ผลการเลือก สว. เบื้องต้นได้ทราบผลแล้ว มีผู้ได้รับการคัดเลือกจำนวน 200 คน ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่ได้มาจากการเลือกของประชาชน แต่มาจากการเลือกกันเองของผู้สมัครรับเลือก ซึ่งมีประมาณ 40,000 คน

ดังนั้นจึงไม่อาจกล่าวได้ว่า สว. ชุดนี้เป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทย เพราะที่มาของ สว. ชุดนี้ไม่เป็นไปตามหลักการประชาธิปไตย ที่อำนาจทั้งสามต้องยึดโยงอยู่กับประชาชน แต่ สว. ชุดนี้แม้จะบัญญัติเป็นข้อความว่าเป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทย แต่แท้จริงไม่ได้มีฐานะเช่นนั้นเลย กระทั่งอาจตอบไม่ได้ว่าเป็นผู้แทนใครกันแน่

นับเป็นการเลือก สว. หรือได้มาซึ่ง สว. ที่วิปริตผิดปกติมากที่สุดนับตั้งแต่ประเทศไทยมีวุฒิสภาเป็นต้นมา ดังนั้น สว. ที่มีที่มาอย่างนี้จึงไม่มีวันได้รับการยอมรับนับถือจากประชาชนว่าเป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทยและสภาพเช่นนี้ก็คือวิบากกรรมอย่างหนึ่งที่นักไสยศาสตร์ทางกฎหมายได้เสกสรรปั้นแต่งไว้ในรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งควรจะจดจำและเข็ดหลาบกันได้แล้ว

นอกจากนั้น ผลการเลือกขั้นต้นที่ปรากฏแล้วยังปรากฏว่ามีหลายจังหวัดที่ไม่มี สว. เลย หมายความว่าผู้สมัครของจังหวัดนั้นทุกกลุ่มหลังจากผ่านการคัดเลือกรอบจังหวัดแล้วไม่สามารถได้รับการคัดเลือกในรอบระดับประเทศ จึงมีปัญหาว่า สว. ชุดนี้นอกจากไม่มีฐานะเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยแล้ว หลายจังหวัดจะไม่มีผู้แทนที่เป็น สว. อยู่ในวุฒิสภา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และนี่ก็เผยให้เห็นถึงความล้มเหลวและผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงในระบบการคิดสร้างระบบการเลือก สว. แบบนี้ขึ้น ซึ่งต้องถือว่าเป็นบาปกรรมที่คณะไสยศาสตร์ทางกฎหมายที่คิดอ่านเรื่องนี้ต้องรับผิดชอบไปตลอดกาล

และเนื่องจากการเลือก สว. ทั้งสภาไม่ใช่การเลือกของประชาชน แต่เป็นการเลือกจากผู้สมัครกันเองซึ่งมีจำนวนประมาณ 40,000 คน จึงเป็นโอกาสให้นักเลือกที่มีความชำนาญในระบบเลือกบ้านใหญ่สามารถคิดสูตรหรือที่เรียกว่า block vote ได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นนักเลือกประเภทนี้จึงสามารถจัดผู้คนลงสมัครรับเลือก สว.ในหลายจังหวัดเพื่อให้มีจำนวนผู้เลือกตามที่ต้องการ

ปรากฏข่าวว่าในรอบการคัดเลือกระดับประเทศซึ่งมีผู้สมัครที่จะเลือกกันเองประมาณ 3,000 คนนั้น มีพวกนักจัดตั้งที่ block vote ไว้ถึง 800 คน และมีการพบปะชุมนุมกันเพื่อกำหนดแผนปฏิบัติงานกันในโรงแรมหลายแห่ง เฉพาะที่เป็นข่าวว่า กกต. กำลังตรวจสอบอยู่ก็มีถึง 11 แห่ง แต่ผลการสอบจะมีน้ำยาประการใดหรือไม่ อีกไม่นานคงจะได้รู้กัน

ความลับไม่มีในโลก ข่าวคราวในทางการเมืองก็ย่อมกระจายออกไปอย่างกว้างขวาง ดังนั้นความจริงเรื่อง block vote จึงเป็นที่รู้กันทั่วไปว่านักการเมืองสายบ้านใหญ่สามารถจัด block vote ได้ถึง 800 คน ในการเลือกครั้งสุดท้ายประมาณ 3,000 คน และเป็นผลให้ผู้คนในเครือข่ายได้รับเลือกถึง 110 คน

ซึ่งหมายความว่าเสียงข้างมากใน สว. เป็นเสียงที่แยกไม่ออกจากระบบ block vote ของนักการเมืองบ้านใหญ่มืออาชีพเหล่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ระบอบประชาธิปไตยของประเทศจะเป็นที่หวังได้เพียงใด

นอกจากนั้นวุฒิสภายังมีอำนาจในการกลั่นกรองคัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง รวมทั้งองค์กรอิสระต่างๆ ด้วยเมื่อต้นกระแสน้ำขุ่นมัวดังนี้แล้ว กลางน้ำและปลายน้ำขององค์กรอิสระเหล่านั้นจะใสสะอาดไปไม่ได้ มีแต่จะขุ่นมัวสกปรกและสร้างความมัวหมองให้แก่บ้านเมืองไม่รู้ต่อไปอีกเท่าใด

นี่คือเภทภัยที่เกิดขึ้นจากพวกไสยศาสตร์ทางกฎหมาย ที่ประชาชนชาวไทยทั้งประเทศและผู้มีอำนาจวาสนาทั้งหลายในบ้านเมืองควรจะหลาบจำว่าหายนะและเภทภัยทั้งหลายอันปรากฏอยู่ในขณะนี้มีสาเหตุมาจากพวกไสยศาสตร์ทางกฎหมาย ที่ทำให้ระบบกฎหมายของประเทศวิปริตแปรปรวนไป ทำประหนึ่งบ้านเมืองไร้ขื่อแป เป็นเหตุให้ประเทศไร้ธรรมอำไพ ความบรรลัยจึงมาเยือนโดยไม่ต้องสงสัย

ในสมัยรัชกาลที่ 5 การปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่เกิดขึ้นโดยมีศูนย์กลางอยู่ที่การปฏิรูปกฎหมาย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าความเจริญรุ่งเรืองหรือความเสื่อมโทรมของบ้านเมืองเกี่ยวข้องกับกฎหมาย ถ้ามีการปฏิรูปหรือสร้างระบบกฎหมายที่ดี บ้านเมืองย่อมมีความเจริญรุ่งเรือง ราษฎรย่อมร่มเย็นเป็นสุข ดังที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในสมัยรัชกาลที่ 5

แต่ถ้ายุคใดสมัยใดการสร้างระบบกฎหมายในบ้านเมืองไม่เป็นไปเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองและราษฎร แต่เป็นไปเพื่อสร้างช่องทางหาประโยชน์ของนักไสยศาสตร์ทางกฎหมายแล้วไซร้ อาเพศเหตุร้ายในบ้านเมืองย่อมเกิดขึ้นและสร้างความลำบากยากเข็ญให้แก่อาณาประชาราษฎรถ้วนหน้าดังที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้

นักไสยศาสตร์กลุ่มหนึ่งได้เข้ายึดกระบวนการทำกฎหมายของประเทศไทยเป็นเวลาต่อเนื่องมาร่วม 50 ปีแล้ว ทำให้กฎหมายไร้ความศักดิ์สิทธิ์ สามารถตีความพลิกพลิ้วได้ตามใจปรารถนาของนักตีความที่มีการจัดวางไว้อย่างแน่นหนาในหน่วยงานสำคัญของประเทศ และจัดวางบุคลากรไปรักษาความชั่วร้ายและเครือข่ายผลประโยชน์อิทธิพลไว้อย่างกว้างขวาง และสร้างความขัดแย้งใหญ่ให้เกิดขึ้นในประเทศมาร่วม 50 ปีแล้ว เฉพาะที่เป็นความขัดแย้งใหญ่ก็ตั้งแต่ปี 2548 จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังจมปลักอยู่กับวิบากกรรมของระบบกฎหมายที่ไร้ธรรม จนไม่มีวันเงยหน้าอ้าปากกันเลย

ได้เวลาแล้วที่คนไทยทั้งประเทศจะต้องตื่นตัวขึ้นทำการปฏิรูประบบกฎหมายบ้านเมืองครั้งใหญ่ เหมือนกับสมัยที่รัชกาลที่ 5 ทรงปฏิรูปใหญ่ประเทศไทยฉันนั้น