การออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้แก่ผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับทางการเมืองนั้น..ไม่มีใครว่าอะไร เป็นเรื่องที่ดีด้วยซ้ำไป
เพราะความขัดแย้งแบ่งฝักแบ่งฝ่ายทางการเมืองนับตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา..จะได้จบๆ กันไปเสียที ไม่ว่าจะสีไหนก็ตาม..เมื่อจบแล้วก็จะได้หันหน้ามาร่วมมือกัน
ร่วมมือกันเพื่อเดินไปสู่ความเจริญอย่างยั่งยืนของชาติบ้านเมืองโดยแท้จริง..สำคัญที่สุดก็คือ เพื่อความสงบสุขของคนในชาติเป็นสำคัญ
อีกทั้ง เวลานี้นักการเมืองและพรรคการเมืองทั้งสองขั้ว..ทั้งฝ่ายที่อ้างว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย และฝ่ายที่ถูกยัดเยียดให้เป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยม..ก็ได้ข้ามสายพันธุ์มาผสมเป็นรัฐบาลร่วมนาวาเดียวกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่การที่มีความพยายามจะผลักดันให้เหมารวม “ความผิดเกี่ยวกับคดีมาตรา 112” พ่วงเข้ามาด้วย..จะยิ่งเป็นการเติมเชื้อไฟของความขัดแย้งทางการเมืองให้ลุกโชนกลับขึ้นมาใหม่
เพราะที่มาที่ไปของเรื่องนี้..ได้มีการเคลื่อนไหวเป็นการ “โยนหินถามทาง” จากพรรคเพื่อไทย..หลังจากที่นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร..ถูกอัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้องในคดีความผิดมาตรา 112 และจะมีการนำตัวส่งฟ้องศาลในวันที่ 18 มิถุนายนนี้
ถ้าหาก สส.พรรคเพื่อไทย รวมทั้งคณะกรรมาธิการที่พิจารณาเรื่องนี้ซึ่งมี นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.ระบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นประธาน..คิดจะดันทุรังเพื่อต้องการช่วยเหลือนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร-รับรองบานปลายแน่ และอาจจะทำให้รัฐบาลต้องมีอันเป็นไปในที่สุดด้วย
บทเรียนจากปี 2556 สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร..น่าจะเป็นอุทาหรณ์สำหรับพรรคเพื่อไทยได้เป็นอย่างดี..กรณีที่ผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่เรียกขานกันว่า “ฉบับลักหลับ-เหมาเข่ง-สุดซอย” เพื่อต้องการล้างความผิดให้แก่ “ทักษิณ ชินวัตร” ที่เวลานั้นเป็นนักโทษหนีคดีทุจริตอยู่ในต่างแดน..ได้กลับเข้ามาในประเทศไทยแบบเท่ๆ โดยที่ไม่มีความผิดติดตัวในทุกคดี
การพยายามที่จะเข็นร่าง พ.ร.บ.นิโทษกรรมฉบับที่ว่านั้นออกมา..นอกจากรัฐบาลจะอยู่ไม่ได้ เพราะนับตั้งแต่ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับดังกล่าวผ่านความเห็นชอบของ สส.ในวาระสามที่มี “ขุนค้อน-สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์” เป็นประธานสภาผู้แทนฯ (สส.ขอนแก่น-รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย)..บ้านเมืองก็ร้อนลุกขึ้นมาเป็นไฟทันที..สุดท้ายก็กลายเป็นชนวนเหตุจนนำไปสู่การยึดอำนาจในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
ย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ในการประชุมวาระสามของสภาผู้แทนราษฎรครั้งนั้น..โดยในวันที่ 31 ตุลาคม 2556 หลังจากที่มีการอภิปรายกันตั้งแต่เช้าจนถึงดึกดื่นจวนใกล้รุ่งสางเป็นเวลากว่า 19 ชั่วโมง..นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานในที่ประชุม ก็ได้สั่งให้ลงมติในวาระที่ 2 และ 3 ติดต่อกัน
ปรากฏว่าในการลงมติวาระที่สาม สส.พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นฝ่ายรัฐบาลลงมติเห็นชอบด้วยคะแนน 310 ต่อ 0 โดยงดออกเสียง 4 เสียง จึงมีผลให้ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎรเมื่อเวลา 04.25 น. อันเป็นที่มาอีกหนึ่งฉายาว่าร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม “ฉบับลักหลับ”
สุดท้าย-แทนที่ผู้มีความผิดในคดีที่เกี่ยวเนื่องกับความขัดแย้งทางการเมือง ตั้งแต่ภายหลังการรัฐประหารในวันที่ 19 กันยายน 2549 จนถึงวันที่ 4 สิงหาคม 2566 โดยไม่รวมถึงการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112..ซึ่งกล่าวโดยรวมก็คือ..ทั้งกลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่ม นปช. สมควรจะได้รับการนิรโทษกรรม..ก็ปรากฏว่าไม่มีใครได้รับอานิสงส์ทั้งสิ้น
ที่ว่าไม่มีใครได้รับอานิสงส์ทั้งสิ้น ก็เพราะ..หลังจากที่มี “การลักหลับ” ผ่านในวาระสาม การชุมนุมของประชาชนนอกสภาฯที่นำโดย กปปส. ก็ได้กลายเป็นจุดพลิกผันนำไปสู่การประกาศยุบสภาฯของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร..และทำให้ร่างกฎหมายฉบับนี้ต้องมีอันจบสิ้นตามไปด้วย..ขณะที่
การชุมนุมของประชาชนนับล้านคนที่นำโดย กปปส. ก็ยาวข้ามปี..จนนำไปสู่การยึดอำนาจของ คสช.ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
นั่นก็เพราะ “ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับลักหลับ-เหมาเข่ง-สุดซอย”..ที่ต้องการช่วยเหลือ “ทักษิณ ชินวัตร” เพียงคนเดียวโดยแท้
ถ้าพรรคเพื่อไทยอยากลองดี ก็เชิญเลย..เพราะถึงไม่มีกฎหมายนิรโทษกรรม ประชาชนคนไทยที่เป็นสุจริตชนก็มิได้เดือดร้อนอะไร..มิหนำซ้ำผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องในทางการเมือง ซึ่งสมควรจะได้รับการนิรโทษกรรมก็พลอยเสียโอกาสไปด้วย
ขอทำนายไว้ด้วยว่า ผิดซ้ำสองคราวนี้..ไม่ว่าจะนายใหญ่ นายหญิง หรือนายเล็ก..หากสามารถมุดช่องทางธรรมชาติหนีออกไปได้อีก..โอกาสที่จะต้องจบชีวิตในต่างแดนทั้งตระกูลก็ย่อมเป็นไปได้สูง!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี