ย่างเข้าเดือนที่เจ็ดของรัฐบาลเพื่อไทย มี นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ชาวบ้านพูดกันว่า รัฐบาลชุดนี้มีสามนายกรัฐมนตรีแต่ไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน นอกจากสร้างความรำคาญกับการโกงความยุติธรรมและแต่งตัวให้ดูโก้เดินสายโรดโชว์ (Road Show) จนมีคนพูดกันว่า ทำตัวเหมือนแมลงวันที่บินทั้งวันไม่มีผลงานอะไร
ตลอดเวลาหกเดือน ในฐานะผู้นำรัฐบาล นายเศรษฐาเดินทางไปเยือนประเทศต่างๆ ท่องโลกมาแล้วอย่างน้อย 16 ประเทศ ทั้งในอาเซียนด้วยกันทวีปเอเชีย ทวีปยุโรป และสหรัฐอเมริกา นายเศรษฐาเดินทางไปต่างประเทศทั้งการร่วมประชุมในนามกลุ่มประเทศอาเซียน และไปต่างประเทศในนามผู้นำประเทศไทย ไปในนามอาเซียนร่วมประชุมในประเทศจีน ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอเมริกา ล่าสุดไปร่วมประชุมครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์อาเซียน-ออสเตรเลีย ที่นอกจากได้ป้อนใบยูคาลิปตัสให้โคอาล่าแล้ว ไม่เห็นว่ามีผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันก่อนออกเดินทางต่อไปเยอรมันและฝรั่งเศส ก่อนบินกลับมาประเทศไทยแล้วเดินทางไปพบนายกฯเทวดาทันที ไม่มีใครรู้ว่า นายกฯหุ่นเชิดพูดกับนายกฯเทวดา พูดจากันเรื่องอะไรได้แต่คาดเดากันไปว่า นอกจากไปรับคำบัญชาจากนายใหญ่แล้ว คงรายงานเรื่องจัดการแข่งขันรถยนต์ไฟฟ้า หรือ Formula E ที่เชียงใหม่ ในปีหน้าซึ่งถือว่าเป็นงานใหญ่ เพราะเห็น นายกฯหุ่นเชิดกับนายกฯเงา ไปนั่งร่วมเจรจากับผู้จัดการจาก Formula E ในประเทศฝรั่งเศส
ตามรายงานสื่อทั่วไป มีใจความว่า 9 มีนาคม 2567 - เวลา 09.30 น. (เวลาท้องถิ่นกรุงปารีส) ณ Cafe de la Paix นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รองประธาน คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ พบหารือกลุ่มผู้บริหาร Formula E ผู้จัดการแข่งขันรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า โดยทาง Formula Eสนใจจัดการแข่งขันรถแข่งแบบ EV ในประเทศไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะได้พบกับผู้บริหารอีกครั้ง ในการสำรวจพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งปีหน้า 2568 จะเป็นปีทองของการท่องเที่ยวไทย และต่อมา นายเศรษฐาโพสต์ข้อความบนเอกซ์ (ทวิตเตอร์) ว่า “ผมคิดว่าการจัดแข่งขัน Formula E ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ไปพร้อมกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และผลักดันให้คนหันมาใช้รถไฟฟ้ามากขึ้นและลดคาร์บอน”
เป็นธรรมชาติของนายเศรษฐา มักพูดคำใหญ่คำโตคุยโม้ว่า ประเทศที่ไปเยือน ไม่ว่าจะเป็นจีน ซาอุดีอาระเบีย อินเดีย เยอรมนี ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา ฯลฯ สนใจมาลงทุนในโครงการ “Land Bridge” อภิมหาโครงการล้านล้านบาทของไทย แต่ไม่เคยเห็นได้ลงนามใน MOU หรือมีข้อตกลงในความเข้าใจร่วมกับประเทศไหนเลย ที่สำคัญตั้งแต่นายเศรษฐาเร่ร่อนไปกว่าสิบประเทศ ไม่เคยเห็นสื่อของประเทศที่ไปเยือนตลอดถึงสำนักต่างประเทศเสนอข่าวว่าประเทศที่นายเศรษฐาไปเยือนแสดงความสนใจในโรดโชว์ใดๆ ของนายเศรษฐาซึ่งตรงกับคำพูดที่ว่า “เหมือนแมลงวันบินทั้งวันแต่ไม่มีผลงานอะไร”
ดังนั้นการพูดคำใหญ่ของนายเศรษฐา เรื่อง Formula E ที่กล่าวว่า “จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ” ก็เหมือนกับคำพูดที่ว่าหากติดสินบน เทย์เลอร์ สวิฟต์ 500 ล้านบาท ถือว่าคุ้มค่า คอนเสิร์ตของเธอสร้างมูลค่าเพิ่มเศรษฐกิจ ซึ่งหากมองแบบชาวบ้านธรรมดาก็เชื่อว่าทั้งสองเรื่องนี้มิได้เกี่ยวกับปากท้องความอยู่ดีกินดีของคนไทยทั่วๆ ไป ในทางตรงกันข้ามมันทำให้ต่างชาติเข้ามาโกยเงินไปจากคนไทย
ในกรณี เทย์เลอร์ สวิฟต์ ผู้ที่ติดตามข่าวต่างประเทศเป็นประจำ จะพบว่าเธอไปแสดงประเทศไหนนอกจากคนในประเทศนั้น แห่กันไปอุดหนุนเธอแล้วคนต่างชาติหรือแฟนเพลงจากประเทศอื่นซื้อตั๋วเข้าชมการแสดงของเธอไม่ถึง 10% นั่นหมายความว่า 90% ที่เธอโกยไปเป็นเงินจากกระเป๋าคนท้องถิ่น ตามรายงานของสื่อออสเตรเลียกล่าวว่า คราวที่เทย์เลอร์สวิฟต์ ทัวร์ออสเตรเลียมีคนต่างชาติซื้อบัตรเข้าชมเพียง 2% ดังนั้นหากต้องติดสินบนเธอ 500 ล้านบาท ให้มาคอนเสิร์ตบ้านเราลองนึกภาพดูว่าสมเหตุสมผลไหม ในขณะที่รัฐบาลพูดปากจะฉีกถึงหู ว่า ประเทศไทยวิกฤตเศรษฐกิจซึ่งมันย้อนแย้งกับความคิดไปจ้างนักร้องอเมริกัน 500 ล้านบาทให้มาล้วงเงินไปจากกระเป๋าคนไทย ที่นายเศรษฐากล่าวว่า “คอนเสิร์ตเทย์เลอร์ สวิฟต์ ดึงดูดนักท่องเที่ยว”
นายเศรษฐารู้ไหมว่า ตั้งแต่วันที่ 1 เดือนมกราคมถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นักท่องเที่ยวจีน เป็นอันดับหนึ่งเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ตัวเลขจาก ททท.แจ้งว่า จำนวนนักเที่ยวต่างชาติ 6.8 ล้านคน นักท่องเที่ยวจีนสูงสุด 5 อันดับแรก 1 ม.ค.-29 ก.พ. 2567 อันดับ1.จีน 1,183,121 คน 2.มาเลเซีย 822,824 คน 3.รัสเซีย 423,909 คน 4.เกาหลีใต้ 412,298 คน5.อินเดีย 311,823 คน
นายเศรษฐาคิดหรือว่านักท่องเที่ยวจีน นักท่องเที่ยวรัสเซีย จะคลั่งนักร้องอเมริกันเหมือนคนไทยใจฝรั่งบางคน นักท่องเที่ยวจีนกับรัสเซีย อาจต่อต้านนักร้องอเมริกันด้วยซ้ำ ส่วนแฟนเพลงจากประเทศเพื่อนบ้าน ลาว กัมพูชา พม่า นายเศรษฐาคิดว่าจะมีปัญญาคลั่งเทย์เลอร์ สวิฟต์ กี่คน นายเศรษฐาต้องเรียนรู้ด้วยว่า เพื่อนบ้านของไทยไม่เหมือนประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกัน ในยุโรปที่พลเมืองในกลุ่มประเทศเหล่านั้นมีรายได้สูงกว่าคนในภูมิภาคนี้มาก ที่สำคัญพวกเขามีวัฒนธรรมป๊อป วัฒนธรมร็อก และ โอเปร่าเหมือนกัน
ของเล่นที่นายกฯหุ่นเชิดกับนายกฯเงา คือ Formula E ก็เช่นกันมันไม่เกี่ยวกับปากท้องชาวบ้าน และผลาญงบประมาณในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้ไปกับสถานที่แข่งขัน Formula E ในจังหวัดเชียงใหม่Formula E ไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจชาวบ้าน เงินจากนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้จ่ายใช้สอยในเทศกาล Formula E นั่นมันไม่ได้หมุนเวียนไปถึงหมู่บ้าน ตำบลในชนบท เศรษฐกิจหากจะดีขึ้นก็จำกัดเฉพาะทุนใหญ่เจ้าของบริษัทผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าหรือ Electric Vehicle=EV และสปอนเซอร์ต่างๆ แต่เงินในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเอาไปจากภาษีคนไทยที่ส่วนกว่า 90% เข้าไม่ถึง Formula E บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคือ อะไรทำไมนายกฯหุ่นเชิดกับนายกฯเงาต้องเลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำฝรั่งเพื่อให้ได้สิทธิ์จัด Formula E
นั่นคือแมลงวันที่บินทั้งวันไม่มีผลงานอะไรในต่างประเทศ มามองในบ้านเราละแมลงวันเพื่อไทยก็ไม่ได้ทำอะไรตามที่หาเสียงไว้ อาทิ เงินดิจิทัลมันนี่ที่ประกาศตอนหาเสียงว่า จะแจกเงินดิจิทัลมันนี่ให้คนไทยทุกคนตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป คนละ 10,000 บาท จบปริญญาตรีได้เงินเดือน 25,000 บาท ค่าแรงวันละ 600 บาท ประเทศไทยวิกฤตรัฐธรรมนูญ พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลจะนำเรื่องร่างรัฐธรรมนูญใหม่เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีทันที ทั้งหมดที่กล่าวมาพรรคเพื่อไทยทำเหมือนแมลงวันบินทั้งวันผลงานไม่มีอะไร
ที่หนักหนาสาหัส คือ รัฐบาลเพื่อไทยสร้างความรำคาญให้คนไทยในการสมคบกันโกงความยุติธรรม ช่วยให้นายใหญ่ไม่ต้องคิดคุกตามคำสั่งศาลแม้แต่วันเดียว เท่านั้นยังไม่พอนายใหญ่ของเพื่อไทยกลายเป็น Super นายกฯหรือนายกฯเทวดามีอำนาจสูงสุดที่นายกฯหุ่นเชิดกับนายกฯเงา ต้องรับคำบัญชาในขณะที่อยู่ในฐานะนักโทษได้รับการพักโทษ ซึ่งประชาชนจำนวนมากกำลังสงสัยว่านักโทษได้การพักโทษ มีบัญชาให้นายกฯเงาลูกสาวคนโปรดนำคณะไปกัมพูชาเพื่อเจรจาแบ่งปันผลประโยชน์จากพลังงานในทะเลอ่าวไทยกับ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ลูกชายของสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุนเซน อดีตเขมรแดง ผู้ได้รับการอวยยศชั้นเจ้าพระยา มีอิทธิพลคับฟ้าในราชอาณาจักรกัมพูชาหรือไม่ หลายฝ่ายกังวลว่าหากลูกสาวนักโทษได้รับการพักโทษตกลงแบ่งปันผลประโยชน์กับลูกชายอดีตเขมรแดงได้ อาจสุ่มเสี่ยงทำให้ประเทศไทยเสียดินแดนบางส่วนให้กับกัมพูชา
อย่างไรก็ตาม ในประเด็นที่กัมพูชาอ้างว่าเกาะกูดของไทย อยู่ในพื้นที่ทับซ้อนนั้นผู้เขียนมั่นใจว่าหน่วยงานมั่นคงและกองทัพไทย ไม่ยอมให้เกาะกูดซึ่งของไทยกลายเป็นพื้นที่ทับซ้อนเด็ดขาดอีกอย่างรัฐธรรมนูญได้บัญญัติไว้ให้เรื่องที่เกี่ยวกับเขตแดนและการทำข้อตกลงใดๆ กับต่างประเทศต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐสภา จึงสรุปว่าเรื่องแบ่งปันผลประโยชน์กับต่างชาติต้องได้รับเห็นชอบจากสภา จากกองทัพ และสภาความมั่นคงแห่งชาติ ไม่ใช่ลูกนายพลหรือลูกโจรจะตกลงกันได้ตามอำเภอใจ พรรคเพื่อไทยจึงต้องเป็นแมลงวันบินทั้งวันแต่ไม่มีผลงานต่อไป
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี