วันก่อน เขียนถึงไอ้โม่งปักหมุด ส.ป.ก. จ้องงาบที่ดินป่าเขาใหญ่
รูปการณ์ มี “ไอ้โม่ง” ปักหมุด ส.ป.ก. เพื่อออกเอกสาร ส.ป.ก. ให้กับประชาชนทั้งๆ ที่พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่าเขาใหญ่
นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร กล่าวว่า พบหลักหมุด ส.ป.ก. ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จึงทำหนังสือให้รื้อถอนหมุดออก ไปแจ้งความที่ สภ.หมูสี นอกจากนี้ ยังพบ ส.ป.ก.วางผังแปลงเพิ่มอีกนับเฉพาะบริเวณเขาใหญ่ 2,933 ไร่ มูลค่าที่ดินหลายล้านบาท
ดูข่าวช่องท็อปนิวส์ เตือนความจำ... ทำให้นึกขึ้นได้
นอกจาก ไอ้โม่งใช้หมุด ส.ป.ก. จะรุกป่าเขาใหญ่แล้ว ยังมีกรณีเศรษฐีถือครอง น.ส.3 ก. กินพื้นที่ป่าราชบุรีอยู่ด้วย
เนื้อที่รวม 2 พันกว่าไร่เหมือนกัน
1. จำได้ไหม คำพิพากษาศาลปกครองกลาง คดีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ฟ้องเพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินที่เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี
คดีหมายเลขดำที่ 2218/2565 คดีหมายเลขแดงที่ 1839/2566
นายธนาธรอ้างตนเป็นเจ้าของที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 158 และเลขที่ 159 ตำบลด่านทับตะโก อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี เนื้อที่ 43 ไร่ 3 งาน และเนื้อที่ 38 ไร่ 67 ตารางวา ตามลำดับ
ปรากฏว่า คำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน ที่ 747/2565 ลงวันที่ 29 มีนาคม 2565 ใช้อำนาจตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน
ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ทั้งสองแปลงของนายธนาธร (จริงๆ มีอีกหลายแปลงในชื่อของแม่และพี่สาวด้วย)
เนื่องจากตำแหน่งที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในเขตป่าไม้ถาวร “ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี (หมายเลข 85)” ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2512 จึงเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 58 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ที่ห้ามมิให้ดำเนินการในเขตป่าไม้ถาวรและเป็นที่ดินต้องห้ามมิให้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ตามข้อ 3 ของกฎกระทรวงฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2497) และข้อ 8 (2) ของกฎกระทรวงฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2497) ออกตามความ
พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดินพ.ศ. 2497
คดีนี้ ศาลปกครองกลางพิจารณาแล้วเห็นว่า
“จากการตรวจสอบตำแหน่งที่ดินของหน่วยงานต่างๆ ตามหลักวิชาการที่ดิน ประกอบกับเมื่อพิจารณาจากแผนที่แสดงตำแหน่งแปลงที่ดิน มาตราส่วน 1 : 30,000 ระวาง 4836 II 5006 แล้วเห็นว่า ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 158 และเลขที่ 159 ของผู้ฟ้องคดี อยู่ในแนวเขตที่ดิน ซึ่งมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2512 ได้กำหนดให้เป็นเขตพื้นที่ป่าไม้ถาวร “ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี” หมายเลข 85
และต่อมาได้มีการประกาศกำหนดให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี” ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 1,069 (พ.ศ. 2527) ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 ซึ่งต้องห้ามมิให้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ตามข้อ 3 ของกฎกระทรวงฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2497) และข้อ 8 (2) ของกฎกระทรวงฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2497) ออกตามความพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497
จึงเป็นการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) โดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย
รองอธิบดีซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 มอบหมายจึงมีอำนาจตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน สั่งเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ได้
ดังนั้น คำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน ที่ 747/2565 ลงวันที่ 29 มีนาคม 2565 ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 158 และเลขที่ 159 ของ
ผู้ฟ้องคดีจึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว เมื่อคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ที่ให้ยกอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดี อาศัยข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และการใช้ดุลพินิจเช่นเดียวกัน จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน”
2. คำสั่งอธิบดีกรมที่ดินที่ศาลปกครองระบุข้างต้น ก็คือคำสั่งในภาพนี้นั่นเอง
คำสั่งลงวันที่ 29 มีนาคม 2565
อธิบดีกรมที่ดิน(ทด.) กระทรวงมหาดไทย(มท.) มอบหมายให้รองอธิบดีกรมที่ดิน ลงนามในคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินที่ 747/2565 เพิกถอนหนังสือรับรองการ
ทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)
โดยมีเนื้อหาระบุว่า
ด้วยความปรากฏว่า หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ดังต่อไปนี้
1.น.ส.3 ก. เลขที่ 153 - 159 ตำบลด่านทับตะโก อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี จำนวน 7 ฉบับ ออกเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2521 ตามโครงการเดินสำรวจออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) โดยใช้รูปถ่ายทางอากาศ มิได้แจ้งการครอบครองที่ดิน ตามมาตรา 58, 58 ทวิ วรรคสอง (2) แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน
(รายละเอียดปรากฏตามบัญชีแนบท้าย)
2.น.ส.3 ก. เลขที่ 704 - 707, 709, 711 - 729, 761, 1121 - 1133, 1135,1137 - 1144, 1158, 1159 และ 1161 - 1163 ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี จำนวน 52 ฉบับ ออกเมื่อปี พ.ศ.2521 ตามโครงการเดินสำรวจออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) โดยใช้รูปถ่ายทางอากาศ มิได้แจ้งการ
ครอบครองที่ดินและไม่มีหลักฐานสำหรับที่ดิน ตามมาตรา 58, 58 ทวิ วรรคสอง (2) และ (3) แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน
น.ส.3 ก. จำนวน 69 ฉบับ ตามข้อ 1 และ 2 ได้ออกไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากข้อเท็จจริงปรากฏจากการตรวจสอบของกรมพัฒนาที่ดินว่า ตำแหน่งที่ดินของ น.ส.3 ก. พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในเขตป่าไม้ถาวร “ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี (หมายเลข 85)” ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2562
จึงเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 58 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ที่ห้ามดำเนินการในเขตป่าไม้ถาวรและเป็นที่ดินต้องห้ามมิให้ออก น.ส.3 ก. ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 2
(พ.ศ. 2497) ข้อ 3 ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 และกฎกระทรวง ฉบับที่ 5 (พ.ศ.2497) ข้อ 8 (2) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 ซึ่งใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น และรองอธิบดี ซึ่งอธิบดีกรมที่ดินมอบหมายได้มีคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน ที่ 557 - 558/2564 ลงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 ตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน แล้ว
“คณะกรรมการสอบสวนฯ พิจารณาแล้วมีความเห็นว่า หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.)เลขที่ 153 - 159 ตำบลด่านทับตะโก อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี และน.ส. 3 ก.เลขที่ 704 - 707, 709, 711 - 729, 761, 1121 - 1133, 1135,1137 - 1144, 1158, 1159 และ 1161 - 1163 ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี เป็น น.ส.3 ก. ที่ออกไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้นจริงสมควรเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) จำนวน 59 ฉบับนี้” หนังสือคำสั่งฯ ระบุ
จึงมีคำสั่งเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก.) จำนวน 59 ฉบับดังกล่าว ตลอดจนเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องเสียทั้งหมด
นั่นคือ น.ส.3 ก. ที่มีชื่อเศรษฐีตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจครอบครองที่ดินอยู่นั่นเอง
3. น่าสงสัยว่า ปัจจุบัน สถานะของที่ดินเหล่านั้น ถูกดำเนินการให้กลับมาเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน หรือยัง?
สมควรทวงกลับมาเป็นป่า เป็นสมบัติของส่วนรวมได้แล้ว
4. น่าสงสัยว่า คดีอาญาฐานรุกป่า ที่นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นางสาวชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ถูกแจ้งข้อหานั้น เหตุใดจึงเนิ่นช้ายาวนาน และยังไปไม่ถึงศาลเสียที
พนักงานสอบสวนและอัยการ จะมีคำสั่งไม่ฟ้องบุคคลใด อย่างไร สมควรจะชี้แจงให้ชัดเจน
แล้วจะอธิบายสังคมอย่างไร ว่ามีการเลือกปฏิบัติหรือไม่? อย่างไร?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี