วันเสาร์ ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ครั้งหนึ่ง, “เฉลิม อยู่บำรุง”เมื่อคราวที่ยังหวานชื่นกับ“ทักษิณ ชินวัตร”..เคยพูดฟอกขาวให้ทักษิณระหว่างหลบหนีคดีทุจริตอยู่ในต่างประเทศว่า.. “ทักษิณไม่ได้ทำผิดกฎหมาย..แต่ทำในสิ่งที่กฎหมายห้าม”
หากวันนี้“เฉลิม อยู่บำรุง”ยังรักกันดีอยู่กับนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร..ก็คงจะใช้สีข้างเข้าถูเช่นเดิม..จากการที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ออกมาแถลงเรื่องทักษิณเป็น“นักโทษเทวดา”มีอภิสิทธิ์เหนือนักโทษและผู้ต้องขังคนอื่นๆ...ว่า “ทักษิณไม่ได้ทำผิด..แต่คนทำผิดคือข้าราชการกรมราชทัณฑ์ และแพทย์-พยาบาลโรงพยาบาลตำรวจ”
อันที่จริงถ้าจะว่าไปแล้ว..ข้าราชการประเทศนี้ไม่รู้จักเข็ดหลาบ..จากการที่ยอมทอดตัวเสมือนทาสรองเท้าให้แก่“ทักษิณ ชินวัตร”..ด้วยผลประโยชน์ต่างตอบแทนเฉพาะหน้าจะในรูปใดก็แล้วแต่..ล้วนต้องประสบกับ“วิบากกรรม”ในวันหน้าทั้งสิ้น
และแล้วก็เป็นจริงในชาตินี้ด้วยไม่ต้องรอถึงชาติหน้า..เมื่อ กสม.ได้แถลงผลการสอบสวนกรณีที่นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร-“นักโทษเทวดา”ไปนอนพักรักษาตัวแบบ“ติดคุกทิพย์”ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ..เป็นเวลายาวนานถึง 6 เดือนจนครบวันพักโทษเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567..ว่า
“การกระทำของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครและโรงพยาบาลตำรวจ..เป็นการเลือกปฏิบัติแก่ผู้ต้องขัง..ด้วยเหตุความแตกต่างในเรื่องสถานะของบุคคล..ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม..ถือเป็นการกระทำหรือละเลยการกระทำ..อันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน”
ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ 2 สิงหาคมปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา.. กสม.โดยนายวสันต์ ภัยหลีกลี้ ในฐานะกรรมการ-กสม. ได้ออกมาแถลงผลการสอบสวนเรื่องร้องเรียนตามที่ได้มีผู้ร้องเรียนไว้เมื่อเดือนพฤศิกายน 2566..ให้มีการตรวจสอบเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร (ผู้ถูกร้องที่ 1) และโรงพยาบาลตำรวจ (ผู้ถูกร้องที่ 2)
โดยผู้ร้องเรียนร้องว่า..เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครอนุญาตให้นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร เข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 และได้รับการรักษาที่ดีกว่าผู้ต้องขังรายอื่น..อาจเป็นการเลือกปฏิบัติ..จึงขอให้ กสม.ตรวจสอบ
ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของ กสม.ที่ใช้เวลาถึง 9 เดือนนับตั้งแต่ได้รับเรื่องร้อนเรียน..จึงได้ข้อสรุป..ว่า การกระทำของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร..โรงพยาบาลตำรวจ และผู้ที่เกี่ยวข้อง..เข้าข่ายเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่บุคคล..อันอาจเป็นการกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่..หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ
นอกจากนั้น กสม.โดยนายวสันต์ ภัยหลีกลี้ยังชี้ว่า..“การที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครและโรงพยาบาลตำรวจ..กำหนดให้นายทักษิณพักรักษาตัวที่ห้องพิเศษของโรงพยาบาลตำรวจอย่างต่อเนื่อง..โดยเรือนจำฯ ไม่ได้โต้แย้งจนกระทั่งนายทักษิณออกจากโรงพยาบาล..เป็นการดำเนินการโดยอาศัยช่องว่างของกฎกระทรวงการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ.2563..ทำให้นายทักษิณได้รับประโยชน์นอกเหนือกว่าสิทธิที่ควรได้รับ ถือเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักความเสมอภาค..และเป็นการเลือกปฏิบัติ..อันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน”
อีกประเด็นหนึ่ง ที่ กสม.ระบุจากการแถลงของนายวสันต์ ภัยหลีกลี้..ซึ่งตอกย้ำให้เห็นชัดเจนถึงการเอื้อประโยชน์ให้แก่“นักโทษเทวดา”ที่ชื่อ“ทักษิณ ชินวัตร” อย่างเป็นกระบวนการ ว่า..
“หากนายทักษิณมีอาการป่วยอยู่ในภาวะวิกฤติสลับปกติจริงตามอ้าง..ก็ควรได้รับการดูแลจากบุคลากรทางการแพทย์อย่างใกล้ชิด..และพักในห้องสำหรับผู้ป่วยฉุกเฉิน..ทั้งยังปรากฏข้อเท็จจริงอีกว่า..เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งเป็นวันที่นายทักษิณสามารถออกจากการควบคุมของเรือนจำฯ..ตามโครงการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษของกรมราชทัณฑ์..นายทักษิณสามารถเดินทางกลับบ้านพักส่วนตัวได้ในทันที..ไม่พบว่าต้องเข้าไปรับการรักษาตัวในสถานพยาบาลแห่งอื่นอีก”
ประการที่สำคัญ กสม.ระบุว่า..“นายทักษิณสามารถเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ..และปฏิบัติภารกิจได้โดยไม่ปรากฏว่ามีอาการเจ็บป่วยรุนแรง..อันผิดปกติวิสัยของผู้ป่วยที่มีภาวะวิกฤติจนถึงขั้นอาจเป็นอันตรายแก่ชีวิตหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีและต่อเนื่อง..ซึ่งใช้เป็นเหตุผลในการพักรักษาตัวกับโรงพยาบาลตำรวจมาโดยตลอด..ด้วยเหตุนี้ จึงยังมิอาจเชื่อได้ว่า..นายทักษิณมีอาการป่วยจนถึงขนาดที่ต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจนานถึง 181 วัน..โดยไม่สามารถออกไปรับการรักษาต่อที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์..หรือกลับไปคุมขังต่อที่เรือนจำฯ ได้”
ผลสรุปของคณะกรรมการสิทธิมนุษยแห่งชาติ ทั้งหมดนั้น..จึงเท่ากับเป็นสารตั้งต้นให้ ป.ป.ช.ดำเนินการเอาผิดทางคดีอาญากับข้าราชการที่เกี่ยวข้อได้โดยง่ายและสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น..ทั้งข้าราชการในกรมราชทัณฑ์..ตลอดจนแพทย์-พยาบาลโรงพยาบาลตำรวจ
อย่างไรก็ดี ที่พอจะระบุตัวบุคลจากที่มีผู้ร้องเรียนหลายคณะ..ได้ยื่นคำร้องตั้งแต่ปีที่แล้วให้ ป.ป.ช.สอบสวนข้าราชการในสองหน่วยงานดังกล่าว..ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ..ปฏิบัติหรือละเว้นหน้าที่โดยมิชอบ..นั่นก็คือ
นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์, นายนัสที ทองปลาด ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร, นพ.วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์, พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ รักษาราชการแทนนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ และพล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ อดีตนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ..ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
คนโบร่ำโบราณสมัยปู่ย่าตายายเขาถึงสอนลูกสอนหลานสืบต่อกันมาว่า..“ไม่เชื่ออย่าลบหลู่”ในเรื่องบาปบุญคุณโทษจากการทำความชั่ว..และต้องจำให้ขึ้นใจด้วยว่า..ข้าราชการคนใดที่ยอมทอดตัวเป็นทาสรับใช้“ทักษิณ ชินวัตร”ประพฤติมิชอบนั้น-คุกสถานเดียวทุกราย !
รุ่งเรือง ปรีชากุล

'อ.เจษฎ์'มาเอง! เปิด7ข้อเคลียร์ความเชื่อผิดๆปมดื่มนมไทย เปิดวาร์ปนมไทยที่เป็นนมโคแท้
'ปราชญ์ สามสี'ฟาด! 'พรรคส้ม' ใช้ 'สองมาตรฐาน' โจมตีกองทัพ แต่ปัดรับผิดคดีในพรรค
ผีตายยาก!เดอ ลิกต์ โขกทดเจ็บบุกแบ่งแต้มไก่
'กัน จอมพลัง' ควงลูกเมียเปิดใจน้ำตาซึม เผยความผิดพลาด เอาเวลาครอบครัวไปช่วยคนอื่น
'กัมพูชา'ขยับแรง! บุกทลาย2รังใหญ่แก๊งสแกมเมอร์ รวบผู้ต้องหากว่า600คนส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี