วันอาทิตย์ ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ในวันแรกที่มีการประชุมสภาฯ หลังจากที่รัฐบาลพระยาพหลฯสามารถปราบกบฏบวรเดชได้เรียบร้อยแล้ว ทางรัฐบาลนอกจากจะแถลงการณ์ถึงเหตุการณ์กบฏครั้งนี้แล้ว ทางรัฐบาลยังได้เสนอร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลพิเศษต่อสภาฯ ในวันเดียวกันนั้นด้วย พระยาพหลฯ นายกรัฐมนตรี ได้นำเสนอว่า
“ในการที่จะสร้างศาลพิเศษนี้ เห็นว่าจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าต่อไปนี้ เราจะได้เลิกประกาศ กฎอัยการศึก เพื่อจะชำระเรื่องนี้ให้เป็นที่เรียบร้อยต่อไป จึงขอตั้งศาลพิเศษนี้ขึ้น เพื่อจะชำระคดีเรื่องเหล่านี้ นอกจากนั้นการตั้งศาลพิเศษขึ้นนี้ ตามธรรมดาย่อมสะดวกแก่การพิจารณา เพราะว่าถ้าเราไม่ตั้งขึ้นแล้วจะให้ชำระกันตามศาลธรรมดา ก็จะต้องเสียเวลามากมาย และผู้คนที่ถูกจับอยู่นี้จะต้องถูกกักอยู่นาน จึงจำเป็นต้องตั้งศาลพิเศษ เราจะประกาศกฎอัยการศึกอยู่นานๆเช่นนี้ ก็ดูไม่ชอบกลเมื่อเห็นว่าบ้านเมืองเรียบร้อยแล้ว เราจะได้ถอนกฎอัยการศึกออกเสีย”
การจัดตั้งศาลพิเศษนี้ โดยทั่วไปก็ไม่มีใครคัดค้านเรื่องการตั้งศาล แต่พระยาปรีดานฤเบศร์นั้น ค้านว่า “… เสนอว่าความประสงค์จะให้ผู้ต้องหามีทนายชี้แจงแก้ตัวได้ ก็ไม่ควรมีจำกัดเอาแต่บุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหารเท่านั้น” ที่จริงพระยาปรีดาฯได้อภิปรายเสนอยาวมาก ประเด็นคือให้จำเลยจ้างคนนอกเป็นทนายได้นั่นเอง ประเด็นนี้มีผู้ลุกขึ้นมาค้านพระยาปรีดาฯ หลายราย
หลวงอรรถสารประสิทธิ์ “ถ้าเราจะปล่อยให้ตั้งทนายความก็จะเยิ่นเย้อไม่ทันใจรัฐบาลเพราะฉะนั้นที่ตั้งศาลกลางขึ้นวินิจฉัย ศาลมีความสามารถจะรักษาประโยชน์พอแล้ว ข้าพเจ้าไม่เห็นจำเป็นจะเปิดให้ทนายมาว่าความอย่างนี้”
นายมังกร สามเสน “ให้ตั้งศาลพิเศษเตรียมการสมควรแล้ว เพราะการเรื่องนี้จะยอมให้พลเรือนว่าความอย่างธรรมดาแล้ว 5 ปีก็ชำระไม่เสร็จ วันนี้ติดว่าความวันนี้พยานยังไม่มา เพราะฉะนั้นไม่ควรอนุญาตให้ทนายพลเรือนไปแซก”
ประดิษฐ์มนูธรรม “ขอสนับสนุนนายมังกรว่า ยิ่งทนายมีชื่อเสียงก็ยิ่งติดว่าความมากแห่ง”
ตรงนี้ พระยาปรีดาฯ ลุกขึ้นมาแย้งทันควัน
“ที่ข้าพเจ้ารู้มา ประเทศที่เจริญแล้ว เขายอมให้มีทนาย ครั้งโบราณยอมให้ผู้มีบรรดาศักดิ์มีทนาย ฝรั่งก็ยังว่าความเองไม่ได้ … นายมังกร สามเสน ว่าทนายจะเลื่อนไป และที่หลวงประดิษฐ์ว่า ทนายมีชื่อเสียงติดความมากก็ต้องเลื่อนไป ทำไมศาลที่เมืองอังกฤษจึงชำระความได้… เรื่องนี้ไม่ยากเลย… ใครจะมาเลื่อนก็ไม่ยอม จะอ้างเหตุผลอย่างอื่นไม่ได้ เพราะนี่เป็นคดีพิเศษ”
นายเนตร์ พูนวิวัฒน์ “ศาลพิเศษตามทำนองนี้เคยมีมาครั้ง 1 เมื่อ ร.ศ.130 สมัยนั้นเรียกว่าศาลกรรมการพิเศษ ข้าพเจ้าถูกเป็นจำเลยด้วย ศาลกรรมการพิเศษไม่ได้ให้สิทธิแก่จำเลยให้ตั้งทนายความ และมีมาตราเก้าว่าให้กรรมการวินิจฉัย จำเลยเวลานั้นไม่มีทนายความเข้าสู้”
หลวงอรรถสารฯ “…ข้าพเจ้าเข้าใจว่า พระองค์เจ้าบวรเดชเป็นกบฏ ถ้าจะจ้างทนาย ข้าพเจ้ามั่นใจว่ามีหลายพันคนที่จะเข้าเป็นทนายหาทางไม่ให้ติดตราง การปฏิบัติเป็นคนละรูป ทนายอังกฤษเขามีธรรม ทนายของเหล่านี้การศึกษายังไม่พอ…”
ประเด็นนี้ถูกกันไปเถียงกันมาในบรรดาผู้อภิปราย 5 คนนั้น ในที่สุดประธานสภาฯจึงขอให้ลงมติ ปรากฏว่ามีสมาชิกเพียง 2 นาย ที่เห็นว่าควรมีทนายความ โดยไม่ทราบว่าผู้ที่เห็นด้วยกับพระยาปรีดาฯ อีกท่านหนึ่งเป็นใคร และสมาชิกเสียงข้างมากเห็นว่าไม่ควรแก้ไขคือให้ยืนตามร่างเดิม หลังจากนั้นได้มีการพิจารณาต่อไปเลย เพราะประธานสภาฯขอให้มีการตั้งอนุกรรมการเต็มสภา คือ ให้สภาฯ เป็นผู้พิจารณาต่อไปในวาระ 2 และ 3 รวดเดียว โดยเมื่อพิจารณาเรียงมาตราครบแล้ว ประธานก็ขอให้ลงมติผ่านร่างพระราชบัญญัติ ออกใช้ได้
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลพิเศษ พ.ศ. 2476 นี้ จึงเป็นการจัดตั้งศาลพิเศษขึ้นมาพิจารณาคดีการเมืองเป็นครั้งแรกหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 นั่นเอง
นรนิติ เศรษฐบุตร

'อ.เจษฎ์'มาเอง! เปิด7ข้อเคลียร์ความเชื่อผิดๆปมดื่มนมไทย เปิดวาร์ปนมไทยที่เป็นนมโคแท้
'ปราชญ์ สามสี'ฟาด! 'พรรคส้ม' ใช้ 'สองมาตรฐาน' โจมตีกองทัพ แต่ปัดรับผิดคดีในพรรค
ผีตายยาก!เดอ ลิกต์ โขกทดเจ็บบุกแบ่งแต้มไก่
'กัน จอมพลัง' ควงลูกเมียเปิดใจน้ำตาซึม เผยความผิดพลาด เอาเวลาครอบครัวไปช่วยคนอื่น
'กัมพูชา'ขยับแรง! บุกทลาย2รังใหญ่แก๊งสแกมเมอร์ รวบผู้ต้องหากว่า600คนส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี