วันพฤหัสบดี ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้นเป็นคนสำคัญของแผ่นดิน ที่ประชาชนเป็นผู้มอบอำนาจให้เข้ามาเป็นผู้มีความชอบธรรมในการปกครองชั่วระยะเวลาหนึ่ง โดยการออกเสียงเลือกตั้งของประชาชนและเมื่อบุคคลผู้ใดได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้ว บุคคลการเมืองที่ถือได้ว่าเป็นผู้ปกครองเหล่านี้ก็มี “เอกสิทธิ์และความคุ้มกัน” ที่คนซึ่งมิได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แม้จะมีตำแหน่งการเมืองและอาจเป็นถึงรัฐมนตรีก็หาได้มีไม่ รัฐธรรมนูญฉบับถาวรฉบับแรก 10 ธันวาคม พ.ศ. 2405 กำหนดไว้ชัดเจนในมาตรา 34 ว่า
“ในระหว่างสมัยประชุม ห้ามมิให้จับหรือหมายเรียกตัวสมาชิกไปกักขัง เว้นแต่จับในขณะกระทำผิด แต่ต้องรีบรายงานไปยังประธานแห่งสภา และประธานแห่งสภาอาจสั่งปล่อยผู้ถูกจับให้พ้นจากการกักขังได้”
กระนั้นช่วงเวลาแรก ผู้นำของสภาผู้แทนราษฎรก็ยังไม่ต้านอำนาจรัฐบาลได้ ในสมัยรัฐบาลของจอมพล ป.พิบูลสงคราม รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคือพลโท พระยาเทพหัสดินทร์ยังถูกจับกุมคุมตัวอยู่ระยะหนึ่งจนศาลอุทธรณ์สั่งปล่อย จนมาถึงพ.ศ. 2491 จนถึงสมัยที่คณะรัฐประหารเรืองอำนาจ จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยด้วย ตำรวจที่นำโดยพลตำรวจโท เผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมตำรวจ ยกกำลังไปที่สภาผู้แทนราษฎรเพื่อรอจะจับตัวพันโทพโยม จุฬานนท์ ผู้แทนราษฎรจังหวัดเพชรบุรี โดยอ้างว่า พันโทพโยม ร่วมอยู่ในคณะกบฏเสนาธิการ ที่มีพันเอกเนตร เขมะโยธิน เป็นหัวหน้า แต่ตำรวจไม่สามารถจับกุมตัวพลเอกโยได้ในวัน 1 ตุลาคม และจะมาจับตัววันนี้
ก่อนหน้านั้นประมาณ 40 วันตำรวจจับกุมตัวนายฟอง สิทธิธรรม ผู้แทนราษฎรจังหวัดอุบลราชธานีในข้อหาว่าจะทำการ กบฏแบ่งแยกดินแดง ในตอนนั้นจับตัวไปแล้ว เมื่อมีประชุมสภาผู้แทนราษฎรก็ได้หารือกันในเรื่องนี้ และที่ประชุมไม่มีมติเป็นเอกฉันท์ให้สภาดำเนินการร้องขอให้ตำรวจสั่งปล่อยตัวนายฟอง ในสมัยประชุมสภา และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยอมปล่อยตัวนายฟองสิทธิธรรม ให้มาประชุมเมื่อมีการเปิดประชุมในวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2491
สำหรับเหตุการณ์ในวันที่ 11 พฤศจิกายน นั้น ตำรวจยกกำลังกันมาตอนกลางคืน เวลาประมาณ 3 ทุ่ม เมื่อประธานสภาและรองประธานสภาได้ทราบเรื่องและหารือกันแล้ว ได้มอบหมายรองประธานสภา ร.อ.ประเสริฐ สุดบรรทัด ให้ไปพบกับอธิบดีกรมตำรวจ พยายามชี้แจงให้ทราบเรื่องเอกสิทธิ์และความคุ้มกันของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญ และได้พยายามอธิบายให้พลตำรวจโทเผ่าซึ่งเป็นผู้มีอำนาจมากในรัฐบาลได้ทราบถึงผลเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่สภาผู้แทนราษฎรเองรวมไปถึงรัฐบาล หากตำรวจปฏิบัติการจับผู้แทนราษฎรกลางสภาคงมีการประท้วงกัน ตำรวจจึงยอมถอยออกไป ต่อมาในวันที่ 25 พฤศจิกายน ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ปรากฏว่านายก่อเกียรติ ษัฏเสนผู้แทนจากจังหวัดตรังได้ตั้งกระทู้ด่วนถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คือ จอมพล ป. ถึงกรณีที่ตำรวจจะเข้ามาจะจับกลุ่มสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกลางสภา จนรัฐมนตรีต้องยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้น และขออภัยต่อสภา ต่อมาภายหลังเรื่องนี้ทำให้ผู้แทนราษฎรจังหวัดลำปาง นายบุญเท่ง ทองสวัสดิ์ ได้เสนอร่างกฎหมายรักษาความสงบเรียบร้อยต่อสภาฯ เพื่อจะได้มีการลงโทษผู้ที่เข้ามาในบริเวณสภาในวันประชุมโดยได้รับอนุญาต แต่ร่างพระราชบัญญัตินี้แพ้เสียงในสภา 31 ตอน 28 ร่างกฎหมายจึงตกไป
เรื่องในทำนองเดียวกันนี้ยังเคยเกิดขึ้นต่อมาในตอนที่มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับหนึ่งโดยสภาร่าง และตำรวจได้ยกกำลังมาที่สภาจะจับตัวสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญในคดีที่มีมาก่อนแล้ว
จนประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญต้องเชิญนายตำรวจที่นำกำลังมาที่สภาไปเจรจาอธิบายกันถึงเอกสิทธิ์และความคุ้มกันว่าต้องขออนุญาตต่อสภา และก็เชื่อว่าสภาจะไม่ยอมเพราะในอดีตสภาก็ไม่ยอมมาแล้ว ครั้งนี้ก็ดีที่ทางตำรวจเข้าใจง่ายและยอมถอนกำลังออกไป
นรนิติ เศรษฐบุตร

‘สธ.’ส่งยาเวชภัณฑ์ ชุดยาสามัญประจำบ้าน 15,000 ชุด ช่วยเหลือประชาชนพื้นที่น้ำท่วม
‘ชัยภูมิ’รวมใจ! พอ.สว.ลำดับ46 ออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่‘พระพันปีหลวง’
‘สืบปัว’รวบคากุฏิ-จับสึกพระเสพยาบ้า
สมเด็จเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ ทรงเปิดงาน 'Kraam International Symposium 2025'
‘ททท.ระยอง’เร่งเครื่องลุย 5 โครงการ ดันยอดนักท่องเที่ยว 6.5 ล้านปลายปีนี้

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี