ถูกวิจารณ์ไปต่างๆ นานา เมื่อนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ใช้รถประจำตำแหน่งนายกฯ คันใหม่ เข้าพบ “ทักโทษชายทักษิณ ชินวัตร” ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ซึ่งมีสถานะเป็น “ทัณฑสถาน”
1) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการเข้าพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่บ้านจันทร์ส่องหล้าเมื่อวันเสาร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่แม้จะยืนยันมาตลอดว่ามีนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว แต่ภาพดังกล่าวก็ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีนายกรัฐมนตรี 2 คน 3 คน
โดยนายเศรษฐา ระบุว่า ต้องยอมรับว่านี่คือสังคมไทยนายทักษิณก็เป็นนายกรัฐมนตรีที่ได้รับความนิยมชมชอบสูงสุดคนหนึ่ง ตนเองก็ชื่นชอบท่าน นโยบายท่านก็ดี ถ้าท่านอยากให้คำปรึกษา ตนก็พร้อมรับ เช่นเดียวกับอดีตนายกรัฐมนตรีคนอื่นๆ เช่น นายอานันท์ ปันยารชุน, พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตนเพิ่งรับตำแหน่งได้ 6 เดือน ต้องรับฟังข้อมูล คำเสนอแนะของผู้ใหญ่ แต่กาลเวลาเปลี่ยนไป บางอย่างอาจทำได้ในสมัยก่อน แค่บางอย่างต้องเปลี่ยนแปลง หน้าที่ตนคือรับฟัง แล้วไปวิเคราะห์ว่าสามารถทำได้หรือไม่
“ส่วนวาทกรรม นายกฯ 1 2 3 4 มันไม่เกี่ยวหรอกคุยเรื่องความดีกว่า ทุกๆ นายกฯ อยากให้ประเทศเดินไปข้างหน้า ถึงแม้จะเป็นฝ่ายตรงข้ามหรือฝ่ายเดียวกันก็ตามที ตอนนี้เป็นหน้าที่ผมในฐานะผู้บริหารสูงสุด นายกรัฐมนตรีต้องมีการกลั่นกรองข้อมูล ตรงไหนทำได้ก็ทำ” นายเศรษฐา กล่าว
เมื่อถามว่า การเข้าพบครั้งที่ผ่านมาเป็นการเข้าเยี่ยม มีแผนที่จะเข้าพบเพื่อขอคำปรึกษาอีกหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่อยู่ในแผน แต่ก็มีรัฐมนตรีบางคนเข้ามาถามว่าจะเข้าไปเยี่ยมได้หรือไม่ ซึ่งตนก็บอกว่าตามสบาย แล้วแต่ท่านเลย เป็นผู้บังคับบัญชาเก่า เป็นนายเก่า ไม่มีปัญหาอะไรหรอก ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ บางท่านมีประวัติยาวนานกว่าตนมาก รู้จักกันมา 20-30 ปีแล้ว ไม่เจอกันมา 10 กว่าปี ตามธรรมเนียมคนไทยต้องไปเยี่ยมเยียนกันบ้าง ไม่ได้คิดอะไร
เมื่อถามว่า วันที่เข้าพบนายทักษิณ ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ได้พูดคุยเรื่องปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ย้อนถามว่า “เรื่องอะไรนะครับ” พร้อมทำหน้านิ่งก่อนจะตอบว่า
“คำถามนี้ผมว่าไม่ควรจะถามนะ เพราะนายทักษิณ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคณะรัฐมนตรี ผมก็ยืนยันตลอดเวลา พวกคุณก็ถามทุกวัน ถามทุกหนที่มีการถาม ผมก็บอกไปแล้ว คำตอบก็คือคำตอบเดิม จะพูดทำไมว่าปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งคณะรัฐมนตรีก็พยายามทำงานอยู่ แต่เมื่อพูดไปบางคนก็อาจจะนอยด์ บางคนก็อาจจะไม่สบายใจ ผมเชื่อว่าวันนี้เราต้องเดินหน้าทำงานกันดีกว่า เมื่อถึงเวลาต้องปรับ พวกท่านก็ทราบกันเองว่าต้องปรับ และผมก็เป็นคนทูลเกล้าฯ ถวายเอง” นายเศรษฐา กล่าว
2) นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำ นปช. กล่าวถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ไปพบนายทักษิณที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ว่า คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ทำให้คนเห็น แต่เป็นเจตนาเพื่อส่งสัญญาณให้ฝ่ายดีลกันไว้ได้สบายใจว่ายังรักษาดีลตามที่ตกลงกันไว้ ดังนั้น นายเศรษฐา จึงถูกเรียกตัวไปพบทักษิณ และต้องย้ำให้ยึดมั่นดีล เมื่อนายทักษิณได้พักโทษ นายเศรษฐาต้องลงจากตำแหน่งนายกฯ อย่างไม่มีข้อบิดพลิ้ว หากนายเศรษฐา ยังดื้อดึงจะเป็นนายกฯต่อไป แต่ต้องไม่ลืมไปว่า นายเศรษฐา เป็นแค่ตัวเลือกให้มาแสดงในตำแหน่งนายกฯ ที่สำคัญยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับธุรกิจเดิมอยู่ ดังนั้นการบิดพลิ้วอยู่เป็นนายกฯ ต่อย่อมกระทบกับคดีความต่างๆ จะตามมาเล่นงานเอาได้ในภายหลัง
“การดีลและการเลือกคนมาเป็นนายกฯ เขาจะเลือกคนที่สะอาดหมดจดไม่ได้ เพราะจะเป็นปัญหาเมื่อต้องการให้ออก ดังนั้น คนที่มีบาดแผลจึงเข้าคุณสมบัติในดีลให้เป็นนายกฯ อีกทั้งคนดีลยังถูกคล้องไว้ไม่ให้ได้อิสรเสรี คือต้องมีคดีคาไว้ เพื่อป้องกันการเบี้ยวดีล”
นอกจากนี้ การดีลที่เกิดขึ้นยังวางตาข่ายไว้มากมายเพื่อป้องกันไม่ให้นายเศรษฐาเบี้ยวดีลในตำแหน่งนายกฯ โดยให้บริหารประเทศ แต่ไม่ยอมให้งบประมาณมาใช้จ่าย สิ่งนี้ย่อมทำให้บริหารประเทศได้ยากลำบากขึ้น และเป็นการกดดันทางอ้อมต่อตัวนายเศรษฐาด้วย
นายจตุพรกล่าวว่า สิ่งน่ากังวลอย่างยิ่งกรณีนายเศรษฐา คือ ใช้รถหลวงประจำตำแหน่งนายกฯ คันใหม่ราคากว่า 7 ล้านบาทไปพบทักษิณ ที่บ้านจันทร์ส่องหล้าโดยใช้ในกิจการที่ดูเหมือนจะถูกครหาเป็นเรื่องส่วนตัว และการใช้รถหลวงแบบนี้มีคดีความเกิดขึ้นมากมาย และถูกวินิจฉัยเป็นความผิดจนต้องพ้นจากตำแหน่งทางการเมืองและติดคุกกันระนาว ดังนั้น นายเศรษฐาจึงควรคำนึงและระมัดระวังในเรื่องเหล่านี้ด้วย เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องเสียหายลุกลามบานปลายไปเป็นอุปสรรคทางการเมือง
“การเดินทางไปพบทักษิณ ในวันอาทิตย์ ถือว่าเป็นการทำหน้าที่หรือเปล่า ฉะนั้นนายเศรษฐา ต้องระมัดระวัง แต่การกดกระจกลงเพื่อจงใจให้คนเห็น แล้วออกมายืนสัมภาษณ์หน้าประตูบ้านที่ปิดเรียบร้อยนั้น คนเป็นนายกฯ ไม่ควรทำถึงขั้นนั้น แต่ที่น่าสนใจมากกว่า คือ คนที่เข้าไปพบทักษิณก่อนนั้นเป็นใคร แล้วถัดมารถ นายเศรษฐาก็ตามเข้าไป” นายจตุพร ระบุ 3) นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล)กล่าวถึงการเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ขณะนี้นายทักษิณได้กลับมาพักอยู่ที่บ้านแล้ว แต่การจะไปหาก็มองว่าเป็นการรบกวน เพราะอยากให้พักผ่อนอยู่ที่บ้านกับครอบครัว แต่ถ้าเรียกมาก็จะไป เพราะไม่ได้มีข้อห้ามอะไรให้ไปพบนายทักษิณ ซึ่งการไปพบถือว่าเป็นเรื่องปกติอาจจะไปยกมือไหว้ กราบไหว้ แสดงความยินดีถือเป็นเรื่องปกติ เพราะตนก็เคยทำงานกับนายทักษิณมานาน และตัวนายทักษิณเองก็มีคุณงามความดีต่อประเทศชาติบ้านเมืองมากมายมหาศาล
“การจะไปขอความคิดเห็นก็ถือเป็นเรื่องที่ดีและกฎหมายไม่ได้ห้ามอะไร การไปพบก็ถือเป็นประโยชน์ก็ควรไปฟังบ้าง เพราะแม้แต่คนจากประเทศอื่นหลายประเทศก็ยังไปขอคำปรึกษา เหตุใดทำไมเราจะไม่ใช้คนที่มีความคิดดีๆ ต่อบ้านเมือง ดังนั้น หากมีโอกาสผมก็อยากจะไปพบ แต่ท่านทักษิณยังไม่ได้เรียกจึงไม่ได้ไป” ประธานวิปรัฐบาล กล่าว
นายวิสุทธิ์กล่าวต่อว่า ทั้งนี้เห็นว่า ฝ่ายที่จะไปพบนายทักษิณ น่าจะเป็นฝ่ายบริหารมากกว่า อาจจะไปขอคำแนะนำซึ่งตนก็ไม่ทราบ แต่ในส่วนของสภาฯที่ผ่านมานายทักษิณไม่เคยมาแทรกแซง รวมถึงในพรรคเพื่อไทยก็ไม่เคยโทรศัพท์มาหาพวกตน เพราะขนาดตนเป็นประธาน สส.มา 2 สมัยแล้วก็ไม่เคยมาสั่งการแม้แต่เรื่องเดียว จึงถือว่านายทักษิณไม่ได้มาแทรกแซงอะไร แต่ถ้าตนมีโอกาสก็จะหาเวลาไปเยี่ยมบ้าง แต่ก็ต้องแล้วแต่ว่านายทักษิณจะให้โอกาสเมื่อไหร่
4) ก่อนหน้านี้ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ กล่าวถึงกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง เข้าเยี่ยมอาการป่วย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เมื่อวันที่ 24 ก.พ.2567 ว่า เป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ถ้าไม่ไปเยี่ยมถือเป็นเรื่องแปลก หรือการที่สมเด็จฮุนเซนประธานคณะองคมนตรีกัมพูชา มาเยี่ยมนายทักษิณก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะรู้จักคุ้นเคยกัน ส่วน สส.ยังไม่ได้หารือกันถึงการไปเยี่ยม แค่กลับมาอยู่บ้าน สส.ก็ดีใจแล้ว
“ไม่อยากให้ตั้งแง่วิจารณ์กัน ศาลไม่มีคำสั่งห้ามเยี่ยมหรือห้ามแสดงความคิดเห็นอะไร อะไรที่เป็นประโยชน์เชื่อว่ารัฐบาลก็พร้อมจะขอความคิดเห็นในฐานะผู้มีประสบการณ์ คนที่ออกมาวิจารณ์เป็นคนหน้าเดิมๆ เคยพูดให้รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยก้าวข้ามทักษิณ แต่ทุกวันนี้คนเหล่านี้ยังหมกมุ่น ไม่ก้าวข้ามทักษิณ แค่มีคนไปเยี่ยมจะกลัวอะไรกันนักหนา กลัวอะไรกับคนอายุ 70 กว่าปี นายทักษิณไม่ใช่อาชญากร” นายวิสุทธิ์ กล่าว
ส่วนข้อครหาเรื่องกระบวนการยุติธรรม 2 มาตรฐานในการปฏิบัติต่อนายทักษิณนั้น ตนมั่นใจไม่ส่งผลกระทบถึงพรรคเพื่อไทย เพราะไม่ได้ 2 มาตรฐาน ไม่ได้ปล่อยตัวนายทักษิณคนเดียว เป็นการพักโทษ 930 คน นายทักษิณเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น เป็นหลักสากลที่ทั่วโลกทำกันไม่ได้ทำเพื่อนายทักษิณคนเดียว คดีที่นายทักษิณต้องโทษเป็นคดีที่ตั้งฝ่ายตรงข้ามในขณะนั้นมาตัดสิน ใครจะยอมรับได้ เอาฝ่ายตรงข้ามมาตรวจสอบ ถามว่านายทักษิณได้รับความยุติธรรมหรือไม่
5) นายวิสุทธิ์นี่ ถ้ามีรางวัลบริวารดีเด่น ต้องเป็นเขานี่แหละที่คู่ควรกับรางวัลนี้ ตะแบง บิดเบือนได้ เพื่อให้นายดูดี ใช่ ทักษิณไม่ใช่อาชญากร แต่เป็นนักโทษในคดีทุจริตคอร์รัปชั่น ที่ใช้อำนาจและตำแหน่งนายกฯ เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย บัดซบกว่าอาชญากรไหม ต้องคิดดีๆ นะ โดยเฉพาะ ถ้านายกฯ คนปัจจุบัน ไป “ปรึกษาอดีต นายกฯ ขี้โกง” ประชาชนย่อมมีสิทธิหวั่นใจ
ศาลไม่ได้สั่งห้ามเยี่ยม- ก็ไม่ได้แปลว่าต้องไปเยี่ยมหรือหากจะไปเยี่ยม ก็ไม่ต้องใช้รถประจำตำแหน่งนายกฯสิ นั่นเท่ากับไปในฐานะนายกฯ แล้วนะ
คนหน้าเดิมๆ เคยพูดให้รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยก้าวข้ามทักษิณ-อันนี้แปลว่า เขาอยากให้เลิกพฤติกรรมแบบ “ขี้ข้า” น่ะจ้ะ ฉะนั้นคนที่พูดซึ่งไม่ได้เข้าหาทักษิณเสมือน “ขี้ข้า” จึงเป็นคนละคน คนละท่าที กับคนที่ถูกใช้คำว่า “อยากให้ก้าวข้ามทักษิณ” จ้ะ
แค่มีคนไปเยี่ยมจะกลัวอะไรกันนักหนา- ไม่ได้กลัวจ้ะ แค่ตั้งคำถามถึงความถูกต้อง เหมาะสม เป็นเรื่องของ “สามัญสำนึก”, ความสง่างาม และ “ยางอาย” น่ะจ้ะ
คดีที่นายทักษิณต้องโทษ เป็นคดีที่ตั้งฝ่ายตรงข้ามในขณะนั้นมาตัดสิน ใครจะยอมรับได้ เอาฝ่ายตรงข้ามมาตรวจสอบ ถามว่านายทักษิณได้รับความยุติธรรมหรือไม่- คงหมายถึง คตส. นั่นแหละ ซึ่ง คตส. ตั้งขึ้นโดยมีกฎหมายรองรับ ใช้อำนาจและอยู่ภายใต้กฎหมาย ป.ป.ช. เวลาฟ้อง ก็ยื่นผ่านอัยการ ไต่สวนและตัดสินโดยศาลทักษิณได้สู้ทุกคดี และศาลก็เคยมีคำวินิจฉัยแล้ว ว่าคตส. ตรวจสอบและทำสำนวนได้ ถ้าบอกว่าทักษิณไม่ได้รับความยุติธรรม แปลว่าคุณมึงด่าศาลแล้วจ้ะ
พูดเอาใจนายมากๆ กล่าวหาคนอื่นมั่วไปหมด โดยเฉพาะศาล ระวังจะเข้าซังเต!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี