ประเพณีสงกรานต์นั้น อันที่จริงแล้วล้วนเกี่ยวเนื่องมาจากความร้อนในฤดูแล้ง จะเห็นว่าประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้ โดยเฉพาะ ไทย พม่า ลาว และเขมร ต่างก็มีประเพณีสงกรานต์คล้ายคลึงกัน
เรียกว่าร้อนนักก็รดน้ำสาดน้ำเล่นกัน บ้านเราในระยะหลังมานี้ จากที่เคยปะหน้าทาแป้งสาดน้ำกันแต่พองาม ก็กลายเป็นโยกคลึงโจ๊ะพรึมๆ กันให้สนั่นลั่นเมืองที่ถนนสีลมเป็นตัวอย่าง และที่ถนนข้าวสารก็ติดอันดับโลก เป็นที่รู้จักกันดีของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
เมื่อ 50 ปีก่อน สมัยนั้นพม่ายังไม่ได้เปิดประเทศ ยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นประเทศเมียนมา และก็มีการสู้รบกันเป็นปกติระหว่างกองกำลังของชนชาติต่างๆกับรัฐบาลพม่าในหน้าแล้ง ผมเคยนั่งเกวียนเข้าไปในพม่าพร้อมกับคนมอญ คนพม่า ที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย รวมทั้งคนลาวที่ถูกกวาดต้อนจากเวียงจันทน์ไปอยู่ในประเทศพม่าตั้งแต่สมัยก่อน พูดได้ทั้งภาษาลาวและพม่า ตั้งชุมชนอยู่ในเขตชนบทของเมืองเมาะละแหม่ง
คนมอญคนพม่าและคนลาวที่ว่านี้ ซึ่งบางครอบครัวก็ทำงานเป็นคนงานในเหมืองแร่แถวเหมืองปิล็อก บางครอบครัวก็มาอาศัยพื้นที่ของคนไทยปลูกข้าวปลูกพืชผลทางการเกษตร พอถึงหน้าแล้งในเดือนมีนาคมต่อเดือนเมษายน ก็จะกลับไปประเทศพม่าทางด่านเจดีย์สามองค์ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อไปหาญาติพี่น้อง ไปทำบุญไหว้พระไปเล่นสงกรานต์ พอเข้าหน้าฝนถึงจะกลับมาประเทศไทยอีกครั้ง อันเป็นวิถีปกติอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร
ช่วงเทศกาลสงกรานต์ในพม่าหรือในประเทศเมียนมานั้น ทุกเมืองทุกหมู่บ้านเขาฉลองสงกรานต์กันเป็นเดือน สาดน้ำรดน้ำสนุกสนานกันอย่างพองาม เริ่มตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนไปจนถึงสิ้นเดือน ซึ่งทุกวันนี้ไม่ทราบว่ายังเหมือนเดิมอยู่หรือไม่ เพราะสถานการณ์ในเมียนมาไม่สงบมีการสู้รบกันอย่างหนัก
แต่สำหรับประเทศไทยเกี่ยวกับเทศกาลสงกรานต์ในปีนี้ กลายเป็นเรื่องโอละพ่อ เกิดความสับสนวุ่นวายกันไปหมด โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คิดว่าประเทศไทยมีการฉลองสงกรานต์ตลอดทั้งเดือนเมษายน พอถึงวันจริงกลับต้องพากันเก้อ เพราะไม่เห็นมีการสาดน้ำเล่นสงกรานต์กันสักหยดตั้งแต่เริ่มต้นเดือนเมษายนมาจนถึงขณะนี้ ซึ่งอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันสงกรานต์จริงอย่างที่เคยมีกันมาช้านาน
ความสับสนและการเข้าใจผิด ต้องโทษ “คุณหนูอุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งเป็นรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ที่ได้ออกมาตีปี๊บประโคมโหมข่าวเรื่อง“มหาสงกรานต์” หรือ“World Water Festival-The Songkran Phenomenon” เพื่อเป็นกิจกรรมสำหรับดึงดูดนักท่องเที่ยว
โดยกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติได้จัดประชุมกันเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2566 มี“คุณหนูอุ๊งอิ๊ง”ซึ่งเป็นรองประธานคณะกรรมการนั่งหัวโต๊ะ ส่วนนายเศรษฐา ทวีสิน ที่เป็นประธานไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย เพราะจำต้องเปิดทางให้ลูกสาว“นายใหญ่”แสดงบทบาท การประชุมในวันนั้น นอกจากจะมีมติเห็นชอบอนุมัติกรอบงบประมาณในการดำเนินกิจกรรมรวม 54 โครงการเป็นเงินทั้งสิ้น 5,164 ล้านบาทแล้ว ก็ยังมีการพิจารณาเรื่อง “มหาสงกรานต์”ที่ว่านี้ด้วย
มหาสงกรานต์ หรือ“World Water Festival-The Songkran Phenomenon”นี้ คุณหนูอุ๊งอิ๊ง หรือ“แพทองธาร ชินวัตร”ที่นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดารับประกันซ่อมฟรีว่า“จะเป็นผู้นำที่ดีได้” ได้พูดแบบเด็กไร้ประสบการณ์หลังการประชุมคณะกรรมการชุดดังกล่าวว่า
“เราจะปักหมุดให้สงกรานต์ปีหน้า (เมษายน 2567) เป็นเทศกาลที่คนทั้งโลกต้องบินมาเล่นที่บ้านเราและสงกรานต์ปีหน้า เราจะไม่เล่นน้ำแค่ 3 วันนะคะ แต่จะจัดงานกันทั้งเดือน ทยอยจัดกันทั้งประเทศ 77 จังหวัด เตรียมวางแผนกันได้เลยนะคะ ว่าสัปดาห์ไหนของเดือนเมษายน อยากจะไปเล่นน้ำสงกรานต์ที่จังหวัดไหนค่ะ มาร่วมกันทำให้สงกรานต์บ้านเรา เป็นเทศกาลที่ทั่วโลกต้องปักหมุดมาเล่นน้ำที่บ้านเรา และทำให้ประเทศไทยติด 1 ใน 10 ประเทศสุดยอดเฟสติวัลโลก”
ขณะที่นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านเฟสติวัล ของคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ แถลงในวาระเดียวกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หลังการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ฯ ในวันนั้น เพื่อสนองรับคุณหนูอุ๊งอิ๊งว่า การจัดกิจกรรม“มหาสงกรานต์-World Water Festival” ก็เพื่อประกาศให้โลกรู้ว่าประเทศไทยเป็นเจ้าแห่งสงกรานต์โลก โดยมีศูนย์กลางที่ถนนราชดำเนินในกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ จะมีขบวนแห่ของ 77 จังหวัด เช่น ขบวนแห่เทียน ดอกไม้ การแสดงการละเล่น 3 วัน 3 คืน
ดังนั้นจึงพูดได้ว่าเมื่อมั่วนิ่มกันตั้งแต่แรก อะไรต่อมิอะไรมันก็เลยมั่วมาจนถึงวันนี้ และถ้าจะว่าไป เทศกาลสงกรานต์ไทยนั้นเขาจัดยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างกันทุกปีอยู่แล้ว ไม่ต้องรอให้คณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติมาคิด คนทั้งโลกเขารู้จักกันดี พอถึงเทศกาลสงกรานต์ก็แห่กันมาเที่ยว ถ้าจะคิดเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ต้องทำการบ้านจริงๆ มิใช่ใช้วิธีการเหมือนลอกข้อสอบแบบนี้ เพราะตื้นเขินและมักง่ายเกินไป
คนที่เหนื่อยและควรจะต้องรับผิดชอบเวลานี้กลับไม่ใช่คุณหนูอุ๊งอิ๊ง ที่เป็นคนต้นคิด ซึ่งมีความสุขอยู่กับ“ตาตา”เล่นน้ำกับหลานในสระว่ายน้ำ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” หรือนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำประเทศ ที่เป็นแมลงวันบินไปอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี และไปกราบไหว้ “ไอ้ไข่”ที่วัดเจดีย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และเมื่อถูกสื่อถามเรื่องที่นักท่องเที่ยวต่างชาติสับสน ก็ตอบแบบปัดสวะให้พ้นตัวว่า “ยังไม่ทราบ”
แต่กลายเป็นว่าคนที่ต้องคอยตามเช็ด คือ นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ออกมายอมรับว่าการโปรโมทเกี่ยวกับ“ปฏิทินกิจกรรมสงกรานต์”ยังไม่เข้ม ทำให้ชาวต่างชาติไม่เข้าใจตารางเวลาที่ถูกต้อง เธอว่า “ตอนนี้ก็พยายามโปรโมทให้เยอะกว่าเดิม และจากนี้จะเห็นกันเยอะกว่าเดิม เพื่อสร้างความเข้าใจให้ถูกต้องทั้งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และชาวไทยด้วย”
ผมว่า-เพราะคิดกันแบบมักง่าย คิดแต่จะขายกันอย่างเดียว ถึงได้เกิดปัญหา เนื่องจากประเพณีสงกรานต์แท้ที่จริงนั้น เป็นเรื่องของความเหมาะสมสอดคล้องต้องตรงกับฤดูกาล
“การรดน้ำ-สาดน้ำ” ไม่เพียงแต่จะก่อให้เกิดความชุ่มชื่นทางกายเท่านั้น ผู้หลักผู้ใหญ่แต่กาลก่อนยังเห็นว่า “การรดน้ำ-สาดน้ำ”เมื่อเกิดจากการกระทำที่มีไมตรีจิต ด้วยความสุภาพ และเป็นมิตรต่อกันความชุ่มชื่นของน้ำยังซึมซาบซ่านเข้าไปถึงใจด้วย !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี