ในเทศกาลสงกรานต์ และตลอดปีใหม่ของชาวไทยเรานี้ ผมก็ขอเชิญชวนพวกเราได้มาร่วมกันอธิษฐานให้บ้านเมืองไทยของเราคงอยู่ต่อไปอย่างเจริญก้าวหน้า ทั้งทางวัตถุและทางจิตใจ และในการนี้ผมก็ขอเชิญชวนพวกเราร่วมกันอธิษฐานให้
1. บรรดานักการเมืองผู้อาสาเข้ามารับใช้บ้านเมือง ได้รับใช้บ้านเมืองอย่างจริงใจ จริงจัง และด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีจิตสำนึกที่ดีงาม รู้ตระหนักถึงบาปบุญคุณโทษโดยเฉพาะการตระหนักรู้ว่าการทำความชั่วแม้จะไม่มีใครเห็นเป็นประจักษ์ ตัวตนเองก็เห็นอยู่ ซึ่งเป็นการลงโทษทรมานใจตนเองไปตลอดอย่างหลีกเลี่ยงมิได้
2. บรรดาข้าราชการประจำทั้งหลาย ทั้งทหาร ตำรวจ และพลเรือน ไปจนถึงพนักงานรัฐวิสาหกิจ และองค์กรรัฐอื่นๆ ให้มุ่งกระทำการในสิ่งที่ควรกระทำ นั่นคือรับใช้บ้านเมือง และเลิกทำตนเป็นสมุนรับใช้และเป็นทาสของนักการเมืองอย่างเด็ดขาด
3. บรรดาฝ่ายนักธุรกิจ พ่อค้าวานิชผู้เสียภาษี ให้เลิกหาช่องโหว่จากกฎเกณฑ์กติกาไม่ฮั้วการประมูลจัดซื้อจัดจ้าง และดำเนินกิจการด้วยการให้อามิสสินจ้างกับฝ่ายราชการ
4. บรรดาแวดวงวิชาการ ให้มีความซื่อสัตย์สุจริตต่อหน้าที่การงานในฐานะครูบาอาจารย์ ไม่ใช้ตำแหน่งหน้าที่ไปเล่นการเมือง หรือใฝ่หาผลประโยชน์จากการเมือง
5. บรรดาเจ้าของกิจการสื่อ ประกาศจุดยืนหรืออุดมการณ์ขององค์กรของตนเอง และไม่เข้าไปเป็นเครื่องมือให้กับฝ่ายการเมือง หรือเป็นกระบอกเสียง และโฆษณาชวนเชื่อให้กับองค์กรหนึ่งใด
6. สังคมไทยโดยแวดวงศาสนาและความเชื่อถือ ร่วมกับองค์กรที่เกี่ยวกับธรรมาภิบาลและจริยธรรม ออกมาให้ความรู้และรณรงค์ให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งธรรม และให้ผู้คนทุกหมู่เหล่ามีความละอายต่อบาป และการไม่เอารัดเอาเปรียบต่อส่วนรวม
7. ฝ่ายรัฐสภา มิใช่แค่เป็นเวทีสำหรับการอภิปรายของบรรดาผู้แทนเท่านั้น แต่จะต้องเป็นเวทีที่จะให้ผู้คนทุกหมู่เหล่าได้เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง และมีสภาวะจิตใจที่จะรับฟังซึ่งความต่างหรือความคิดอ่านที่ตรงกันข้ามได้
8. ผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคม ต้องทำตัวเป็นแบบอย่างในคุณงามความดี และแสดงความคิดเห็นแบบสร้างสรรค์ เพื่อร่วมกันหาทางออกจากประเด็นปัญหา และนำพาประเทศไทยไปสู่อนาคตที่ดีงาม
9. คนวัยชรา คนวัยหนุ่มวัยสาว ก็คนไทยด้วยกันทั้งนั้น ต้องไม่คิดว่ามีช่องว่าง แต่ต้องมีทัศนคติที่ว่าสามารถพูดจากันได้และไม่อายที่จะเอาความจริงที่เป็นประเด็นปัญหาออกมาพูดจากันอย่างตรงไปตรงมา ด้วยความถ้อยทีถ้อยปฏิบัติและมิตรไมตรี
ประเทศรอบๆ บ้านเราก็ผ่านสงครามกลางเมืองกันมาทั้งนั้น และส่วนใหญ่ก็ถูกต่างประเทศเข้าไปแทรกแซงอีกด้วย ประเทศไทยก็รอดพ้นจากสภาพการณ์นี้มาโดยตลอด เพราะเรานั้นมิได้ทะเลาะเบาะแว้งกันเองให้ถึงที่สุด เราเองยังมีการออมชอม มีการเลิกรา แต่โดยตลอดเวลาเราต่างต้องคิดและมีความเชื่อมั่นว่า ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามที่เราเห็นต่างกัน เราก็สามารถที่จะจับเข่าพูดจากันได้ เพื่อหาข้อยุติ เพื่อหาข้อสมานฉันท์
ก็ขอเสนอแนะให้อดีตนายทหารผู้นำการปฏิวัติรัฐประหาร อดีตนายกรัฐมนตรี อดีตหัวหน้าพรรคหลักๆ อดีตแกนนำขบวนการภาคประชาชน และผู้นำรุ่นใหม่ในแวดวงต่างๆ ได้มาร่วมพบปะพูดจากันเกี่ยวกับลักษณะบุคลิกภาพ โครงสร้าง และสาระเนื้อหาของราชอาณาจักรไทย
เพื่ออนาคตของคนรุ่นต่อไป ผมก็ได้แต่ขอให้คำอธิษฐานนี้เป็นจริงสักวันหนึ่ง
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี