อง ได้รับการตอบสนองและถูกขยายผลในวงกว้างมากขึ้น
อาทิ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) กับ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (Depa) ซึ่งเป็นกลไกกำหนดนโยบายและกำกับการทำธุรกรรมดิจิทัล ได้เข้ามาร่วมใช้งานวิจัยของ บพท. และเรียนรู้ไปด้วยกัน โดย บพท. ในฐานะองค์กรบริหารจัดการความรู้เพื่อการพัฒนาคน พัฒนาพื้นที่ มุ่งตอบโจทย์แก้ปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ ตลอดจนพัฒนากลไกกระบวนการพัฒนาเมือง พยายามทำให้เกิดความทั่วถึง เท่าเทียมกันของโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลความรู้และนวัตกรรม
“เราพยายามสร้างระบบนิเวศของกลไกกระบวนการพัฒนาเมือง ด้วยฐานข้อมูลการวิจัยและนวัตกรรม โดยทำให้ระบบข้อมูลของเมือง เป็นระบบข้อมูลแบบเปิด หรือ Open City Data Platform ซึ่งมีหน่วยงานองค์กรปกครองท้องถิ่นเป็นผู้ดูแล และคนในพื้นที่สามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งเป็นเหมือนงานปิดทองหลังพระ เป็นงานที่ยาก แต่สามารถทำให้สำเร็จได้ ถ้าทุกฝ่ายร่วมแรงร่วมใจกัน”รองผู้อำนวยการ บพท. กล่าว
ขณะที่ ขวัญพัฒน์ สุทธิธรรมกิจ เจ้าหน้าที่อาวุโสธนาคารโลก (World Bank) รับผิดชอบงานประเทศไทย กล่าวว่า ธนาคารโลกทำงานกับหลายประเทศรวมทั้งรัฐบาลไทย และค้นพบว่า “โจทย์หลักของการยกระดับเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด หรือ Livable & Smart City มีอยู่ด้วยกัน 3 ประการคือ ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล่ำ และความสามารถในการแข่งขัน” ซึ่งพบว่าโจทย์ทั้ง 3 ประการนี้ยังแก้ไม่ตก เนื่องจากความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ยังคงกระจุกตัวอยู่ที่กรุงเทพฯ ไม่ถูกกระจายออกไปยังเมืองใหญ่อีกหลายเมืองที่มีความพร้อม
“เรื่องของความเหลื่อมล้ำ มีข้อมูลหนึ่งที่เห็นแล้วก็ตกใจเหมือนกัน หมายถึงว่า ปัจจุบันเรามีมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ทุกจังหวัดผลิตนักศึกษาออกมา แต่ปรากฏว่าไม่มีงานจริงให้ทำ ทั้งที่มีการลงทุนกับเรื่องทุนมนุษย์แต่ไม่สามารถใช้ทุนมนุษย์ให้เต็มที่ เพราะความกระจุกตัวของงานที่ดีอยู่ในกรุงเทพฯ ส่วนเรื่องขีดความสามารถของการแข่งขันในการพัฒนาเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือ Go Green สำหรับประเทศไทยก็ยังคงมีขีดจำกัดอยู่มาก”เจ้าหน้าที่อาวุโสธนาคารโลก ระบุ
ด้าน ชณกช ชสิธภนญ์ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์การพัฒนาเมือง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) กล่าวว่า ประเด็นเกี่ยวกับเมืองในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 ซึ่งใช้อยู่ในขณะนี้ กำหนดเป้าหมายหลักไว้ 3 เรื่องคือ เรื่องการเติบโตในภูมิภาค โดยส่งเสริมสนับสนุนให้มีการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษต่างๆ เพิ่มมากขึ้น เรื่องลดความเหลื่อมล้ำมุ่งเน้นให้เกิดการกระจายความเจริญ กระจายการจ้างงานไปสู่ภูมิภาค และละเรื่องการพัฒนาเมือง ที่มุ่งให้มีการพัฒนาเมืองน่าอยู่ที่ยั่งยืน
“มีการเตรียมพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงทุกรูปแบบและยกระดับคุณภาพชีวิตผู้อยู่อาศัย คุณลักษณะเมืองน่าอยู่ที่ยั่งยืนที่เราต้องการให้เกิดขึ้น มีอยู่ 4 ประการคือ 1.ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน 2.สิ่งแวดล้อมสะอาดไม่มีมลพิษทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์ 3.ความพร้อมในการรับมือการเปลี่ยนแปลง เมืองที่ล้มแล้วสามารถลุกขึ้นได้ไว และ 4.ความยืดหยุ่น” ชณกช กล่าว
มุมมองในระดับพื้นที่ เจริญชัย เฉลียวเกรียงไกรประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสระบุรี และผู้อำนวยการศูนย์พลังงานยั่งยืน บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ภาคราชการ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาคประชาชนในจังหวัดสระบุรี มีความตื่นรู้และตื่นตัวในการทำให้จังหวัดสระบุรี เป็นเมืองอัจฉริยะที่น่าอยู่ สอดคล้องกับคุณลักษณะพึงประสงค์ของ สศช. ด้วยการร่วมมือกับภาควิชาการ
โดยมีหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เข้ามามีบทบาทหลักในการเชื่อมโยงพลังความรู้จากงานวิจัยและนวัตกรรม ของสถาบันอุดมศึกษา เข้ากับพลังภาคีในพื้นที่ ซึ่งกลไกการขับเคลื่อนจังหวัดสระบุรี สู่ความเป็นเมืองอัจฉริยะที่น่าอยู่อย่างยั่งยืนบนฐานงานวิจัยและนวัตกรรม โดยความร่วมมือกันของทุกภาคส่วน
“เราจะเริ่มจากกลุ่มธุรกิจซีเมนต์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่กระจุกตัวอยู่ในจังหวัดสระบุรีมากที่สุด โดยรีไซเคิลพลังงานจากกระบวนการผลิตซีเมนต์ให้เป็นพลังงานสะอาด พัฒนาอุตสาหกรรม สีเขียว นำเอาวัสดุเหลือใช้กลับมาหมุนเวียน รณรงค์ให้มีการทำเกษตรกรรมคาร์บอนต่ำ และเพิ่มพื้นที่สีเขียว” เจริญชัย กล่าว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี