วันพฤหัสบดี ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
เป็นธรรมดาที่ญาติสนิทมิตรสหาย หรือ เพื่อนร่วมอุดมการณ์ ต้องไปดูใจคนรักที่ใกล้สิ้นลมหายใจฉันใด ต่างชาติที่มีเป้าหมายทำลายความมั่นคงภายในประเทศไทย ก็ต้องมาดูใจพรรคก้าวไกลก่อนล้มหายตายจากไปจากสารบบการเมืองไทยฉันนั้น แต่การมาดูใจพรรคก้าวไกลเที่ยวนี้ฝรั่งหัวดำหัวแดง ที่มีพฤติกรรมแทรกแซงกิจการภายในของไทย น่าจะมาตอกฝาโลงพรรคก้าวไกลมากกว่ามาหยอดน้ำลงคอให้ก่อนลมหายใจเฮือกสุดท้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 2 สิงหาคม เฟซบุ๊กของสถานเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย ได้เปิดเผยว่า เหล่าคณะทูตจากหลายชาติ ได้ร่วมหารือกับ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และคณะจากพรรคก้าวไกลที่ทำเนียบ เอกอัครราชทูตเยอรมนี เพื่อหารือเกี่ยวกับวิกฤตประชาธิปไตยในประเทศไทย นำโดย แอ็นสท์ ไรเชิล เอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย ทั้งนี้ ยังมีเหล่าคณะทูตจากหลายชาติ อาทิ สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, สหภาพยุโรป, ฝรั่งเศส, ญี่ปุ่น, เกาหลี, แคนาดา, เนเธอร์แลนด์ และสวีเดน ต่อมา พรรคก้าวไกลโพสต์บน X (ทวิตเตอร์) ว่า คณะทูตจาก 18 ประเทศแลกเปลี่ยนหารือกับนายพิธา เรื่อง วิกฤตประชาธิปไตยในประเทศไทย
คณะทูตต่างชาติพบปะหารือกับพรรคการเมืองที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยยุบพรรคหรือไม่ จากข้อกล่าวหามีพฤติกรรมเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์และมีพฤติกรรมล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ ถือได้ว่า คณะทูตกับพรรคก้าวไกลสมคบกันกดดันศาลรัฐธรรมนูญ และ แทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทยอย่างไร้มารยาททางการทูต
นอกจากพฤติกรรมไร้มารยาททางการทูตของคณะบุคคลที่มาสุมหัวกันในทำเนียบทูตเยอรมนีแล้ว ยังมีคำถามอีกมากมายว่า ทูตเยอรมนี หรือพรรคก้าวไกล เป็นผู้ริเริ่มให้แสดงพลังกดดันก่อนวันศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน และ ทำไมถึงสุมกันในทำเนียบทูตเยอรมนี พรรคก้าวไกลกับเยอรมนี มีอุดมการณ์เดียวกันต่อสถาบันสูงสุดของไทยหรือไม่?
หากย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ที่ “คณะราษฎร” รุ่นใหม่ ผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล โจมตีใส่ร้ายมุ่งทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ พบว่า ผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล เปิดประเด็นโจมตีสถาบันเรื่องเยอรมนี และการโจมตีสถาบัน เรื่องเยอรมันขยายตัววงกว้างออกไปในปี 2563 หลังจากพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ และเปลี่ยนเป็นพรรคก้าวไกล คณะราษฎรยุคใหม่ นักศึกษาและประชาชนผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลยื่นหนังสือถึงสถานทูตเยอรมนีให้ตรวจสอบการเสียภาษีของพระมหากษัตริย์ไทยในประเทศเยอรมนี
ต่อมาวันที่ 26 ตุลาคม 2563 นักศึกษา ประชาชนผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลชุมนุมโจมตีสถาบันฯ หน้าสถานทูตเยอรมนี ยื่นหนังสือสอบถามความคืบหน้าการตรวจสอบการเสียภาษีฯ และปราศรัยโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ เรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ พร้อมทั้งอ่านแถลงการณ์โจมตีสถาบันเป็นภาษาเยอรมัน อังกฤษ และภาษาไทย การโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างหยาบคาย ร้ายแรง เป็นภาษาอังกฤษและภาษาเยอรมันในครั้งนั้น เป็นเหตุให้ผู้ปราศรัยผู้อ่านแถลงการณ์และผู้จัดการชุมนุมที่กระทำผิดกฎหมาย 13 คนตกเป็นจำเลยคดีอาญา มาตรา 112 และ มาตรา 116 ตั้งวันที่ 22 พฤศจิกายน 2563 โดยมี สส.ก้าวไกลเป็นผู้ประกันตัวจำเลยระหว่างดำเนินคดี
ในวันที่อัยการนำจำเลยขึ้นฟ้องศาลเจ้าหน้าที่สถานทูตเยอรมนีสามคน และสส.พรรคก้าวไกลไปสังเกตการณ์ และให้กำลังใจจำเลย โดยนายรังสิมันต์ โรม กล่าวว่า ตนและเพื่อน สส.พรรคก้าวไกล 2 คน ได้แก่ นายทองแดง เบ็ญจะปัก สส.สมุทรสาคร และนางสาวสุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา สส.นครปฐม มายื่นประกันจำเลยตัวโดยจะใช้ตำแหน่ง สส.ในการประกันตัว โดยคาดว่า วันนี้อัยการจะมีความเห็นสั่งฟ้อง ซึ่งเบื้องต้นทนายความประสานมาว่าใช้ตำแหน่ง สส. 3 คน ประกันตัวก็เพียงพอ
และระหว่างศาลพิจารณาคดี จำเลยผู้ที่อ่านแถลงการณ์เป็นภาษาเยอรมัน ทำเรื่องขอศาลไปเรียนต่อในประเทศเยอรมนีถึง 17 ครั้ง ศาลถึงอนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศได้
ทั้งนี้ นายเกออร์ก ชมิดท์ เอกอัครราชทูตเยอรมนี ได้ออกหนังสือรับรองก่อนว่า นางสาววริสรา เอกสกุล ได้รับทุนการศึกษาจากองค์กรแลกเปลี่ยนทางวิชาการเยอรมัน (DAAD)จริง ในโปรแกรม เฮลมูท ชมิดท์ สำหรับการศึกษาระดับมหาบัณฑิต ในหลักสูตรปริญญาโท ด้านการจัดการในองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ณ มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ประยุกต์ออสนาบรีค ณ สหพันธสาธารณรัฐเยอรมนี รวมถึงหลักสูตรภาษาเพื่อการเตรียมตัว ณ กรุงเบอร์ลิน ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2565–31 สิงหาคม 2567
เป็นที่น่าสังเกตว่า พรรคก้าวไกลกับสถานทูตเยอรมนี สอดประสานกันอย่างไร้รอยต่อในกรณีจำเลยคดีที่คณะราษฎรรุ่นใหม่ แถลงการณ์โจมสถาบันพระมหากษัตริย์ หน้าสถานทูตเยอรมนี ซึ่งละเมิดกฎหมายอาญามาตรา 112 ดังนั้น เมื่อพรรคก้าวไกลที่ถูกร้องให้ยุบพรรค เพราะรณรงค์ให้ยกเลิกกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งเป็นกฎหมายปกป้องสถาบัน สถานทูตเยอรมนี จึงเป็นเจ้ากี้เจ้าการ ระดมทูตต่างๆ แสดงพลังกดดันศาล จึงเกิดคำถามว่า นอกจากสอดประสานกันเรื่องต่อต้านมาตรา 112 แล้วพรรคก้าวไกลกับสถานทูตเยอรมนีมีวาระซ่อนเร้นอะไรสอดประสานกันมากกว่านั้นหรือไม่
การแสดงพลังกดดันศาลของคณะทูตต่างชาติ จึงเป็นหลักฐานในเชิงประจักษ์ว่า การรณรงค์ยกเลิกมาตรา 112 ซึ่งกฎหมายปกป้องสถาบันนั้น สอดประสานกันระหว่างนักการเมืองไทยกับต่างชาติที่มีพฤติกรรมเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังนั้น คณะทูตที่เห็นว่า การยุบพรรคก้าวไกล คือ วิกฤตประชาธิปไตยในประเทศไทย จึงเป็นหลักฐาน
เชิงประจักษ์ว่า ผู้ถูกร้องสอดประสานกับต่างชาติในพฤติกรรมต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์และกฎหมายอาญา มาตรา 112 จึงเป็นการช่วยให้พิจารณายุบพรรคก้าวไกลได้ง่ายขึ้น
สุทิน วรรณบวร

‘อบต.เหล่าหมี มุกดาหาร’จัดงานลอยกระทง งดพลุ แสง สี เสียง
‘นายกฯอนุทิน’ตอบเอง หลังชาวเน็ตโฟกัส‘ซิป’ งานนี้ฮาไม่เบา
วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุดรธานี แปลอักษรถวายความอาลัย'สมเด็จพระพันปีหลวง'
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก‘อบต.นาฝาย ชัยภูมิ’นำเด็กฝึกทำกระทงใบตอง ลดค่าใช้จ่ายวันลอยกระทง
ส่งผ่าพิสูจน์! 'โลมาลายแถบ'เกยตื้นตาย'ชายหาดบาสัก' พบมีบาดแผลถลอก

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี