ประเทศชาติจะเจริญหรือล่มจมมีหลายปัจจัยที่เป็นตัวการ แต่ทว่ามีปัจจัยสำคัญบางอย่างที่เป็นตัวเร่งรัดให้ประเทศเจริญหรือล่มสลายได้ นั่นคือพฤติกรรมของรัฐบาลและฝ่ายค้าน
ถามว่าทำไมบางประเทศที่ไม่น่าจะเจริญรุ่งเรืองได้ เพราะไร้ทรัพยากรธรรมชาติ แถมยังเป็นชาติเกิดใหม่ มีประชากรเพียงไม่กี่ล้านคน แต่ทำไมประเทศเช่นที่ว่านั้นเจริญรุ่งเรืองรุดหน้ามากกว่าประเทศเก่าแก่อย่างประเทศไทย
ทำไมบางประเทศที่เมื่อย้อนหลังไป 30 กว่าปีที่แล้ว ยังรบราฆ่าฟันกันจนเลือดท่วมนองแผ่นดิน แต่ทว่ามาถึงวันนี้กลับมีสภาพเศรษฐกิจ และคุณภาพการศึกษาในระดับอุดมศึกษาดีกว่าประเทศไทย
แน่นอนว่าประเทศเหล่านั้นต้องมีอะไรบางสิ่งบางอย่างที่ดีกว่าประเทศไทย จึงทำให้เขาเจริญรุดหน้าได้มากกว่าประเทศไทย ประเทศที่ไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งตะวันตก แต่ทว่าตกอยู่ในกำมือของนักการเมืองจอมโกงมาหลายทศวรรษ
คนไทยรู้ทั้งรู้ว่าประเทศไทยมีนักการเมืองขี้โกงมากมาย (แต่ก็ยังพอมีนักการเมืองดีหลงเหลืออยู่บ้าง)แต่คนไทยก็ไม่ได้รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจมากนักที่มีนักการเมืองโกงเพราะบางคนมีทัศนคติว่า โกงไม่เป็นไร ใครๆ ก็โกงกันทั้งนั้นแต่โกงแล้วแบ่งให้กูบ้างก็พอใจแล้ว พอใจที่กูไม่ได้โกงเองแต่ยินดีที่คนอื่นโกงแล้วแบ่งให้กู
ทัศนคติแบบนี้ ทำให้ประเทศไทยเฉียดความวิบัติบรรลัยมาแล้วหลายครั้ง แต่โชคดีของประเทศไทยที่ยังมีพระสยามเทวาธิราชทรงช่วยปัดเปาความพินาศให้หลุดพ้นไปได้เสมอมา แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าหากพระสยามเทวาธิราช ท่านทรงทอดธุระขึ้นมาในวันหนึ่งวันใด วันนั้นประเทศไทยอาจจะแหลกลาญบรรลัยจนไม่สามารถกอบกู้คืนมาได้
แน่นอนว่าประเทศหรือรัฐประกอบด้วย ดินแดน ประชาชน รัฐบาล และอำนาจอธิปไตย จะขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปเสียมิได้ แต่ก็มีคำถามต่ออีกว่า แล้วระหว่างรัฐบาลกับประชาชน อะไรเป็นปัจจัยสำคัญมากกว่ากันที่ทำให้ประเทศชาติเจริญหรือเสื่อมทรุด
ตอบตามหลักรัฐศาสตร์ว่า รัฐบาลเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประเทศชาติเจริญหรือเสื่อมทรุด เพราะรัฐบาลเป็นผู้ถือหางเสือควบคุมทิศทางการเคลื่อนไปของประเทศในภาพรวม หากประเทศไทยมีรัฐบาลดี ก็ย่อมเจริญก้าวหน้า แต่หากประเทศไทยมีรัฐบาลเลวชาติ ประเทศชาติก็เกิดปัญหา ซึ่งประชาชนก็คงได้เห็นกันมาโดยตลอดว่า ในยามที่ประเทศชาติสุขสงบ มีสภาพเศรษฐกิจดีนั้น เรามีรัฐบาลที่มีพฤติกรรมการเมืองเช่นไร ระหว่างรัฐบาลโกงชาติ กับรัฐบาลทุ่มเทเพื่อชาติ (มีคำถามว่าที่ผ่านๆ มานั้น ประเทศไทยมีรัฐบาลที่ทำเพื่อชาติจริงๆ สักกี่ชุด)
สยามหรือประเทศไทยเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบกษัตริย์เป็นใหญ่สูงสุด ไปเป็นระบอบที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย เพราะเหตุว่ามีรัฐธรรมนูญ เมื่อ พ.ศ. 2475 แล้วจากนั้นจนบัดนี้ ไทยก็มีรัฐธรรมนูญแล้วหลายสิบฉบับ และก็คาดว่าคงจะต้องมีอีกหลายฉบับในอนาคต หากการเมืองไทยยังเป็นแบบเช่นทุกวันนี้
เรามีนักการเมืองหลากหลายสายพันธุ์ โดยเฉพาะนักการเมืองพันธุ์เลวธรรมดา หรือเลวสุดแล้ว เลวที่สุด แต่คนไทยจำนวนหนึ่งก็ยังคงยิ้มหน้าบานเมื่อมีนักการเมืองเลวสุดๆ ขึ้นมาปกครองบ้านเมือง ด้วยเหตุที่ว่าพอใจที่นักการเมืองเลวเอาส้นเท้าเขี่ยเศษอาหารให้กินในบางมื้อบางคราว คนไทยบางคนน่าสมเพชมาก เพราะกล้ากล่าวออกมาดังๆ ว่า นักการเมืองเลวก็ช่างมัน เพราะมันก็เลวกันทุกคน ไม่เห็นมีคนไหนดีเลยแต่หากมันเลวแล้วมันเอาสิ่งที่มันโกงกินมาแบ่งให้กู กูก็พอใจแล้ว
เรื่องนี้เป็นความจริงยิ่งกว่าจริงในสังคมไทย เพราะเราทุกคนรู้ดีว่าการเลือกตั้งในเมืองไทยนั้น หาความบริสุทธิ์ขาวสะอาด และเที่ยงตรงได้ยากมาก จนอาจจะกล่าวได้ว่าเกือบจะหาไม่ได้ คนไทยจำนวนมากเชื่อ เพราะมีประสบการณ์ซื้อสิทธิ์ขายเสียงโดยตรง แล้วก็รู้ดีว่าตนเองรับเงินจากนักการเมืองหรือหัวคะแนนของนักการเมืองหน้าไหน แต่ก็ยังอุตส่าห์สนับสนุนการซื้อสิทธิ์ขายเสียง เพราะมีข้ออ้างแบบน่าสมเพชว่า มันก็โกงกันทุกคนนั่นแหละ เพราะฉะนั้น เมื่อมันเอาเงินมาให้เรา เราก็รับไว้ก่อน เพราะเมื่อมันเป็น สส.เป็นรัฐบาลแล้ว มันก็ไม่เคยกลับมาสนใจพวกเราอีก เพราะฉะนั้น รับเงินซื้อเสียงไว้ก่อน กำขี้ดีกว่ากำตด
เมื่อคนไทยบางจำพวกเป็นเสียงเช่นนี้ ก็หมายความว่าเขาสนับสนุนให้นักการเมืองโกงชาติได้เข้าไปเป็น สส. แล้วหากคนไทยช่วยกันสนับสนุนนักการเมืองโกงชาติมากๆ นักการเมืองสายพันธุ์ชั่วเหล่านั้นก็ได้ขึ้นไปเป็นรัฐบาล แล้วคนไทยก็บ่นว่ารัฐบาลโกง แต่ลืมดูตัวเองไปว่า ตนเองมีส่วนสนับสนุนให้นักการเมืองโกงชาติขึ้นไปเป็นรัฐบาล หรือนักการเมืองบางคนก็อาจไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่ก็ได้เป็น สส. ฝ่ายค้าน แต่ก็เป็นฝ่ายค้านที่มีพฤติกรรมคดโกงไม่ต่างไปจากรัฐบาล เพียงแต่โกงได้น้อยกว่ารัฐบาล เพราะไม่มีอำนาจรัฐในกำมือ จนทำให้มีคำกล่าวจากนักการเมืองรายหนึ่งที่ตายไปแล้วว่า เป็นฝ่ายค้านมันอดอยากปากแห้ง
เรื่องการคดโกงของรัฐบาลนั้น ไม่จำเป็นต้องสาธยายให้มากความ เพราะคนไทยจำนวนไม่น้อยประจักษ์เป็นอย่างดี ดีเสียจนคนบางคนต้องเข้าไปเป็น สส. แล้วพยายามเข้าไปเป็นรัฐบาลจอมโกง โดยเฉพาะคนที่ชอบอ้างว่า รวยแล้วไม่โกง และคนจำพวกนักธุรกิจที่คดในข้อ งอในกระดูก ซึ่งเห็นว่ารัฐบาลโกงมาโดยตลอด ดังนั้น จึงแปรสถานภาพจากนักธุรกิจขี้โกง ไปเป็นรัฐบาลขี้โกง เพราะเขาเห็นช่องทางการโกงแบบกินรวบโดยใช้อำนาจรัฐเป็นเครื่องมือสนับสนุนการโกงแบบทุจริตเชิงนโยบาย
ส่วน สส. ฝ่ายค้านที่ไร้อำนาจบริหาร ก็ไม่ค่อยจะพอใจกับบทบาทของฝ่ายนิติบัญญัติมากสักเท่าไรนัก แม้ปากจะป่าวประกาศว่าเป็นฝ่ายค้าน แต่ก็รู้ดีว่าเป็นฝ่ายค้านมันอดอยากปากแห้ง เพราะฉะนั้น ก็ต้องพยายามสร้างภาพลวงตาให้มากที่สุด โดยเฉพาะภาพลวงตาว่าเป็นนักการเมืองที่ตั้งใจตรวจสอบ จับทุจริตของรัฐบาล จึงต้องตีฝีปากให้มากที่สุด เพราะเชื่อว่าการทำงานด้วยปาก ให้ผลดีมากกว่าการทำงานอย่างจริงๆ จังๆ แล้วก็หวังว่าสักวันหนึ่งจะได้ขึ้นไปเป็นรัฐบาลบ้าง แล้วก็จะดำเนินการฉ้อโกงประเทศต่อไป
ประเทศไทยมีนักการเมืองจอมโกงที่ได้เป็นทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลมาโดยตลอด บางรายก็ผลัดกันเป็นฝ่ายค้านบ้าง ฝ่ายรัฐบาลบ้าง แต่บางรายก็ผูกขาดการเป็นฝ่ายรัฐบาลตลอดเวลา ส่วนบางฝ่ายก็หวังจะได้ขึ้นไปเป็นรัฐบาล แต่ถึงแม้จะมีเก้าอี้ สส. มากที่สุด แต่ก็แพ้เกมการเมืองแบบไทยๆ ทำให้พรรคที่มี สส. อันดับหนึ่งไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่ก็มีนักการเมืองบางประเภทที่น่าขยะแขยงยิ่งกว่าคือ เมื่อเข้าไปเป็นรัฐบาลแล้วก็ใช้อำนาจรัฐดูด สส. พรรคอื่นเข้าไปร่วมเป็นพรรครัฐบาล หรือก็มีบางยุคที่นักการเมืองที่ประกาศจะเป็นรัฐบาลต่อเนื่อง 20 ปี ใช้อำนาจรัฐสูบพรรคการเมืองอื่นทั้งพรรคเข้าไปอยู่ในพรรคของตนเอง เพื่อใช้เป็นข้ออ้างว่าพรรคการเมืองของตนเองชนะการเลือกตั้งแบบฟ้าถล่มดินทลาย แต่สุดท้ายเจ้าของพรรคก็ต้องหนีคดีอาญาแผ่นดินไปร่อนเร่อยู่นอกพระราชอาณาจักรไทย แล้วสุดท้ายของสุดท้ายก็ได้กลับเข้ามาในพระราชอาณาจักรไทย โดยเข้ามาแล้วสร้างความปั่นป่วนให้กับระบบยุติธรรมของไทย แบบชนิดที่ว่าไม่มีใครหน้าไหนที่จะกล้าทำลายความยุติธรรมของไทยให้พินาศได้มากเช่นนี้อีกแล้ว
เมื่อเรามีรัฐบาลที่หลายคนบอกว่าสามานย์สุดๆ แล้ว เราก็ยังมีฝ่ายค้านที่หลายคนกำลังมองด้วยสายตาที่อาจจะชื่นชมเป็นอย่างมาก เพราะฝ่ายค้านบางรายมีฝีปาก มีวาทศิลป์ดี สามารถสร้างวาทกรรมการเมืองเพื่อโน้มน้าวใจประชาชนที่รู้ไม่ทันได้ สส. ฝ่ายค้านบางจำพวกเล่นละครตบตาประชาชนได้แยบยลมาก บางรายลงทุนแสดงละครกลางเวทีการประชุมสภา ด้วยการสร้างบทเรียกน้ำตา ราวกับว่าสภาเป็นเวทีแสดงละครน้ำเน่า แต่อันที่จริงนั้น รัฐสภาไทยก็ถูกเรียกว่าเวทีละครน้ำเน่ามายาวนานแล้ว เพราะคนที่ติดตามพฤติกรรมของนักการเมืองไทยมายาวนานต้องได้พบได้เห็นการแสดงละครโดยสส. จำพวกที่แสดงละครตบตาผู้ชมได้อย่างแนบเนียนมาโดยตลอด
เคยสงสัยบ้างไหมว่า ทำไม สส. ฝ่ายค้านบางรายจึงอภิปรายในสภาได้ดีมาก ดีจนชนะใจคนดูทางบ้าน ดีจนทำให้เกิดคำถามตามมาว่า หากฝ่ายค้านมีข้อมูลดีถึงเพียงนี้แล้ว ทำไมไม่จัดการตามกระบวนการกฎหมาย ทำไมต้องรอ แล้วทำไมต้องใช้เวทีรัฐสภาเป็นเวทีแสดง ในเมื่อมีข้อมูลชัดเจนว่ารัฐบาลทุจริต เหตุใดจึงไม่ฟ้องร้องดำเนินคดีอาญากับรัฐบาล ทำไมจึงใช้เวทีรัฐสภาเป็นเครื่องต่อรองอำนาจรัฐ
หาก สส. ฝ่ายค้านมั่นใจว่ารัฐบาลทุจริตฉ้อฉลปล้นประเทศ ก็ต้องฟ้องร้องดำเนินคดีอาญากับรัฐบาล ไม่ใช่กล่าวแบบเล่าสู่กันฟัง แล้วบอกให้ประชาชนตัดสินใจเอาเอง ว่าครั้งหน้าจะเลือกใครเป็นรัฐบาล เพราะการกระทำแบบนั้นไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาการโกงบ้านกินเมือง ย้ำว่าเมื่อ สส. ฝ่ายค้านมั่นใจว่ารัฐบาลโกง ก็ต้องแจ้งความดำเนินคดีอาญาโดยทันที ไม่ใช่ใช้เวทีรัฐสภาเป็นสถานที่แสดงละครตบตาประชาชน
ทุกวันนี้ ประชาชนรู้ทันและเข้าใจดีว่ารัฐบาลมีพฤติกรรมเช่นไร บริหารประเทศด้วยความซื่อสัตย์สุจริตมากน้อยเพียงใดรัฐมนตรีแต่ละคนมีความสามารถ มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความละอาย และมีสติปัญญามากน้อยแค่ไหน ตอบได้ชัดๆ ว่า คนไทยจำนวนไม่น้อยไม่เคยเชื่อถือ และเชื่อมั่นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้เลยแม้แต่น้อย เพราะคนไทยจำนวนมากเห็นถึงเบื้องหลังอันแสนสกปรกโสโครกของรัฐมนตรีหลายคน ดังนั้นจึงไม่มีความศรัทธาใดๆ มอบให้กับรัฐมนตรี แล้วก็รู้ดีว่ารัฐมนตรีเป็นตำแหน่งที่ได้มากจากเกมการเมือง ไม่ใช่ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีเพราะสติปัญญา หรือความรู้ความสามารถ จึงทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยเรียกขานรัฐมนตรีบางคนว่ารัฐมนตรีขี้ข้า
กลับไปที่ฝ่ายค้าน ซึ่งคนไทยจำนวนมากจับได้ไล่ทันว่าเล่นละครตบตาเก่งมาก บางคนพูดจาฉะฉาน แสดงภาพประกอบการอภิปรายดีมาก แต่เนื้อแท้ของพฤติกรรมการเมืองของ สส. ฝ่ายค้านบางคน เสื่อมและทรามมากที่สุด คนที่มีพฤติกรรมส่วนตัวเลวทรามจนเกินบรรยายไม่มีวันเป็นคนดีได้ ดังนั้น คนจำพวกที่ว่านั้นก็จึงไม่มีวันเป็นฝ่ายค้านที่ดีได้เช่นกัน อย่าอ้างว่าพฤติกรรมส่วนตัวเป็นคนละประเด็นกับพฤติกรรมของสส. เพราะในเมื่อ สส. บางคนมาจากคนที่มีพฤติกรรมสุดทราม ดังนั้นเมื่อได้เป็น สส. จะด้วยกลอุบายหรือกรรมวิธีใดก็ตาม ก็ย่อมเป็น สส. สุดทรามไปโดยปริยาย
ต้องบอกตรงๆ ว่าเมืองไทยน่าเป็นห่วงมาก เพราะรัฐบาลก็ไม่น่าจะเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ เพราะรัฐมนตรีหลายคนน่าจะเข้าข่ายทุรชน ส่วนฝ่ายค้านก็ไม่น่าจะเป็นที่พึ่งของประชาชนได้เช่นกัน เพราะหลายคนก็มีพฤติกรรมไม่ต่างไปจากรัฐมนตรี แต่ที่ฝ่ายค้านยังไม่ได้สำแดงความจริงให้ปรากฏต่อสาธารณชนคือ ยังไม่ได้สำแดงพฤติกรรมของการเป็นรัฐมนตรี เพราะยังไม่มีโอกาสได้เป็นรัฐมนตรี แต่ก็ต้องย้ำอย่างหนักแน่นว่า คนไม่ดีก็คือคนไม่ดี ไม่มีวันที่คนไม่ดีจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้านที่ดีได้เป็นอันขาด เพราะธาตุแท้มันไม่ใช่คนดี แต่ทว่ามันดีแต่ปาก ดีแต่ทำลายประเทศชาติ ดีแต่แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบโดยการเข้าไปมีอำนาจรัฐ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี