ผ่านไปประมาณ 4 เดือนเศษ เมื่อช่วงกลางเดือน พ.ค. 2567 สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยผลการประเมินนโยบายยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว พบ “หน่วยบริการนวัตกรรมสาธารณสุขวิถีใหม่”ช่วยลดแออัดในโรงพยาบาลได้ พร้อมเผยข้อมูลการดำเนินการระยะที่ 1-2 มีประชาชนรับบริการเกือบ 5 แสนครั้ง ใน 12 จังหวัดนำร่อง
โดย นพ.ปฏิภาคย์ นมะหุต ผู้อำนวยการฝ่ายกำกับติดตามประเมินผล กลุ่มภารกิจกำกับติดตามประเมินผล สปสช. กล่าวว่า ขณะนี้โครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ได้ดำเนินการแล้วใน 2 ระยะ รวม 12 จังหวัด แบ่งเป็น “ระยะที่” 1 มี 4 จังหวัด ได้แก่ แพร่ ร้อยเอ็ด เพชรบุรี และนราธิวาส ส่วน “ระยะที่ 2” มี 8 จังหวัด ได้แก่ เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ สิงห์บุรี พังงา หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ นครราชสีมา และสระแก้ว โดยพบว่ามีประชาชนเข้ารับบริการสุขภาพไปแล้ว 1.6 ล้านคน รวมบริการทั้งหมดประมาณ 2.5 ล้านครั้ง
ในจำนวนนี้เกือบร้อยละ 25 หรือ 5.8 แสนครั้ง เป็นการใช้บริการจากหน่วยบริการนวัตกรรมสาธารณสุขวิถีใหม่ ทั้ง 7 ประเภท ที่ให้บริการโดยภาคเอกชน ประกอบด้วย คลินิกเวชกรรม ร้านยา คลินิกทันตกรรม คลินิกพยาบาลและการผดุงครรภ์ คลินิกเทคนิคการแพทย์ (ตรวจแล็บ) คลินิกกายภาพบำบัดและคลินิกการแพทย์แผนไทย รวมถึงบริการโทรเวชกรรมหรือเทเลเมดิซีน ซึ่งประชาชนรับรู้เกี่ยวกับโครงการยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ฯ และเข้าใจเกี่ยวกับการไปรับบริการ จึงทำให้ระบบเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างดี และทำให้เกิดการเข้าถึงบริการสุขภาพที่ผู้ป่วยเลือกไปรับบริการจากหน่วยบริการเหล่านี้มากกว่าไปโรงพยาบาล ซึ่งเป็นภาพที่ สปสช. ต้องการให้เกิดขึ้น
“ผลลัพธ์ที่สะท้อนความสำเร็จเบื้องต้น พบว่าประชาชนลดการเดินทางไปโรงพยาบาลใหญ่หรือโรงพยาบาลประจำจังหวัด แต่ในบางพื้นที่ก็มีเพิ่มขึ้นบ้างแต่ก็ไม่มาก และไม่ได้เป็นภาระต่อโรงพยาบาล แม้แต่การให้บริการข้ามเครือข่ายหรือข้ามพื้นที่กันก็ยังพบว่า ผู้ป่วยกลุ่มนี้ไม่ได้เพิ่มขึ้น สะท้อนว่าหน่วยบริการสาธารณสุขวิถีใหม่ เป็นทางเลือกแรกของผู้ป่วยสิทธิบัตรทองในพื้นที่จังหวัดที่ดำเนินการโครงการยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ฯ ทั้งในระยะที่ 1 และ 2” นพ.ปฏิภาคย์ กล่าว
นพ.ปฏิภาคย์ กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันมีหน่วยบริการสาธารณสุขวิถีใหม่ในระบบ รวมทั้งหมด 1,326 แห่ง และยังมีที่อยู่ระหว่างการทยอยเข้าร่วมเพิ่มเติม ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้มีหน่วยบริการภาคเอกชน 7 ประเภท ไม่ว่าจะเป็นคลินิกเวชกรรม ร้านยา คลินิกการพยาบาล คลินิกทันตกรรม คลินิกเทคนิคการแพทย์ คลินิกกายภาพบำบัด และคลินิกการแพทย์แผนไทย เข้าร่วมโครงการมากขึ้น ส่วนหนึ่งมองว่าเป็นผลจากการเบิกจ่ายชดเชยค่าบริการในโครงการที่มีความคุ้มค่า รวมถึงกระบวนการเบิกจ่ายที่ทำได้รวดเร็วภายในระยะเวลา 3 วัน ตามที่ได้ประกาศไว้
ส่วนการร้องเรียนตั้งแต่เปิดให้บริการโครงการฯ นั้น พบว่ามีเพียง 5 รายเท่านั้น เป็นกรณีที่ไม่ได้รับบริการตามสิทธิ 1 ราย ไม่ได้รับความสะดวก 3 ราย และถูกเรียกเก็บเงินอีก 1 ราย จากข้อร้องเรียนเหล่านี้ สปสช. มีทีมเข้าไปบริหารจัดการร่วมกับหน่วยบริการทั้งหมด เพื่อแก้ไขปัญหา รวมถึงการทำความเข้าใจต่อนโยบาย เพื่อไม่ให้เกิดกรณีซ้ำซ้อน และให้ระบบเดินหน้าต่อไปได้ด้วยดี
อนึ่ง นับตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2567 เป็นต้นมา โครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียวได้เข้าสู่ “ระยะที่ 3” ขยายเพิ่มอีก 33 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย น่าน พะเยา ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน กำแพงเพชร พิจิตร ชัยนาท อุทัยธานี สระบุรี นนทบุรี ลพบุรีอ่างทอง นครนายก พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี อุดรธานีสกลนคร นครพนม เลย หนองคาย บึงกาฬ ชัยภูมิ บุรีรัมย์สุรินทร์ สงขลา สตูล ตรัง พัทลุง ปัตตานี และยะลา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี