วันเสาร์ ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / คิดด้วยพลเมือง (See-Think-Cen')
คิดด้วยพลเมือง (See-Think-Cen')

คิดด้วยพลเมือง (See-Think-Cen')

วันพุธ ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2567, 02.00 น.
The Single Age: เพราะอะไรการแต่งงานมีลูกจึงไม่ใช่คำตอบของคนยุคใหม่?

ดูทั้งหมด

  •  

“เมื่อไรจะแต่งงาน” 

“แต่งงานแล้วรีบมีลูกให้อุ้มไวๆ นะ” 


“ทำไมถึงไม่อยากมีลูกล่ะ? ลูกเป็นโซ่ทองคล้องใจนะ” 

ในชีวิตของใครหลายๆ คนคงเคยถูกถามด้วยประโยคเหล่านี้กันใช่ไหม เพราะถ้าพูดถึงการแต่งงานก็ถือได้ว่าเป็น “ความฝัน” ของใครหลายๆ คน และเป็นค่านิยมที่สังคมให้ความสำคัญมาตั้งแต่ยุคก่อนงานแต่งจึงเปรียบเสมือนเป้าหมายสำคัญในชีวิตเลยก็ว่าได้ และหากนึกถึงคำว่า “ครอบครัว” ภาพของการมีพ่อแม่ลูกพร้อมหน้าพร้อมตาคงเป็นสิ่งที่สะท้อนภาพจำของคำว่าครอบครัวได้ชัดมากที่สุด จึงไม่แปลกที่ผู้ใหญ่ในสังคมไทยส่วนใหญ่จะมองว่าเมื่อถึงช่วงอายุหนึ่งลูกหลานก็จะต้องแต่งงาน และถ้าแต่งงานแล้วก็ควรจะมีลูกเป็นโซ่ทองคล้องใจเพราะคิดว่าถ้ามีลูกแล้วจะทำให้ความรักในครอบครัวแน่นแฟ้นขึ้น และลูกหลานจะได้มาเลี้ยงดูพ่อแม่เมื่อยามแก่เฒ่าถึงจะครบสูตร และเรียกได้ว่าเป็น “ครอบครัวที่สมบูรณ์” ผู้เขียนเองก็เคยคิดแบบนั้น แต่เมื่อไม่นานมานี้ผู้เขียนได้มีโอกาสคุยกับคนในวัยเดียวกันว่า พวกเราวัยรุ่น Gen Z มีความฝันอะไรกันบ้าง หรือมองเป้าหมายของตัวเองไว้อย่างไรคำตอบที่ได้ก็จะเป็นแค่การมีงานที่มั่นคง ได้ใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองอยากใช้ มีเงินเก็บไปใช้ซื้อความสุขซื้อเวลาที่เสียไปในระหว่างทางที่เติบโต หรือการมีสุขภาพจิตที่ดีไม่ต้องมีเรื่องปวดหัวในแต่ละวันซึ่งข้อสังเกต คือ คำตอบของการแต่งงานมีลูกแทบจะไม่มีใครพูดถึง และถ้ามีก็มักจะเป็นเรื่องท้ายๆ ที่ถูกพูดถึง และจากข้อมูลของสถาบันวิจัยประชากร และสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ได้มีการเปิดเผยสถิติสถานการณ์จำนวนเด็กเกิดในไทยที่ลดลงในระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2560 ที่จำนวนเด็กเกิดลดต่ำลงจนแตะหลัก 7 แสนคน และอีกเพียง 4 ปีต่อมา จำนวนเด็กเกิดลดลงจนมาแตะที่หลัก5 แสนคน แล้วอะไรที่ทำให้ใครหลายๆ คนอยากอยู่เป็นโสด หรือถึงมีคู่ก็ไม่ได้อยากแต่งงาน และมีลูก ? 

เพราะการแต่งงานมีลูกไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองคน 

ในความเป็นจริงการแต่งงานมีลูกก็คงเป็นเรื่องที่คนสองคนต้องตัดสินใจเป็นหลัก แต่เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในตัวแปรสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจในเรื่องนี้ คือ เงื่อนไขทางเศรษฐกิจ สภาพแวดล้อม สภาพสังคม และอีกหลากหลายปัจจัยที่เป็นข้อจำกัด และส่งผลกระทบให้เรารู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยหรือไม่มั่นคงในการดำเนินชีวิตจนแนวโน้ม
ที่คนยุคใหม่เริ่มมีความต้องการในการแต่งงาน และมีลูกลดลงเรื่อยๆ เพราะถ้าเราลองคิดดูว่าการที่เราต้องพยายามหารายได้เพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องในขณะที่ค่าครองชีพในตอนนี้ก็สูงเสียเหลือเกินจนทำให้ต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำงาน มันแทบจะจินตนาการถึงชีวิตที่ต้องดูแลรับผิดชอบเด็กอีกคนหนึ่งไม่ออกเลย เพราะจากเดิมที่การทำงานก็กินเวลาส่วนตัวในการทำกิจกรรมอื่นๆ ไปมากแล้วอย่างการใช้เวลากับตัวเอง และครอบครัว แล้วถ้าแต่งงานมีลูกก็เท่ากับว่าอิสระในการใช้ชีวิตก็จะหายไป แถมการเลี้ยงดูเด็กหนึ่งคน ตัวเราก็ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายมหาศาลเป็นเวลานานหลายปีกว่าที่เขาจะเติบโตจนสามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ ซึ่งจากข้อมูลที่ธนาคารแห่งประเทศไทยที่ได้ทำการประเมินค่าใช้จ่ายทางการศึกษาสำหรับเด็กวัยเรียน ตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงระดับปริญญาตรี ถ้าเด็กเข้าศึกษาในสถาบันการศึกษาของรัฐบาล จะมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 1.6 ล้านบาท แต่หากเข้าเรียนในสถานศึกษาของเอกชนค่าใช้จ่ายก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว และนี่ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ค่าอาหาร ค่าเสื้อผ้า ค่ารักษาพยาบาล และอื่นๆ อีกมากมายที่หลายคนอาจไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายตรงนี้ได้ในยุคที่เศรษฐกิจยังเป็นเช่นนี้  

ในขณะที่สวัสดิการพื้นฐานก็ยังมีไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงดูให้เด็กให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ เช่น เงินอุดหนุนที่ไม่สอดคล้องกับค่าใช้จ่าย และค่าครองชีพในปัจจุบัน อย่างเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 6 ปี จะได้รับอยู่ที่ 600 บาท/เดือน แต่ในความเป็นจริงค่าใช้จ่ายเด็ก 1 คนต่อเดือนมากถึงหลักพันไปจนถึงหลักหมื่น รวมไปถึงการให้เงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดที่ยังจำกัดเฉพาะครอบครัวผู้มีรายได้น้อย หรือความครอบคลุมในการคุ้มครองการใช้สิทธิวันลาเพื่อเลี้ยงดูลูกหลังคลอดของแรงงานนอกระบบที่ตอนนี้ยังไม่มีสิทธิลาคลอดแม้แต่วันเดียว นี่ยังไม่รวมโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ สำหรับเด็ก เช่น พื้นที่สาธารณะที่ให้เด็กได้มีพื้นที่ในการทำกิจกรรมพัฒนาทักษะ การมี play space รวมถึงศูนย์รับเลี้ยงเด็กที่มีคุณภาพเพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะมีเวลาเลี้ยงลูกได้เช่นในขณะที่พ่อแม่ต้องออกไปทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ซึ่งสิ่งเหล่านี้ควรได้รับการลงทุนจากภาครัฐมากขึ้นผู้อ่านคงจะเห็นได้ว่าการจะมีลูกในยุคที่สภาพสังคมที่ยังไม่มีความพร้อมเช่นนี้เป็นเรื่องไม่ง่ายเลย 

แล้วเมืองแบบไหนที่จะทำให้เราอยากแต่งงานมีลูก? 

ปัญหาหลายมิติกลายเป็นเหตุผลที่ทำให้คนไม่อยากแต่งงานมีลูกเพราะคงไม่มีใครอยากให้ลูกตัวเองเกิดมาในสภาพแวดล้อมที่ยังไม่พร้อม ซึ่งบทบาทความเป็นพ่อแม่ที่ต้องเลี้ยงดูลูกและคนทำงานสามารถเกิดขึ้นควบคู่กันได้ เพราะถ้าบอกว่าอยากให้ “มีลูกเพื่อชาติ” คำถามคือ แล้วชาติทำอะไรเพื่อเราบ้าง ภาครัฐควรให้ความสำคัญในการผลักดันเชิงนโยบายสำหรับการสนับสนุน และเตรียมสภาพแวดล้อมให้มีความเหมาะสมมากขึ้นไหม เพราะสิ่งเหล่านี้อาจเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้คนตัดสินใจแต่งงานมีลูกได้ง่ายขึ้น เช่น นโยบายการเพิ่มวันลาคลอดแต่ยังได้รับค่าจ้าง การมีเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดที่เหมาะสม และสอดคล้องกับค่าครองชีพในปัจจุบัน หรือปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ ที่จะทำให้เรามั่นใจมากขึ้นได้ว่าจะทำให้เขาเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม และมีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วยรัฐสวัสดิการต่างๆ อย่างในประเทศเกาหลีใต้ที่กำลังประสบปัญหาอัตราการเกิดน้อยที่สุดในโลก ได้มีนโยบายในการแก้ไขปัญหานี้ คือ การเพิ่มศูนย์รับเลี้ยงเด็กที่มีมาตรฐาน และให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของแม่ทั้งในช่วงตั้งครรภ์ และหลังคลอด โดยเกาหลีใต้ได้กำหนดให้นายจ้างลดชั่วโมงการทำงานในช่วงแรกของการตั้งครรภ์และใกล้คลอด ลง 2 ชั่วโมง/วัน รวมถึงให้สิทธิลาโดยไม่รับเงินเดือนได้ถึง 1 ปี ซึ่งสามารถแบ่งลาเป็นช่วงได้จนเด็กมีอายุครบ 8 ปี แต่ถึงอย่างไรนโยบายเพิ่มประชากรก็จำเป็นจะต้องทำอย่างรอบคอบเพราะผลกระทบที่เกิดขึ้น คือ การจ้างงานผู้หญิงจะลดน้อยลง และอาจจะมีคนที่ยังไม่พร้อมแต่ตัดสินใจมีลูกเพียงเพื่อต้องการเงินช่วยเหลือจากภาครัฐเท่านั้นก็ได้ 

และทุกวันนี้ขนาดตัวเราเองยังรู้สึกว่าเมืองนั้นอันตราย และไม่เป็นมิตรแม้กระทั่งผู้ใหญ่แบบเรา ที่ทำให้ใช้ชีวิตได้อย่างยากลำบาก แล้วมันจะเหมาะสมสำหรับการเติบโตของเด็กๆ ได้อย่างไร ซึ่งการที่เรามีเมืองหรือพื้นที่ทำให้เรารู้สึกปลอดภัยก็อาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทุกคนอาจจะอยากมีสมาชิกในครอบครัวตัวน้อยๆ มาวิ่งเล่น และได้พาพวกเขาออกไปใช้ชีวิตในเมืองที่จะเป็นพื้นที่ปลอดภัยทั้งสำหรับตัวเรา และตัวเด็ก เราจึงควรกลับมามองที่โครงสร้างพื้นฐานอย่างการมีเมืองที่ดีที่เราสามารถพาเด็กๆ ไปทำกิจกรรมต่างๆ ได้ มีทางเท้าที่ไม่ต้องคอยเดินหลบหลุมหลบบ่อ การเดินทางที่ปลอดภัยที่ไม่ใช่ต้องคอยระวังว่าจะมีรถฝ่าไฟแดงมาเมื่อไร มีอากาศที่ดีโดยไม่ต้องมองหาหน้ากากอนามัย หรือ จ่ายเงินแพงๆ ในการซื้อเครื่องฟอกอากาศเพื่อป้องกันตัวเองจากฝุ่นพิษ 

ดังนั้นก่อนที่เราจะตั้งคำถามว่า “ทำไมหลายๆ คนถึงไม่อยากมีลูก ?” เราอาจจะต้องลองมองย้อนกลับไปก่อนว่า แล้วโครงสร้างทางเศรษฐกิจ และสังคมของเราเอื้ออำนวยให้คนอยากที่จะแต่งงานมีลูกไหม แล้วรัฐจะเข้ามาช่วยสนับสนุนไม่ให้ใครต้องตัดสินใจไม่มีลูกเพราะสภาพแวดล้อม นโยบาย และเมืองที่ไม่เอื้ออำนวยได้หรือไม่  นอกจากปัญหาต่างๆ ที่ได้พูดถึงแล้วผู้เขียนก็มีความเห็นว่าอีกสาเหตุหนึ่งที่คนเริ่มไม่อยากแต่งงานมีลูกคงเพราะคำว่า “ครอบครัว” ของพวกเขาอาจจะเปลี่ยนไปแล้วก็ได้ เมื่อการแต่งงานมีลูกต้องแลกมาด้วยรายจ่ายที่เยอะจนอาจแบกรับไม่ไหว เพราะในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอย และสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย การมีลูกอาจจะไม่ได้มีคุณค่าในแบบเดิมอีกต่อไป แต่ถ้าเรามีสวัสดิการอะไรบางอย่างที่ทำให้รู้สึกมั่นคงปลอดภัยได้ ท้ายที่สุดผู้เขียนก็เชื่อว่าหลายๆ คนอาจจะอยากแต่งงานหรือมีลูกมากยิ่งขึ้นก็ได้

 

ฤทัยชนก สิงหเสนี 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
22:04 น. รวบสาวตกงาน เปิดบัญชีม้า5บัญชี แลกเงินหมื่น สุดท้ายโดนคดีฉ้อโกงประชาชน
21:45 น. สอบสวนกลาง รวบ 3 บัญชีม้ารับโอนเงินแก๊งคอลฯ มูลค่าความเสียหายกว่า 4 ล้าน
21:41 น. คนไทยถูกใจสิ่งนี้! ดีไซเนอร์ไทยสุดเจ๋งออกแบบผ้าไทยลายกริพเพน
21:30 น. สอบสวนกลาง รวบหนุ่มไรเดอร์ เอี่ยวบัญชีม้าใช้หลอกลงทุนเทรดหุ้น'LBank'
21:01 น. เยี่ยมชมนิทรรศการ'จักรพันธุ์ โปษยกฤต' นายช่างเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ดูทั้งหมด
แฉ'เครือญาติฮุนเซน' ทุ่มเกือบพันล้านซื้ออสังหาฯ หรูในเมลเบิร์น ขณะคนเขมรยังยากจน
แผ่นดินไหวขนาด 5.4 ที่เมียนมา แรงสั่นสะเทือนรับรู้ได้ถึงอาคารสูงใน กทม.
‘กัมพูชา’ขอแข่งซีเกมส์ 800 คน ไทยย้ำอย่าสร้างปัญหานอกกีฬา
'หลวงพ่ออลงกต'ประกาศลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ
โป๊ะแล้วหนึ่ง! 'ร.ต.อุม เซ็ง'ทหารเขมรมือวางระเบิด คนเดียวกับที่เคยลาดตระเวนร่วมทหารไทย
ดูทั้งหมด
โชว์ความเป็นหนึ่ง ‘กุ้งก้ามกราม’ สัตว์น้ำเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย
เมื่อทักษิณ ชินวัตร ไม่ผิด คนไทยทำแบบทักษิณก็ต้องไม่ผิด
อะไรคือสังคมที่ทันสมัย (A Modern Society)
มาดามตุยหรือรอด?
บุคคลแนวหน้า : 23 สิงหาคม 2568
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

คนไทยถูกใจสิ่งนี้! ดีไซเนอร์ไทยสุดเจ๋งออกแบบผ้าไทยลายกริพเพน

เยี่ยมชมนิทรรศการ'จักรพันธุ์ โปษยกฤต' นายช่างเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์

วงจรปิดจับภาพ! คนร้ายก่อเหตุยิงนักเรียนหญิงเจ็บสาหัส

(คลิป) แนวหน้าTAlk : 'จักรพันธุ์ โปษยกฤต นายช่างเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์'

GC ดัน Adjusted EBITDA ไตรมาสที่ 2 ปี 2568 โต 13% ดีขึ้นต่อเนื่องท่ามกลางความไม่แน่นอนของอุตสาหกรรม เร่งเสริมความสามารถทางการแข่งขันด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล

เตือนภัยร้อน! องค์กรโลกแนะวิธีป้องกันคนทำงานจากภาวะอากาศร้อนจัด

  • Breaking News
  • รวบสาวตกงาน เปิดบัญชีม้า5บัญชี แลกเงินหมื่น สุดท้ายโดนคดีฉ้อโกงประชาชน รวบสาวตกงาน เปิดบัญชีม้า5บัญชี แลกเงินหมื่น สุดท้ายโดนคดีฉ้อโกงประชาชน
  • สอบสวนกลาง รวบ 3 บัญชีม้ารับโอนเงินแก๊งคอลฯ มูลค่าความเสียหายกว่า 4 ล้าน สอบสวนกลาง รวบ 3 บัญชีม้ารับโอนเงินแก๊งคอลฯ มูลค่าความเสียหายกว่า 4 ล้าน
  • คนไทยถูกใจสิ่งนี้! ดีไซเนอร์ไทยสุดเจ๋งออกแบบผ้าไทยลายกริพเพน คนไทยถูกใจสิ่งนี้! ดีไซเนอร์ไทยสุดเจ๋งออกแบบผ้าไทยลายกริพเพน
  • สอบสวนกลาง รวบหนุ่มไรเดอร์ เอี่ยวบัญชีม้าใช้หลอกลงทุนเทรดหุ้น\'LBank\' สอบสวนกลาง รวบหนุ่มไรเดอร์ เอี่ยวบัญชีม้าใช้หลอกลงทุนเทรดหุ้น'LBank'
  • เยี่ยมชมนิทรรศการ\'จักรพันธุ์ โปษยกฤต\' นายช่างเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เยี่ยมชมนิทรรศการ'จักรพันธุ์ โปษยกฤต' นายช่างเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

Wonder Mom : ฮีโร่ที่ไม่ได้มีแค่ในหนัง แต่ยืนหยัดเคียงข้างลูกในทุกวัน

Wonder Mom : ฮีโร่ที่ไม่ได้มีแค่ในหนัง แต่ยืนหยัดเคียงข้างลูกในทุกวัน

13 ส.ค. 2568

สะใจเรา ลำบากเขา : เมื่อเราก้าวข้าม ‘ความเป็นชาติ’ ไม่พ้น เลยขาด ‘ความเป็นคน’ ในสงคราม

สะใจเรา ลำบากเขา : เมื่อเราก้าวข้าม ‘ความเป็นชาติ’ ไม่พ้น เลยขาด ‘ความเป็นคน’ ในสงคราม

6 ส.ค. 2568

โลกที่เต็มไปด้วยความหวาดระแวงทางความมั่นคง นำมาสู่ความเสี่ยงทางคอร์รัปชันที่มากขึ้น

โลกที่เต็มไปด้วยความหวาดระแวงทางความมั่นคง นำมาสู่ความเสี่ยงทางคอร์รัปชันที่มากขึ้น

30 ก.ค. 2568

การทุจริตของตระกูลการเมืองที่นำพาประเทศสู่หายนะ

การทุจริตของตระกูลการเมืองที่นำพาประเทศสู่หายนะ

23 ก.ค. 2568

เรามีระบบตรวจสอบ หรือมีแต่ใบอนุญาตที่ซื้อได้?

เรามีระบบตรวจสอบ หรือมีแต่ใบอนุญาตที่ซื้อได้?

16 ก.ค. 2568

เราสูญเสียโอกาสทางการศึกษามาแค่ไหน? เมื่อระบบถูกกัดกินด้วยก้อนเนื้อร้ายที่ชื่อว่าคอร์รัปชัน

เราสูญเสียโอกาสทางการศึกษามาแค่ไหน? เมื่อระบบถูกกัดกินด้วยก้อนเนื้อร้ายที่ชื่อว่าคอร์รัปชัน

9 ก.ค. 2568

พัฒนาทักษะการสื่อสารด้านการต่อต้านคอร์รัปชันผ่านการกระทำเชิงสัญลักษณ์

พัฒนาทักษะการสื่อสารด้านการต่อต้านคอร์รัปชันผ่านการกระทำเชิงสัญลักษณ์

25 มิ.ย. 2568

จีนกระจุก เทากระจาย: มอง ‘ทุนจีนเทา’ ที่กลืนกลายอยู่ในสังคมไทยผ่านมุมมองสังคมวิทยา

จีนกระจุก เทากระจาย: มอง ‘ทุนจีนเทา’ ที่กลืนกลายอยู่ในสังคมไทยผ่านมุมมองสังคมวิทยา

18 มิ.ย. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved