ข่าวการปิดตัวของบริษัทไฮเปอร์ลูป วัน (Hyperloop One) จะขายสินทรัพย์และยกเลิกสัญญาจ้างพนักงานทั้งหมดในวันที่ 31 ธันวาคมนี้
สั่นสะเทือนกะลาของส้มในเมืองไทย!!!
เพราะมันคือความจริงว่า ไฮเปอร์ลูป ไม่เคยได้สร้างจริงๆ และใช้งานได้จริง
โครงการนี้ ถูกกลุ่มการเมืองสีส้ม นำมาปั่นกระแส สร้างภาพทางการเมืองใหญ่โต
เสริมภาพลักษณ์หัวก้าวหน้า แต่ที่แท้ก็แค่ไล่งับสิ่งที่หวือหวาในต่างประเทศมาปั่นหัวคนบางส่วนให้หลงใหลได้ปลื้มไปวันๆ
ขณะนั้น ศาสดาส้มถึงขนาดประกาศก้าวข้ามรถไฟความเร็วสูง แต่จะผลักดันโครงการก่อสร้างไฮเปอร์ลูปในประเทศไทย
ผู้มีประสบการณ์ ผู้เชี่ยวชาญ ใครออกมาทักท้วง ก็ปั่นกระแสเอาทัวร์ไปลง ด้อยค่าเขา
ล่าสุด แฟนเพจโครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure ได้ย้อนทวนความจำ ระบุว่า
“{ผมมาจากอนาคต} Hyperloop ขายฝันหรือไม่…..
อย่างที่หลายๆคนทราบ ว่าตอนนี้ หนึ่งในผู้นำของการพัฒนา Hyperloop คือ Vergin Hyperloop ได้ประกาศปิดบริษัท และยกเลิกโครงการทั้งหมดในสิ้นปี 2023
หลังจากก่อนหน้านี้ ก็ประกาศตัวลั่น และออกตัวแรงม๊วกกกก ในการทำ Test Track ที่คนนั่งได้จริง รวมถึงออกข่าวทำโครงการร่วมกับประเทศกลุ่มตะวันออกกลาง
แต่…. สุดท้ายจอดครับ เพราะความเหมาะสม และมูลค่าการลงทุนไม่คุ้ม
ใครที่ยังไม่เคยอ่าน {Series} Hyperloop ที่ผมเคยเอาข้อมูลจากผลการศึกษาต่างๆ มาอ่าน และขยี้ทีละประเด็นดูตามลิงก์นี้เลยครับ
ข้อสงสัยจากข้อมูลในเล่มศึกษา Hyperloop Transpod”
แฟนเพจโครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure ได้นำเอาสิ่งที่เคยโพสต์เตือน ทักท้วง ให้ข้อสังเกตที่น่าสนใจไว้ตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว
ตั้งแต่ช่วงที่นายธนาธรและพวก นำเรื่องไฮเปอร์ลูปฯ มาปั่นกระแส มั่นหน้ามั่นโหนก
ซึ่งเมื่อย้อนกลับไปอ่าน จะเห็นว่า เป็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือ มีน้ำหนักน่ารับฟัง(แต่กลับถูกด้อยค่าโดยกองเชียร์พรรคอนาคตใหม่ที่หน้ามืดตามัวในขณะนั้น)
เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2019 แฟนเพจโครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure เคยให้ข้อมูลไว้อย่างนี้
“Hyperloop ขายฝันหรือไม่
เอาล่ะครับ เรื่องนี้เป็น Hot Topic ประจำสัปดาห์อีกเรื่องหนึ่ง
คือ พรรคอนาคตใหม่ ประกาศจะยกระดับระบบขนส่งมวลชนระหว่างเมือง โดยการลงทุน “Hyperloop” แทนการลงทุนรถไฟความเร็วสูง
แต่ถ้าสังเกตผมเองยังไม่พูดเรื่องนี้ เพราะกลัวเขียนไม่ครบแล้วเดี๋ยว ฟ้าทั้งหลายจะมารุมกระทืบเพจผมซะเปล่าๆ แต่วันนี้ผมพร้อมที่จะมาเล่าและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนแล้วล่ะครับ
สำหรับคนที่ติดตามเรื่องพวกนี้มาตลอดอย่างผมเอง จริงๆก็ไม่อะไรนะ มันก็เป็นอีกหนึ่งในทางเลือกการเดินทางรูปแบบหนึ่ง ซึ่งใหม่และยังไม่ได้ถูกพิสูจน์ที่ไหนบนโลกเลย....
แต่มันติดอยู่กับคำพูดที่ว่า เราจะยกเลิกรถไฟความเร็วสูง ทั่วประเทศเพื่อโยกเงินการลงทุนมาที่ Hyperloop แทน
อันนี้แหละครับ ที่เป็นประเด็นที่ผมไม่โอเค และอยากจะมาอธิบายและเปรียบเทียบให้ทุกคนฟังว่า ข้อจำกัด และความแตกต่างของ Hyperloop เทียบกับรถไฟทางคู่, รถไฟความเร็วสูงและเครื่องบินมันต่างกันอย่างไร
เทียบง่ายๆ
รถไฟความเร็วสูง = รถทัวร์
Hyperloop = รถตู้
ก่อนอื่นขออธิบายหลักการของ Hyperloop ก่อน
Hyperloop คือเทคโนโลยี ที่รวมกันระหว่าง Maglev และท่อสุญญากาศ ซึ่งมาทำลายข้อจำกัดของ Maglev ที่พอถึงความเร็วจุดๆ นึง รถไฟจะมีแรงต้านของอากาศ ซึ่งทำให้การเร่งความเร็วขึ้นไปเรื่อยจะต้องใช้พลังงานในการผ่าอากาศไปอีกมหาศาล
แล้ว Maglev คืออะไร
Maglev คือการใช้แม่เหล็กเหนี่ยวนำในการขับเคลื่อนตัวรถ โดยการดันและดึงซึ่งมองง่ายๆคือการเอาแม่เหล็กมอเตอร์มาคลี่แล้วติดตั้งไว้ที่ทางขับ ซึ่งก็ต้องจ่ายไฟให้กับตัวแม่เหล็กเหนี่ยวนำนี้เพื่อให้ตัวรถเคลื่อนตัว ซึ่ง Maglevเป็นเทคโนโลยีเก่าพอสมควร เริ่มพัฒนาในช่วงปี 1940 ซึ่งเทคโนโลยีนี้ก็เข้ามาแก้ปัญหาการเสียดสีของรางกับล้อรถไฟ ซึ่งทำให้ความเร็วสูงสุดของระบบรถไฟ Maglev อยู่ที่ 600 กม./ชม. ในการทดสอบที่ญี่ปุ่น
แต่ Maglev ความเร็วสูงที่ใช้งานจริง มีอยู่เพียงที่เดียว คือรถไฟเชื่อมสนามบิน Pudong เข้า Shanghai ซึ่งความเร็วสูงสุดที่ให้บริการอยู่ คือ 430 กม./ชม. แต่ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ของแต่ละวันด้วย ถ้าฝนตกหรือมีลมแรงก็จะลดความเร็วลงมา เหลือ 250-300 ซึ่ง ผมเองที่เคยไป Shanghai มา ขาไปเจอฝน ความเร็วแค่ 250 กม./ชม.แต่ขากลับ ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ความเร็วเป็น 430 กม./ชม. เลย เร็วจริงๆ ครับ แต่ตอนที่รถไฟสวนกันก็หวั่นๆอยู่เหมือนกัน เพราะลมระหว่างขบวน มันตีกัน ดังนั้น Elon mask ก็ได้คิดแนวคิดการให้ Maglev มาปรับปรุงให้ดีขึ้นโดยการเอา Maglev ไปใส่ไว้ในท่อลดแรงดันลดลมที่ถูกปะทะกับตัวรถซึ่งแรงดันในท่อจะเท่ากับความสูงของเครื่องบินที่บินปรกติ แล้วเดินรถ Hyperloop ที่ความเร็ว 1,200 กม./ชม.
ฟังดู Concept ดูดีใช่มั้ยครับ แต่เดี๋ยวก่อน ก่อนที่คุณจะคล้อยตามไป ลืมอะไรไปรึเปล่า
การลดแรงดันที่พูดถึง ใช้พลังงานเท่าไหร่?? และค่า Maintenance ปั๊มสุญญากาศ เท่าไหร่แล้วถ้าเป็นสุญญากาศแล้ว ปั๊มต้องทำงานเพื่อคงสภาพตลอดรึเปล่า
ก็ยังเป็นข้อมูลที่ยังไม่มีรายละเอียด ถ้าใครมีรายละเอียดหรือข้อมูลตรงนี้ เอามาแชร์หน่อยนะครับ
จบส่วน Concept มาดูเรื่องโครงสร้าง
ส่วนนี้ต้องมีคำถาม และส่วนต่างจากรถไฟความเร็วสูงมากๆ คือ เนื่องจากในระบบของ Hyperloop เป็นการเดินทางในพื้นที่ลดแรงดัน และใช้ไฟฟ้าในการเหนี่ยวนำ พร้อมการสร้างทางหนีภัย ดังนั้น จะต้องมีอุปกรณ์ และจุดหนีภัยภายในระยะทาง 1 กม. ซึ่งอ้างอิงกับข้อมูลของ Transpod ที่ทางพรรคอนาคตใหม่นำมาศึกษา ดังนี้ 1. ทุก 600 ม. ต้องมี ทางออกฉุกเฉิน 2. ทุก 200 ม. ต้องมี จุดทำสุญญากาศ+จุดจ่ายไฟฟ้า 3. ขอบเขตทางที่ต้องเวนคืนตลอดเส้นทาง 40 เมตร ซึ่งมีถนนเลียบข้างตัวท่อ Hyperloop ตลอดเส้นทาง 4. ระบบจ่ายไฟตลอดเส้นทาง
ซึ่งข้อมูลที่มาจากสไลด์พรรคอนาคตใหม่เอง บอกว่า เส้นทางของ Hyperloop สั้นกว่า ทางรถไฟความเร็วสูง ร่วม 100 กม.
หมายความว่า จะต้องมีการเวนคืนที่ใหม่ ซึ่งเทียบกับทางรถไฟความเร็วสูง ซึ่งใช้เขตทางเดิมมีเวนคืนบ้างในพื้นที่รัศมีทางโค้งไม่พอ
แต่ข้อดีของ Hyperloop ที่เห็นจริงๆ คือ โครงสร้างทางวิ่งเป็นวงกลม ซึ่งสามารถวางแผง Solar cell ไว้ด้านบนทางวิ่งได้ แต่ก็ต้องเพิ่มโครงสร้างการรับน้ำหนัก และจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบด้วยซึ่งถ้าใครเคยศึกษาด้านนี้มา ต้องบอกว่าการจ่ายไฟเข้าระบบ ไม่ใช่เรื่องง่ายต้องมีระบบปรับ DC TO AC พร้อมปรับกระแสเข้าโครงการอีก และในกรณีมีเมฆหรือฝนตกส่วนตรงนั้นจ่ายไฟไม่ได้ก็ต้องดึงกระแสไฟจากสายส่งอยู่ดี
และถ้าดูจากแผนของพรรคอนาคตใหม่ เรื่องสถานีจอดรถ มีระยะห่างกันมากกว่า 300 กม./จุด ซึ่งก็ควรเป็นอย่างนั้นถ้าต้องการให้ใช้ความเร็ว ก็ต้องมีระยะเร่ง ระยะเบรก ซึ่งไม่ใช่เร่งออกจากหัวลำโพง ไปจอดดอนเมืองเหมือนรถไฟความเร็วสูง ที่เดินรถไฟในเมือง 160 กม./ชม.นอกเมือง 250-300 กม./ชม.และถ้าจะบอกว่า Hyperloop จะใช้วิธีเดียวกัน ก็คงไม่ใช่เพราะConcept ของ Hyperloop คือเดินทางจากต้นจนจบ โดยไม่จอดเลยออกแบบ pod ที่มีขนาดเล็กเพื่อที่จะรวมผู้โดยสารที่ไปทางเดียวกัน
เทียบง่ายๆ รถไฟความเร็วสูง = รถทัวร์
Hyperloop = รถตู้
ดังนั้น ระบบจราจรของ Hyperloop จะคล้ายกับมอเตอร์เวย์ คือมีเส้นหลัก แล้วมีชุมทางแยกเข้าเมือง แต่ปัญหาก็คือวงเลี้ยวกว้างมาก ถ้าจะเลี้ยว เข้าเมืองแล้วมีจุดจอดในเมือง
ลักษณะตัวรถ หรือ Pod เป็นตัวรถขนาดเล็ก ขนคนได้ประมาณ 40 คน/pod(อ้างอิงจาก ข้อมูลในวันที่ประชาสัมพันธ์โครงการ) ยาวประมาณ 25 เมตร ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 เมตร
ซึ่งตรงนี้ผมงงว่า ทางโครงการคูณเลขผิดรึเปล่าเพราะ บอกว่า Hyperloop มีความถี่สูงสุด 42 ขบวน/ชั่วโมง แต่ขนคนได้ 40 คน/ขบวน แล้ว บอกว่าขนคนได้ 4,000 คน/ชั่วโมง เลขนี้มาได้ยังไงครับ เพราะ ผมคูณยังไงก็ได้ 1,680 คน/ชั่วโมง
เทียบกับรถไฟความเร็วสูง ผมขอแย้งข้อมูลที่ทางโครงการนำเสนอครับ
อันดับที่ 1 ความถี่ในการเดินรถไฟความเร็วสูงที่ทางพรรคอนาคตใหม่ชี้แจงว่า ได้สูงสุด 3 ขบวน/ชั่วโมง ซึ่งผมอ้างอิงโครงการศึกษาของโครงการ กรุงเทพฯ-โคราช-หนองคายมีความถี่สูงสุด 10.55 นาที/ขบวน ซึ่ง จริงๆถี่ได้มากกว่านี้ แต่จะไปติดที่จำนวนผู้โดยสารว่าพอที่จะเดินรถรึเปล่า
อันดับที่ 2 จำนวนผู้โดยสาร/ขบวนของรถไฟความเร็วสูง อยู่ที่ 542 คน/ขบวนซึ่ง จะได้ 3,035 คน/ชั่วโมง ซึ่งไม่ตรงกับข้อมูลที่พรรค นำเสนอ ที่ 2,750 คน/ชั่วโมง
มูลค่าการลงทุน ยืนตามข้อมูลของ Tranpod ซึ่งเป็น Partner ด้านเทคโนโลยีของโครงการ
ค่าก่อสร้างของเส้นทาง/กิโลเมตร คิดเลขกลมๆ คือ 28,000,000 CAD หรือ เท่ากับประมาณ 700 ล้านบาท/กิโลเมตร
ซึ่งตามข้อมูลของโครงการ บอกว่า Hyperloop ค่าก่อสร้าง 598 ล้านบาท/กิโลเมตร ซึ่งไม่ทราบว่าจะลดอย่างไร และอีกประเด็น ที่พูดมาแค่โครงสร้าง ยังไม่พูดเรื่องตัว Pod อีก ซึ่งไม่รู้ว่า Pod ละกี่ร้อยล้านหรือพันล้าน เพราะใช้เทคโนโลยีเทียบเท่ากับตัวเครื่องบิน และยังไม่รวมค่าเวนคืนที่ดินในการเดินรถ
และอีกประเด็นที่สำคัญที่สุด จุดจอดของรถไฟเว้นช่วงกันอย่างน้อย 300 กม.ซึ่งจะข้ามเมืองไปเลย เช่นสายเหนือ เห็นจุดจอดแค่ กรุงเทพฯ, นครสวรรค์, พิษณุโลก และ เชียงใหม่ แค่ 4 จุด
เทียบกับ รถไฟความเร็วสูงซึ่งจอดในทุกจังหวัดที่ผ่าน ได้แก่ บางซื่อ, ดอนเมือง, พระนครศรีอยุธยา, ลพบุรี, นครสวรรค์, ตะพานหิน, พิษณุโลก, สุโขทัย, ศรีสัชนาลัย ลำปาง, ลำพูน และเชียงใหม่ ถึง 11 สถานี
ทำให้มีโอกาสในการพัฒนาพื้นที่และเศรษฐกิจรอบสถานี ได้มากกว่าหลายเท่าตัว
ผมอยากฝากคำถามให้กับคนที่สนับสนุนโครงการ คือ ถ้าคุณอยากกระจายความเจริญลงสู่ภูมิภาค แต่สร้างสถานีข้ามหัวเค้าไปเกินระยะ 300 กม.มันเป็นการกระจายความเจริญยังไง
แล้วใครคือสิ่งที่ Hyperloop มาทดแทนกันแน่ มาทดแทนรถไฟความเร็วสูง หรือ สนามบินกันแน่
สุดท้ายนี้ ผมไม่ได้คัดค้านการศึกษาและก่อสร้าง ระบบ Hyperloop แต่ผมขอให้เอกชนเป็นวิจัยและก่อสร้าง โดยรัฐบาลเป็นผู้ให้เงินสนับสนุนโครงการบางส่วน ไม่เกิน 50%
และในอนาคต ถ้าคิดว่า Hyperloop เป็นอนาคตใหม่ของการเดินทางและมีความคุ้มค่าในการก่อสร้างและให้บริการ ผมก็สนับสนุนให้เอกชน หรือบริษัทที่สนใจเข้ามาทำ
เพราะการลงทุนของรัฐบาลไม่สามารถและไม่ควรลงทุนในสิ่งที่ยังไม่ถูก Prove of concept เลย
แต่ถ้าเป็นเงินสนับสนุนการศึกษาวิจัยพอเข้าใจได้
ผมไม่ได้ต้องการมา Discredit ใคร แต่อยากให้ลองศึกษารายละเอียดกันให้ลึกนิดนึงครับ..”
วันเวลาได้พิสูจน์ให้ห็นแล้ว ใครเอ่ย โคตรกลวง แต่มั่นหน้ากับการสร้างภาพ
โดยที่จริงๆแล้ว ทำงานไม่เป็นเอาเสียเลย
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี