วันเสาร์ ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2568
เรื่องการแจกเงิน“ดิจิทัล 1 หมื่นบาท” ที่ยังไม่มีรายละเอียดชัดเจน เพียงแค่รู้ว่ารัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทยที่ไปหาเสียงกับชาวบ้านเอาไว้ เหมือนสัญญาว่าจะแจก ด้วยการขูดเงินงบประมาณรายจ่ายของแผ่นดินปี 2567 และ 2568 รวมทั้งเงินของ ธ.ก.ส. นำมาแจก เพื่อไม่ต้องสุ่มเสี่ยงกับการที่จะต้องเดินเข้าคุกกันเป็นแถวจากการออก พ.รบ.เงินกู้ นั้น มีเรื่องให้ต้องขบคิดมากทีเดียว
เพราะเงิน 5 แสนล้านบาทที่จะเอามาหว่านแจกเหมือนทิ้งโก๋กระจาดในงานประจำปีของโรงเจ เป็นเงินภาษีอากรของคนไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่เงินของนักโทษเด็ดขายทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นทั้งเจ้าของคอกพรรคเพื่อไทยตัวจริง และเป็นดีเอ็นเอของ“ระบบทักษิโณมิกส์”หรือ“ระบบประชานิยมแบบทักษิณ” ซึ่งร่ำรวยติดอันดับ 1 ใน 10 มหาเศรษฐีไทยที่มั่งคั่งตามที่นิตยสาร“ฟอร์บส”(Forbes) จัดอันดับ ว่าปี 2566 ทักษิณมีทรัพย์สินสุทธิ 2,100 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 7.7 หมื่นล้านบาท จากการทำธุรกิจการเงินและการลงทุน
ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น เงินก้อนมหาศาล 5 แสนล้านบาท ที่ไป“รีด”มาจากงบประมาณแผ่นดินซึ่งเป็นรายจ่ายประจำและรายจ่ายสำหรับการลงทุนของรัฐ เพื่อนำมาแจกตามนโยบาย“ประชานิยมแบบทักษิณ”นี้ ก็ไม่ใช่เงินของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตพ่อค้าบ้านจัดสรร“บริษัทแสนสิริ” และอดีตหุ้นส่วนใหญ่“บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน)” หรือ “XSpring” ที่เป็นกลุ่มธุรกิจการเงินและหลักทรัพย์ผู้ให้บริการทางการเงินครบวงจร โดยเฉพาะบริการทางการเงินดิจิทัล หรือ “Digital Financial Service” รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย
ยิ่งพอเห็นชื่อ“XSpring” ก็ทำให้ต้องร้อง“เอ๊ะ !”ขึ้นมาทันที เพราะบริษัทนี้ก่อนที่นายเศรษฐา ทวีสิน จะผันตัวเข้ามาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยจนกระทั่งเป็นนายกรัฐมนตรี“หุ่นเชิด”ขัดตาทัพอยู่ในเวลานี้นั้น
ในปี 2564 บริษัทแสนสิริที่นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นประธานอำนวยการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ได้ขยายธุรกิจจากภาคอสังหาริมทรัพย์สู่ธุรกิจการเงินและหลักทรัพย์ ด้วยการซื้อหุ้น“บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอลฯ” โดยบริษัทแสนสิริฯเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง ในสัดส่วน 15 เปอร์เซ็นต์ จากเงินลงทุนกว่า 2 พันล้านบาท
เมื่อค้นข้อมูลต่อไปได้ตามพบว่า นายเศรษฐา ทวีสิน เคยกล่าวถึงการเข้าไปลงทุนใน“XSpring” ไว้ว่า “แสนสิริเห็นโอกาสและเทรนด์การเติบโตแบบก้าวกระโดดของธุรกิจการเงินดิจิทัลทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก จึงได้เข้าลงทุนใน XSpring บริษัทการเงินครบวงจรที่กำลังจะนำดิจิทัลเทคโนโลยีมาเชื่อมโลกการเงินปัจจุบันและโลกอนาคตเข้าไว้ด้วยกัน...ซึ่งการรุกเข้าสู่ธุรกิจการเงินและหลักทรัพย์ รวมถึงธุรกิจทางด้านการเงินสำหรับดิจิทัลอีโคโนมีหรือ Digital Financial Service ของ แสนสิริ จะเพิ่มโอกาสการเติบโตของรายได้จากแหล่งอื่นๆ นอกเหนือจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท ตลอดจนเพิ่มความแข็งแรงทางการเงินและการดำเนินธุรกิจของแสนสิริที่ดีอยู่แล้วให้แข็งแรงยิ่งขึ้น" (กรุงเทพธุรกิจออนไลน์, 14 พฤษภาคม 2564)
แม้นายเศรษฐา ทวีสิน จะเป็นอดีตประประธานอำนวยการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทแสนสิริ ในทางนิตินัยจากการโอนหุ้นทั้งหมดของ“SIRI”จำนวน 661 ล้านหุ้นให้แก่นางสาวชนัญดา ทวีสิน บุตรที่บรรลุนิติภาวะโดยเสน่หาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2566 ไปแล้วก็ตาม แต่ในทางพฤตินัย นายเศรษฐากับลูกสาวซึ่งมีสถานภาพโสดก็ยังพักอาศัยบ้านเดียวกัน หรือแม้แต่รถยนต์ส่วนบุคคลของบุตรสาว นายเศรษฐาก็ยังเคยนำมาใช้อยู่บ่อยๆ และยิ่งถ้าจะใช้คำของนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร มาใช้ ก็ยิ่งเห็นได้ชัดเกี่ยวกับ“ดีเอ็นเอ”ระหว่างทักษิณกับอุ๊งอิ๊ง และนายเศรษฐากับนาสาวชนัญดา ที่มิสามารถตัดขาดจากกันได้
ถ้าจะต่อภาพให้เห็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งแยกกันไม่ออกเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ก็คือคณะรัฐมนตรีเพิ่งจะมีมติเห็นชอบ 7 มาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง และช่วยกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งเป็นการเตรียมการเพื่อรองรับการยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก (Thailand Vision) จากการประชุมเมื่อวันอังคารที่ 9 เมษายนที่ผ่านมานี้เอง
หนึ่งในมาตรการนั้น คือ“การหักลดหย่อนภาษี–ลดค่าธรรมเนียม” ทั้งปรับปรุงมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย เช่นลดค่าจดทะเบียนโอนจาก 2 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 0.01 เปอร์เซ็นต์ และลดค่าจดทะเบียนการจำนองจาก 1 เปอร์เซ็นต์เหลือ 0.01 เปอร์เซ็นต์ เฉพาะที่จดทะเบียนโอนในคราวเดียวกัน ทั้งนี้ ก็เพื่อประโยชน์สำหรับการซื้อขายอาคารที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว อาคารพาณิชย์ ที่ดินพร้อมอาคาร ห้องชุดที่จดทะเบียนอาคารชุด โดยมีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 7 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 7 ล้านบาทต่อสัญญา
การออกมาตรการนี้ของรัฐบาลโดยการเสนอของกระทรวงการคลังที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จึงยากที่จะเลี่ยงไม่ให้คนทั่วไปมองได้ว่าเป็น“ผลประโยชน์ทับซ้อน” โดยกระทรวงการคลังอ้างเหตุผลว่า เนื่องจากได้เห็นสัญญาณการหดตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์มาตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา (ระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2566) โดยมีบ้านที่อยู่อาศัย คอนโดมิเนียม เหลือขายจำนวน 2.5 แสนหน่วย และหากปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจระยะยาวได้ จึงเป็นที่มาของการเสนอมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ 7 มาตรการดังกล่าว
ใน 7 มาตรการดังกล่าวยังมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้องโดยผ่านธนาคารไม่ต่างจากโครงการ“ดิจิทัล วอลเล็ต”ที่ใช้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) แต่มาตรการนี้ใช้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) สนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้แก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ภายใต้โครงการสินเชื่อบ้าน “Happy Home” วงเงินโครงการ 2 หมื่นล้านบาท
โครงการ“ดิจิทัล วออลเล็ต”ที่จะต้องนำเงิน 5 แสนล้านบาทที่เป็นเงินสดไปแลกแปลี่ยนเป็น“เงินดิจิทัล”เพื่อมาผ่าน “Super App”แจกแก่ประชาชน 50 ล้านคนที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไปนั้น ถ้าไม่ใช่กลุ่มธุรกิจการเงินที่ให้การบริการแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัลได้ประโยชน์แล้ว ถามว่าใครจะได้ประโยชน์ เช่นเดียวกับ“7 มาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์” ผู้ได้รับประโยชน์เต็มๆ ก็คือกลุ่มทุนด้านอสังหาริมทรัพย์นั่นเอง
สำหรับโครงการแจกเงิน“ดิจิทัล 1 หมื่นบาท” คนที่จะได้ประโยชน์ นอกจากกลุ่มธุรกิจการเงินที่ให้การบริการแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัลแล้ว อีกกลุ่มหนึ่งก็คือทุนใหญ่ที่ผลิตสินค้าอุปโภค-บริโภคซึ่งอยู่ในเงื่อนไขของโครงการนี้ ประชาชนผู้กำเงินดิจิทัลหรือเงินกงเต็กไปซื้อสินค้าจากร้านค้าขนาดเล็กระดับอำเภอก็ไม่ต่างจากต้นทางของท่อลำเลียงส่งเงิน ผ่านร้านค้าขนาดเล็ก ขนาดกลางไปสู่ปลายทางคือทุนใหญ่ ส่วนรัฐได้แค่เศษเงินที่เป็นภาษีจากเงิน 5 แสนล้านบาทเท่านั้น
สงสารประเทศไทยและรู้สึกสังเวชใจในฐานะที่เป็นประชาชนคนไทย-เห็นคนโกงคนชั่วรุมทึ้งชาติบ้านเมืองไม่รู้จักจบสิ้น
รุ่งเรือง ปรีชากุล

สลด! ลิงกังกัด ชายวัย 63 เสียชีวิตคาบ้าน พบมือยังถือเหล็กยาว มีบาดแผลบริเวณขาซ้าย
ดราม่าสนั่นเครื่องเล่น Skyflyers เสียงกรี๊ดดังโหยหวนยันดึก ชาวชุมชนรอบเอเชียทีคสุดจะทน
เปิดวินาทีไทยแสดงหลักฐาน ทหารกัมพูชาวางทุ่นระเบิด กลางที่ประชุมอนุสัญญาออตตาวา
วันนี้ในอดีต! รำลึก 27 ปี ในหลวง ร.9 เสด็จฯ เปิดเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 มิตรภาพไร้พรหมแดน
เตรียมออกหมายเรียก เวย์ ไทเทเนียม รับทราบข้อกล่าวหา ฉ้อโกงทรัพย์ สัปดาห์หน้า

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี