วันนี้บ้านเมืองเรายังสาละวนกับการที่จะร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หรือแก้ไขรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ซึ่งครั้งนี้ดูจะมีความมุ่งมั่นและตั้งใจค่อนข้างมากจากพรรคการเมืองใหญ่ถึง 3 พรรคดังนั้นจึงขอนำท่านย้อนไปดูคณะผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475
หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดิน พ.ศ. 2475 ได้มีการตั้งสภาผู้แทนราษฎรแล้ว จึงได้เปิดสภาฯในวันที่ 28 มิถุนายน ในวันเดียวกันนี้ได้มีการตั้งคณะผู้บริหารประเทศแล้ว จึงได้แต่งตั้งคณะบุคคลให้ไปทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรขึ้นคณะหนึ่ง สมัยนั้นเรียกว่าคณะอนุกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ นับว่าเป็นคณะกรรมาธิการหรือคณะผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญชุดแรกของสยาม จำนวน 7 คน ในจำนวนนี้มีหัวหน้ารัฐบาลคือประธานคณะกรรมการราษฎร พระยามโนปกรณนิติธาดาเป็นประธานคณะอนุกรรมการ ส่วนอนุกรรมการที่เหลืออีก 6 คนประกอบด้วยพระยาเทพวิทุรพหุลศรุตบดี พระยามานวราชเสวี พระยานิติศาสตร์ไพศาล พระยาปรีดานฤเบศ หลวงประดิษฐ์มนูธรรม และหลวงสินาดโยธารักษ์ ในจำนวน 7 คนนี้มีผู้ที่ไม่ได้เป็นนักกฎหมายอยู่เพียงคนเดียวและเป็นนายทหารยศพันตรี คือหลวงสินาดโยธารักษ์ ต่อมาพระยามโนฯ ได้เสนอตั้งอนุกรรมการเพิ่มขึ้นอีก 2 ท่านคือพระยาศรีวิสารวาจากับพลเรือโท พระยาราชวังสัน คนแรกนั้นเป็นเสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศด้วย ส่วนคนหลังเป็นทหารเรืออาวุโสที่เป็นพี่ชายแท้ๆของนาวาตรี หลวงศิลป์สงครามชัย ซึ่งเป็นผู้นำสายทหารเรือในคณะผู้ก่อการฯ
มาทำความรู้จักอนุกรรมการแต่ละคนดังนี้ คนแรกพระยามโนปกรณ์นิติธาดา ก่อนหน้านั้น เป็นอธิบดีศาลอุทธรณ์ ศึกษามาทางด้านกฎหมายจบเนติบัณฑิตไทย และได้รับศึกษาจบจากอังกฤษคนต่อมา พระยาเทพวิทุรฯ ขณะนั้นเป็นอธิบดีศาลฎีกา ในทางสายตุลาการถือว่าเป็นผู้มีอาวุโสสูงสุด จบเนติบัณฑิตไทย และเนติบัณฑิตอังกฤษ คนที่ 3 พระยามานนวราชเสวี ขณะนั้นเป็นอธิบดีกรมอัยการ นับว่าเป็นหมายเลขหนึ่งของอัยการสยาม ท่านเป็นทั้งนักกฎหมายไทยที่จบเนติบัณฑิตไทยและได้ทุนไปศึกษาจบเป็นเนติบัณฑิตอังกฤษ คนที่ 4 พระยานิติศาสตร์ไพศาล ขณะนั้นเป็นอธิบดีศาลอาญา เป็นนักกฎหมายไทยที่จบเนติบัณฑิตไทยและได้รับทุนไปศึกษาจบเป็นเนติบัณฑิตจากอังกฤษ คนที่ 5 พระยาปรีดานฤเบศ เป็นเนติบัณฑิตไทย ที่เดิมรับราชการเป็นตุลาการและได้ลาออกมาประกอบอาชีพเป็นทนายความอยู่ในขณะที่ได้รับการแต่งตั้งคนที่ 6 คือหลวงประดิษฐ์มนูธรรม เป็นผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองคนเดียวในคณะอนุกรรมการยกร่างนี้ และเป็นหัวหน้าสมาชิกคณะราษฎรสายพลเรือน ที่เป็นนักกฎหมายศึกษาจบเป็นเนติบัณฑิตทางกฎหมายจากโรงเรียนกฎหมายกระทรวงยุติธรรม และได้ทุนไปเรียนต่อจนจบการศึกษาระดับปริญญาเอกทางกฎหมายจากประเทศฝรั่งเศส จึงนับว่าเป็นนักกฎหมายที่เรียนมาจากฝรั่งเศสเพียงคนเดียวและก็เป็นผู้ก่อการฯเพียงคนเดียวด้วยในคณะอนุกรรมการชุดนี้ คนที่ 7 หลวงสินาดโยธารักษ์นั้นเป็นนายทหารที่มิได้เป็นสมาชิกในคณะราษฎร แต่น่าจะได้รับการผลักดันจากเพื่อนทหาร ที่เป็นผู้ก่อการฯให้เข้ามาอยู่ในคณะอนุกรรมการชุดนี้ ท่านจะเป็นบุคคลเดียวที่ไม่ได้จบเป็นนักกฎหมาย สำหรับ 2 ท่านที่เข้ามาภายหลังนั้น พระยาศรีวิสารวาจาก็เป็นนักกฎหมายที่เรียนจบจากอังกฤษ ส่วนพระยาราชวังสันเป็นทหารเรือ ที่มีความรู้ทางด้านกฎหมายอนุกรรมการทั้งหมดเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดแรกของสยาม
การทำงานของคณะอนุกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญชุดนี้สำเร็จลงด้วยดี ทั้งที่เป็นงานยาก ที่ต้องพยายามประสานให้เกิดความเข้าใจอันดีระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับคณะผู้เปลี่ยนแปลงการปกครองฯเพื่อให้มีกติกาการปกครองแผ่นดินที่จะให้สภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้มีอำนาจในการเลือกรัฐบาลและกำกับดูแลรัฐบาลในการบริหารประเทศ ซึ่งคณะอนุกรรมการก็สามารถดำเนินการได้สำเร็จให้เป็นที่ยอมรับจากฝ่ายต่างๆ สามารถประนีประนอม ยอมกันขจัดข้อขัดแย้งเพื่อเดินหน้าไปโดยสันติ
นรนิติ เศรษฐบุตร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี