คณะกรรมการการเลือกตั้งมีมติเป็นเอกฉันท์ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคก้าวไกลในความผิดล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่หลายฝ่ายคาดหมายว่าศาลฯอาจพิจารณายุบพรรคก้าวไกลตามคำร้องของ กกต.เพราะเหตุว่าเป็นคำร้องตามคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2567 ซึ่งศาลฯได้บรรยายว่า
“...การที่ผู้ถูกร้องเสนอให้ความผิด มาตรา 112 ยอมความได้ โดยเพิ่มความในมาตรา 135/9 วรรคหนึ่งว่า เป็นความผิดยอมความได้ และวรรคสอง ให้สำนักพระราชวังร้องทุกข์ และถือว่า เป็นผู้เสียหายในความผิดเกี่ยวกับพระเกียรติพระมหากษัตริย์นั้น และให้สำนักพระราชวัง ในฐานะผู้เสียหายร้องทุกข์ มุ่งหมายให้การกระทำผิดตามมาตรา 112 กลายเป็นความผิด ในเรื่องส่วนพระองค์ของสถาบันฯ เป็นการลดสถานะความคุ้มครองของสถาบันฯ ให้รัฐไม่ต้องเป็นผู้เสียหายในเรื่องดังกล่าวโดยตรง และให้สถาบันฯ เป็นคู่ขัดแย้งกับประชาชน และจะเป็นการขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 6 ส่งผลให้การกระทำผิด มาตรา 112ไม่ใช่การกระทำผิดที่กระทบต่อชาติ และประชาชน
“...การที่ผู้ถูกร้อง เสนอแก้ไข มาตรา 112 เพื่อลดสถานะของสถาบันฯ เป็นนโยบายพรรคในการหาเสียงเลือกตั้ง และดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เป็นการใช้นโยบายพรรค โดยนำสถาบันฯ หวังผลคะแนนเสียง และประโยชน์ในการชนะเลือกตั้งมุ่งหมายให้สถาบันฯ อยู่ในฐานะ
คู่ขัดแย้งกับประชาชน ทำให้สถาบันฯ เป็นฝักใฝ่ ต่อสู้ แข่งขัน หรือรณรงค์ทางการเมือง อันอาจนำมาซึ่งการโจมตี ติเตียนไม่คำนึงถึงหลักการพื้นฐานสำคัญของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีหลักสำคัญว่า พระมหากษัตริย์ต้องดำรงฐานะอยู่เหนือการเมือง และความเป็นกลางทางการเมือง
การที่ผู้ถูกร้อง เสนอแก้ไข มาตรา 112 และใช้เป็นนโยบายพรรคหาเสียงเลือกตั้งดังกล่าว มีเจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันฯ เป็นเหตุให้สถาบันฯ ชำรุดทรุดโทรมเสื่อมทราม หรืออ่อนแอลง เป็นเหตุให้นำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในที่สุดข้อโต้แย้งของผู้ถูกร้องทั้ง สอง ฟังไม่ขึ้น...”
ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตสมาชิกพรรคอนาคตใหม่และผู้สนับสนุนคนสำคัญที่ผลักดันให้พรรคก้าวไกลยกเลิกม.112 คงรู้ชะตากรรมว่าพรรคก้าวไกลถูกยุบและกรรมการบริหารพรรคถูกตัดสิทธิการเมือง 10 ปี ถึงได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า “...แล้วคลื่นลูกที่ 3 จะมีพรรคการเมืองชื่อว่าอะไร ยุบพรรคอนาคตใหม่ก็แล้วยุบพรรคก้าวไกลก็แล้ว แต่จะยุบแรงปรารถนาเจตจำนงของประชาชนชาติไทยได้หรือ...เลือกตั้งครั้งหน้า อีกไม่นานนัก ไม่ใช่ landslide หรอก แต่เป็น earth slide ครับ 55555...”
ดร.ชาญวิทย์ เหมือนกับนักวิชาการร่านวิชาและนักเคลื่อนไหวทางการเมืองอีกหลายคนที่มีปณิธานสืบทอดภารกิจคณะราษฎร์ ผู้ปล้นพระราชอำนาจและพระราชทรัพย์ วันที่ 24 มิถุนายน 2475 และดึงดันเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันฯ ต่างก็มั่นใจว่าการยุบพรรคก้าวไกล เป็นแรงกระตุ้นให้พรรคได้รับความนิยมสูงขึ้นเหมือนตอนยุบพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเคยได้ สส.เข้าสภา 80 คน จากการเลือกตั้ง 2562 และหลังจากพรรคอนาคตใหม่ ถูกยุบและเปลี่ยนชื่อเป็น พรรคก้าวไกล ก็ได้รับความนิยมเกินความคาดหมายในการเลือกตั้ง 2565 พรรคก้าวไกลได้สส.เข้าสภา 151 คน
ทฤษฎีที่ว่าตายสิบเกิดแสน จึงปลุกเร้าใจกลุ่มคนผู้สืบทอดภารกิจ 2475 ว่า จะสำเร็จได้ในรุ่นเรา แต่คนเหล่านี้ ลืมนึกถึงความจริงว่าคณะราษฎร์ผู้ปล้นพระราชอำนาจปี 2475 ฉุดรั้งการปฏิรูปประเทศไทย เป็นเหตุให้ผู้ก่อการสำคัญๆ ไม่ได้ตายในประเทศไทยนั้น เป็นเพราะคนไทย ไม่ยอมให้ใครบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ
บทความชิ้นนี้ จึงเปิดหัวว่า ห้าเหตุปัจจัยที่ยุบพรรคก้าวไกล ทำให้แผ่นดินไทยสูงขึ้น
เหตุปัจจัยที่หนึ่ง : คือ ยุคขวาพิฆาตซ้าย มีคนแต่งเพลง “หนักแผ่นดิน” ขึ้นมาเพื่อต่อต้านกลุ่มหัวก้าวหน้าฝ่ายซ้ายที่มีจุดมุ่งหมายเปลี่ยนแปลงประเทศไทยตลอดถึงเป็นภัยคุกคามสถาบันฯ ตั้งแต่ 14 ต.ค.2516 นักศึกษาหัวก้าวหน้า คนหนุ่มสาวตลอดผู้ใช้แรงงานได้รับความนิยมจากสังคมไทยยกย่องให้เป็นผู้นำเปลี่ยนแปลงการปกครองเผด็จการทหารเป็นประชาธิปไตยเต็มใบ แต่ความนิยมในกลุ่มคนหัวก้าวหน้า ก็เสื่อมคลายลงภายในเวลาสามปี เมื่อสังคมไทยพบว่ากลุ่มนักศึกษาและกลุ่มแรงงานหัวก้าวหน้า ลามปามจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันสูงสุดของชาติ เป็นเหตุให้นักการเมืองขวาจัดฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ว่า นักศึกษาและแรงงานหัวก้าวหน้า เป็นคอมมิวนิสต์จนเกิดเหตุสลดใจในตอนรุ่งสาง
วันที่ 6 ตุลาคม 2519 นั้นคือบทเรียนว่า ไม่ว่าจะได้รับความนิยมสูงอย่างไรอย่าได้ลามปามถึงสถาบันฯ
เหตุปัจจัยที่สอง : คือธรรมชาติของคนไทยที่เห่อพรรคการเมืองหนึ่งพรรคการเมืองได้ไม่นาน เมื่อรู้เช่นเห็นชาติรู้สันดานก็พาลถีบหัวส่ง จากประสบการณ์ทำข่าวการเมืองมาพบว่า หลังจากคนไทยเบื่อหน่ายพวกหัวก้าวหน้า ในการเลือกตั้งปี 2522 พรรคประชากรไทย ซึ่งเป็นพรรคขวากวาดที่นั่งทั้งหมดใน กทม.เหลือไว้ให้พรรคประชาธิปัตย์ ที่นั่งเดียวแต่ พรรคประชากรไทยก็ได้รับความนิยมเพียงสองสมัยเลือกตั้ง ในการเลือกตั้งสมัยที่สาม ประชากรไทยก็พ่ายให้ พรรคพลังธรรม ที่มีคำขวัญ “คุณธรรมนำหน้าการเมือง” แต่พรรคพลังธรรม ก็ได้รับความนิยมเพียงสองสมัยในการเลือกตั้งสมัยสาม พรรคพลังธรรมได้สส.กทม.เพียงคนเดียว
ส่วนการเลือกตั้งระดับประเทศ พรรคชาติไทย ชนะเลือกตั้งทั่วไปปี 2531 แต่หลังจากรัฐบาลพรรคชาติไทยถูกยึดอำนาจ การเลือกตั้งปี 2535/1 พรรคสามัคคีธรรม ได้ สส.มากที่สุดเข้าสภา แต่มีข้อครหาพรรคสามัคคีธรรมจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ต้องให้ นายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรีขั้นรายการ เพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่พรรคประชาธิปัตย์ ชนะการเลือกตั้ง 2535/2 นายชวน หลีกภัย ได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 1 เหลือเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ จะหมดวาระสภา นายชวนยุบสภา จัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในเดือนพฤศจิกายน 2539 พรรคความหวังใหม่ของ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ชนะ ประชาธิปัตย์125 ต่อ 123 เสียง พลเอกชวลิต ได้เป็นนายกรัฐมนตรี
ทั้งหมดเพียงข้อมูลคร่าวๆ ที่นำมาเล่าสู่กันฟังว่า คนไทยเห่อพรรคการเมืองไหน ไม่เกินการเลือกตั้งสองสมัย ล่าสุด ให้ดูพรรคพลังประชารัฐ ที่ได้ สส. 116 คน จากการลงสมัครเลือกตั้งครั้งแรก และการเลือกตั้งสมัยที่สองได้ สส.เพียง 35 ที่นั่ง ดังนั้นการรักง่ายหน่ายเร็ว จึงเป็นคุณสมบัติพิเศษของผู้มีสิทธิเลือกตั้งไทยและไม่มีข้อยกเว้นต่อพรรคก้าวไกล
เหตุปัจจัยที่สาม : ผู้สนับสนุนหลักของพรรคก้าวไกล คือ คนรุ่นใหม่ที่มุ่งมั่นดื้อรั้นในการสานต่อภารกิจ 2475 แต่ในห้วงเวลาเพียงสามปีคณะราษฎรยุคใหม่ ก็เสื่อมสลาย แกนนำฮาร์ดคอร์หลายคนติดคุกติดตะรางและแกนนำฮาร์ดคอร์จำนวนมากเฟดเอ้าท์จากการเคลื่อนไหว
เหตุปัจจัยที่สี่ : เมื่อถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งห้ามไม่ให้แก้ ม.112 นอกเหนือจากบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ พรรคก้าวไกล ก็ไม่สามารถปลุกระดมล้างสมองเยาวชนให้จาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ได้อีกต่อไปและ เหตุปัจจัยที่ห้า : แกนนำฮาร์ดคอร์ และผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลที่ติดคุกติดตะราง และที่ถูกขังระหว่างดำเนินคดี ได้สำเหนียกแล้วว่า ตัวเองถูกหลอกใช้ เมื่อติดคุกก็ถูกพรรคทิ้งขว้างตัดหางปล่อยวัด
ทั้งห้าเหตุปัจจัยที่กล่าวมาจึงเชื่อว่าทฤษฎีตายสิบเกิดแสนใช้ไม่ได้กับผู้มีสิทธิเลือกตั้งในประเทศไทย ดังนั้นการยุบพรรคก้าวไกลคือทำให้แผ่นดินไทยสูงขึ้น
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี