ชะตากรรมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กำลังจะถูกเปิดเผย
ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษา คดีพันธมิตรชุมนุมที่สนามบิน ท่าอากาศยานดอนเมืองและท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
คดีแรก ชุด 1 ฟังคำพิพากษา 17 ม.ค. 2567
คดีที่สอง ชุด 2 ฟังคำพิพากษา 29 มี.ค 2567
แฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ได้สรุป “10 ประเด็นคดีพันธมิตรชุมนุมที่สนามบิน”
เป็นข้อมูลข้อเท็จจริง ที่มา-ที่ไปของเหตุการณ์การชุมนุมอันเป็นที่มาของคดี
มีสาระสำคัญ 10 ประเด็นที่ควรรับฟัง ก่อนติดตามเรื่องราวต่อไป ดังนี้
ประเด็นแรก - พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต่อต้านรัฐบาลพรรคไทยรักไทยของคุณทักษิณ ชินวัตร เพราะการทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องจริง และมีคำพิพากษาให้ลงโทษตามคำพิพากษาศาลฎีกาแล้วถึง 12 คดี ดังนั้น การชุมนุมต่อต้านพรรคพลังประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 มาตรา 309 ล้มล้างผลการตรวจสอบของ คตส.จึงเป็นหน้าที่ของปวงชนชาวไทยตามที่บัญญัติเอาไว้ในรัฐธรรมนูญ
ประเด็นที่สอง - เมื่อพรรคพลังประชาชนได้อำนาจมาโดยมิชอบเพราะโกงการเลือกตั้งมา พันธมิตรฯ จึงมีสิทธิต่อต้านการได้อำนาจโดยมิชอบ ตามรัฐธรรมนูญมาตราที่ 69และมาตรา 70
ประเด็นที่สาม - พันธมิตรฯ ต่อต้านรัฐบาลเป็นไปด้วยสุจริตและเป็นไปตามรัฐธรรมนูญปรากฏแก่คำพิพากษาศาลฎีกาคดีหมิ่นประมาท ยกฟ้องแกนนำพันธมิตรฯ 2 คดี โดยพันธมิตรฯ ชนะฟ้องคดีตำรวจสลายการชุมนุม 7 ตุลาคม 2551และชนะยกฟ้องในศาลอุทธรณ์ คดีที่อัยการฟ้องการชุมนุมหน้ารัฐสภา 7 ตุลาคม 2551
ประเด็นที่สี่ - การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนฯทำหน้าที่เพื่อพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ยืนยันด้วยเจตนารมณ์ในการทำแถลงการณ์ทุกฉบับออกมาต่อเนื่อง
ประเด็นที่ห้า - ในปี 2551 ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายชุมนุมสาธารณะ เป็นการเฉพาะตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด การจำกัดเสรีภาพการชุมนุมจะทำไม่ได้ พันธมิตรฯ จึงเป็นผู้ที่ควรได้รับการคุ้มครองในการใช้สิทธิและหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ
ประเด็นที่หก - พฤติการณ์ของพรรคพลังประชาชนที่ได้อำนาจโดยมิชอบโดยรัฐธรรมนูญ เป็นรากฐานทำให้เกิดการบิดเบือนและแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมจำนวนมาก ทำให้เป็นเหตุอันสำคัญที่ทำให้ต้องมีการชุมนุมสาธารณะ เพื่อเปิดเผยความจริงต่อสาธารณะ
ประเด็นที่เจ็ด - พันธมิตรฯ ยึดถือแนวทางการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธมาโดยตลอด มีการเปิดเผยการเคลื่อนไหวต่อสาธารณชนและสื่อมวลชนด้วยแถลงการณ์ทั้ง 29 ฉบับ
ประเด็นที่แปด - การชุมนุมบริเวณท่าอากาศยานทั้งสองแห่งไม่ได้มีการแถลงการณ์ว่าเป็นมติของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นการกระทำโดยประชาชนเป็นเอกเทศ เป็นปัจเจกบุคคล ตัดสินใจกันเอง ในช่วงเวลาตั้งแต่ 24 พฤศจิกายน ถึง 2 ธันวาคม รวมเวลา 9 วัน มีเหตุการณ์รุนแรงด้วยอาวุธสงคราม ทั้งระเบิด ปืนอาก้า ยิงใส่ผู้ชุมนุมและสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV รวมมากถึง 9 ครั้ง หรือเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็นการทำร้ายผู้ชุมนุมทุกวันเลย สำหรับประเด็นนี้พิสูจน์ได้ว่า ผู้ชุมนุมบางกลุ่มไม่สามารถอยู่ในที่ตั้งได้ เพราะรัฐบาลไม่คุ้มครองความปลอดภัยในชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของผู้ชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ
ประเด็นที่เก้า - ก่อนที่พันธมิตรฯ ไป มีการชุมนุมหน้าอาคารท่าอากาศยาน 5 ครั้ง บริเวณนั้นแท็กซี่ชุมนุมกันเต็มไปหมด แต่ไม่เคยมีคำสั่งให้ปิดการบริการที่ท่าอากาศยาน แต่พอพันธมิตรฯ ไป ก็สั่งให้ปิดเลย ทั้งๆ ที่ พล.ต.จำลองยื่นจดหมายไปแล้วว่าเราไม่ได้ไปขัดขวางการให้บริการของการท่าอากาศยาน นอกจากนั้น ตามเอกสารตารางสรุปเที่ยวบินของสนามบินดอนเมือง ซึ่งมีรายละเอียดบ่งชี้ชัดว่าระหว่างวันที่ 27 พฤศจิกายน 2551 ถึงวันที่ 3 ธันวาคม 2551 ยังมีรายการเที่ยวบินทั้งขาเข้า-ขาออกให้บริการ จึงทำให้เชื่อได้ว่าการที่เจ้าหน้าที่รัฐสั่งปิดท่าอากาศยานทั้ง 2 แห่ง รวมถึงการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง เป็นการกลั่นแกล้งผู้ชุมนุมของพันธมิตรฯ เพื่อให้เสียหาย ให้ได้รับความเดือดร้อนเพราะในเวลานั้นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นคู่กรณีโดยตรงกับรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จากคดีการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551
ประเด็นที่สิบ - การดำเนินคดีความต่อพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนไม่เคยรวบรวมหลักฐานอย่างรอบด้าน แต่รวบรวมหลักฐานเฉพาะที่จะกล่าวหา และปราศจากการหาหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหา
ประเด็นที่สำคัญที่สุด คณะพนักงานสอบสวนไม่เคยพิจารณาประเด็นปัญหาการสิ้นผลบังคับใช้กฎหมายตามข้อกำหนดการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่ร้ายแรง
ข้อกำหนดห้ามชุมนุมที่ท่าอากาศยานดอนเมืองไม่ได้มีการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาตามที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่กลับนำประเด็นที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนี้มาดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจำนวนมาก ข้อสำคัญคือไม่ต้องการให้พันธมิตรฯ มาเป็นอุปสรรคในการออกกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอยต่อมา...
นี่คือถ้อยแถลงที่ประมวลข้อมูลข้อเท็จจริง มีหลักฐานอ้างอิงได้อย่างชัดเจน เป็นบันทึกประวัติศาสตร์ที่ให้ลูกหลานจดจำเรียนรู้ต่อๆ ไป
ส่วนคำพิพากษาของศาลจะออกมาอย่างไร ทุกฝ่ายก็ต้องยอมรับต่อไป
แต่ความจริง ได้ถูกบันทึกไว้แล้ว
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี