วันอาทิตย์ ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / มองอย่างไท
มองอย่างไท

มองอย่างไท

ปิยะ เนตรวิเชียร
วันจันทร์ ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567, 02.00 น.
สมบัติของชาติต้องรักษาไว้

ดูทั้งหมด

  •  

๖ พฤศจิกายน ถือว่าเป็นวันที่สำคัญวันหนึ่งของชาติไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วันที่ ๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๓๑๐ ซึ่งเป็นวันที่ต้องถือว่าชาติไทยได้เอกราชกลับคืนมา หลังจากที่ต้องเสียกรุงศรีอยุธยาให้กับพม่าเมื่อวันที่ ๗ เมษายน ปีเดียวกัน โดยผู้ที่กอบกู้เอกราชคือพระยาตาก ที่ต่อมาภายหลังได้รับการถวาย พระราชสมัญญานามเป็นสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และวันที่ ๖ พฤศจิกายน ได้รับการเรียกว่า “วันกอบกู้เอกราชไทย”

พระยาตาก พระยาวชิรปราการ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี หรือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชคือ บุคคลคนเดียวกัน เป็นชื่อและตำแหน่งที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลาของชีวิต ประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่าเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์เดียวของสยามประเทศที่มาจากเชื้อสายจีนมีพระนามเดิมว่าสิน บิดาคือนายไหฮอง มารดาคือนางนกเอี้ยง เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ.๒๒๗๗ ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ หลังคลอดได้ ๓ วัน มีงูเหลือมใหญ่เลื้อยเข้าไปขดรอบตัวทารก นายไหฮองผู้เป็นพ่อซึ่งได้รับใช้ราชการและมีตำแหน่งเป็นขุนพัฒเกรงว่าเหตุนี้จะเป็นลางร้าย จึงยกบุตรคนนี้ให้แก่เจ้าพระยาจักรีเลี้ยงไว้เป็นบุตรบุญธรรม ซึ่งหลังจากรับเลี้ยงเด็กคนนี้ ลาภผลก็เกิดมากมูลคูณเพิ่มแก่เจ้าพระยาจักรี จึงตั้งชื่อให้ใหม่ว่าสิน และได้ให้เข้าเล่าเรียนหนังสือในสำนักของพระอาจารย์ทองดีวัดโกษาวาส ก่อนที่จะถวายตัวรับราชการเป็นมหาดเล็กในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เมื่ออายุได้ ๑๓ ปี


นายสินเป็นเด็กที่มีความตั้งใจในการศึกษาหาความรู้จนสามารถพูดภาษาต่างชาติได้อีกถึง ๓ ภาษาคือจีน ญวน และแขก เมื่ออายุได้ ๒๐ ปีบริบูรณ์ เจ้าพระยาจักรีได้จัดการอุปสมบทให้เป็นพระภิกษุ ซึ่งในระหว่างนั้นได้ออกบิณฑบาตพร้อมกับพระภิกษุทองด้วงซึ่งต่อมาคือพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเป็นประจำ เพราะรับราชการเป็นมหาดเล็กอยู่ด้วยกันหลายปี มีความรักใคร่กลมเกลียวกันมาก

หลังอยู่ในสมณเพศ ๓ พรรษา จึงลาสิกขาบทออกมารับราชการใหม่ในตำแหน่งมหาดเล็ก จนถึงรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนตำแหน่งเป็นหลวงยกกระบัตรรับราชการที่เมืองตาก เมื่อเจ้าเมืองตากถึงแก่กรรมจึงได้รับการโปรดเกล้าฯให้เป็นพระยาตาก ต่อมาเมื่อมีพม่ามาล้อมกรุงศรีอยุธยา ได้ถูกเรียกตัวให้ลงมาช่วยราชการ ทำการสู้รบกับข้าศึกด้วยความเข้มแข็งยิ่ง มีบำเหน็จความชอบในสงคราม จึงได้รับการโปรดเกล้าให้เป็นพระยาวชิรปราการ สำเร็จราชการเมืองกำแพงเพชร แต่ยังไม่ได้ขึ้นไปปกครองเมืองกำแพงเพชรก็เกิดสงครามระหว่างกรุงศรีอยุธยากับพม่าเมื่อปีพ.ศ.๒๓๐๙ เสียก่อน

พระองค์ได้เข้ารบกระทำศึกกับพม่าโดยตั้งค่ายอยู่ที่วัดพิชัย ต่อสู้กับกองทัพพม่าอย่างกล้าหาญ แต่เนื่องจากขาดการสนับสนุนกำลังพลและอาวุธ และเห็นว่าทัพพม่าที่มาครั้งนี้มีกำลังพลมหาศาลและเข้มแข็งมากกรุงศรีอยุธยาไม่น่าจะต่อสู้ได้ จึงตัดสินใจรวบรวมไพร่พลเพื่อหนีออกจากกรุงศรีอยุธยาก่อนที่จะพ่ายแพ้ โดยหวังที่จะกลับมากอบกู้กรุงศรีอยุธยาในภายหน้า

พระองค์ได้ตัดสินใจร่วมกับพระยาพิชัยดาบหักนายทหารคู่ใจ พระเชียงเงิน หลวงพรหมเสนา หลวงราชเสน่หาขุนอภัยภักดี พร้อมด้วยทหารกล้าประมาณ ๕๐๐ นาย มีปืนเพียงกระบอกเดียว แต่เป็นผู้ชำนาญด้านอาวุธสั้น ยกกำลังออกจากค่ายพิชัยตีฝ่าวงล้อมทหารพม่าไปทางทิศตะวันออก โดยตั้งเป้าหมายว่าจะยึดเมืองจันทบูรที่เป็นเมืองใหญ่ ใช้เป็นที่มั่นเพื่อรวบรวมกำลังพลกลับมากู้กรุงศรีอยุธยาคืนให้จงได้ โดยพระองค์ได้รวบรวมไพร่พลไปตลอดทาง ตั้งแต่เมืองชลบุรี ฉะเชิงเทราไปจนถึงเมืองระยอง

หลังจากพระองค์ออกจากกรุงศรีอยุธยาประมาณ ๓ เดือน พม่าก็เข้ายึดกรุงศรีอยุธยาไว้ได้ในวันที่ ๘ เมษายน พ.ศ.๒๓๑๐ และได้จุดไฟเผาทำลายเมืองจนวอดวายไปทั้งหมดรวมทั้งวัดวาอาราม และยังหลอมเอาทองคำจากองค์พระพุทธรูปไปด้วย จนอาจกล่าวได้ว่ากรุงศรีอยุธยาพินาศไปทั้งหมด และยังจับพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์รวมทั้งทรัพย์สมบัติอื่นๆ ส่งกลับไปยังพม่า โดยสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ได้สวรรคตในช่วงนั้น

ขณะที่พม่าเผากรุงศรีอยุธยานั้นพระยาตากอยู่ที่เมืองระยอง และได้ประกาศตนว่าจะเป็นผู้นำในการกอบกู้กรุงศรีอยุธยา ฟื้นฟูพระพุทธศาสนา และจะทำนุบำรุงบ้านเมืองให้ประชาราษฎร์ได้กลับมาอาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขต่อไป ทำให้แม่ทัพนายกองทั้งหลายรวมทั้งประชาชนในหลายท้องถิ่นที่เสด็จผ่านต่างสวามิภักดิ์  พร้อมใจกันยกพระยาตากขึ้นเป็นผู้นำในการกอบกู้แผ่นดิน

เส้นทางของพระยาตากเมื่อออกจากกรุงศรีอยุธยา คือมุ่งไปยังบ้านโพธิ์สังหาร หรือโพธิ์สาวหาญ ได้ต่อสู้กับทัพพม่าตลอดทางจนมาถึงเมืองปราจีนบุรี ได้สู้รบกับทัพพม่าแต่ก็เอาชนะได้อีก ได้รวบรวมไพร่พลมาตลอดทางตั้งแต่ฉะเชิงเทรา ชลบุรี นาเกลือ บางละมุง จนถึงระยอง ซึ่งเจ้าเมืองระยองก็ยอมอ่อนน้อมโดยดี และพร้อมที่จะเข้าช่วยกันกอบกู้ชาติ โดยมุ่งที่จะเข้าตีเมืองจันท์ให้ได้ก่อน

ในตอนหัวค่ำก่อนถึงวันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๓๑๐ พระองค์ได้ตัดสินใจที่จะยกทัพเข้าตีเมืองจันท์ โดยหลังจากที่ทานอาหารเย็นเสร็จสิ้น ก็ได้สั่งให้แม่ทัพนายกองทั้งหลายทุบทำลายหม้อข้าวหม้อแกงทั้งหมด เป็นการส่งสัญญาณว่าหากไม่สามารถเข้าตีเอาชนะเมืองจันท์ได้ อาหารเย็นมื้อนี้ก็จะเป็นมื้อสุดท้ายของชีวิต ทั้งนี้เพื่อเป็นการปลุกเร้าให้ไพร่พลทั้งหลายฮึกเหิมในการต่อสู้เพื่อเอาชัยชนะ จนเมื่อถึงเวลา ๓.๐๐ น. ก็เข้าตีเมืองจันทบูร โดยพระองค์ประทับบนหลังช้างพังคีรีบัญชรเข้าพังประตูเมือง พร้อมกับส่งสัญญาณให้ไพร่พลซึ่งซ่อนตัวอยู่โดยรอบติดตามเข้าไปในเมืองและต่อสู้กับทหารของเมืองจันท์จนเอาชนะได้สำเร็จ พระยาจันทบูรและครอบครัวได้หลบหนีไปยังเมืองพุทไธมาศ

พระองค์จึงตั้งทัพและรวบรวมกำลังคนและสะสมอาวุธเพิ่มเติม ตลอดจนยึดเอาเรือสำเภาจีนที่อยู่ในแถบนั้นทั้งหมด รวมทั้งการต่อเรือรบเพิ่มเติม จนได้เรือเพื่อจะใช้ในการรบประมาณ ๑๐๐ ลำ ได้ฝึกไพร่พลให้เกิดความเชี่ยวชาญในการรบและรอจนช่วงเวลามรสุมได้ผ่านไป เพื่อจะได้ยกทัพเรือกลับมาทวงคืนกรุงศรีอยุธยาให้ได้

ทัพเรือของพระองค์ผ่านเข้ามาทางปากน้ำเจ้าพระยา รบชนะทัพพม่าที่วางกำลังไว้ที่กรุงธนบุรีอย่างง่ายดาย แล้วเสด็จนำทัพขึ้นไปจนถึงอยุธยา เข้าตีค่ายโพธิ์สามต้นซึ่งพม่าให้สุกี้พระนายกองเฝ้ารักษาเมืองอยู่ ทำให้สุกี้พระนายกองเสียชีวิต และทัพของพระองค์เอาชนะทัพของพม่าได้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๓๑๐ จึงถือว่าเป็นวันที่พระองค์กอบกู้เอกราชของชาติกลับคืนมาได้สำเร็จ โดยใช้ระยะเวลาเพียง ๗ เดือนหลังจากการเสียกรุงศรีอยุธยา

พระองค์ทรงสถาปนากรุงธนบุรีให้เป็นเมืองหลวงของราชอาณาจักรไทย โดยได้มีการทะนุบำรุงบ้านเมืองและฟื้นฟูพระศาสนาอย่างมาก ถึงแม้จะมีความขัดสนยากจนอยู่  ในช่วง ๑๕ ปีของกรุงธนบุรีนั้น พระองค์ได้นำทัพไทยเข้าสู่การรบทั้งเพื่อการป้องกันและการขยายพระราชอาณาเขตถึง๙ ครั้งด้วยกัน

ราชอาณาจักรไทยในสมัยของพระองค์นั้นกว้างใหญ่ไพศาล ตั้งแต่เชียงใหม่ ลงมาจนถึงภาคกลางทั้งหมด โดยทิศเหนือขยายไปถึงหลวงพระบางและเวียงจันทน์ ทิศใต้ได้ดินแดนกลันตัน ตรังกานูและไทรบุรี ทิศตะวันออกได้ดินแดนลาว เขมรจนถึงแม่น้ำโขงที่ติดต่ออาณาเขตญวน ทิศตะวันตกจรดดินแดนเมาะตะมะ ทวาย มะริดและตะนาวศรี

การสวรรคตของพระองค์เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.๒๓๒๕ ยังเป็นที่เคลือบแคลงโดยตลอด โดยบางส่วนเชื่อว่าพระองค์ถูกสำเร็จโทษ แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่เชื่อว่า พระองค์ได้รับการปล่อยตัวลงเรือสำเภาไปประทับที่เขาขุนพนม จังหวัดนครศรีธรรมราช และเสด็จสวรรคตในปี ๒๓๖๘  สถานที่พระองค์ไปประทับที่เขาขุนพนมก็ยังคงอยู่จนปัจจุบันนี้

พระมหากษัตริย์ไทยหลายพระองค์ได้ขยายอาณาเขตโดยเอาเลือดเนื้อและชีวิตเข้าแลกเพื่อให้ลูกหลานไทยได้คงอยู่ จึงไม่มีเหตุผลอันใดที่รัฐบาลปัจจุบันจะไม่พยายามปกป้องและรักษาผืนแผ่นดินไทยไว้ไม่ให้มีการสูญเสียแม้แต่กระเบียดนิ้ว เช่น เรื่องเกาะกูดที่เป็นปัญหาอยู่ รวมทั้งต้องไม่ยินยอมอย่างเด็ดขาดที่จะให้ทรัพยากรใดๆ ก็ตาม ไม่ว่าจะอยู่บนบกหรือใต้ทะเล ในพื้นที่ที่เป็นของประเทศไทย ได้ถูกแบ่งปันจัดสรรให้กับประเทศอื่นเป็นอันขาด และหากยังมีความพยายามที่จะกระทำการเช่นนั้นก็อาจจะกล่าวได้ว่าท่านได้กระทำการที่ถือว่าเป็นการทรยศต่อประเทศชาติของตัวเอง

ปิยะ เนตรวิเชียร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
21:55 น. เสียงกรี๊ดสนั่นโดม! แม่ทัพภาคที่ 2 ขวัญใจโซเชียล พบปะนักเรียนชายแดน อย่างเป็นกันเอง
21:32 น. (ว่าที่)สะใภ้นายกฯกริบ! 'เพลง ชนม์ทิดา'อัพสตอรีออกกำลังกาย ไร้โมเมนต์อวยพรวันเกิด'อนุทิน'
21:29 น. หนึ่งเดียวในเอเชีย! 'บิว'ทะยานรอบรองกรีฑาโลก (ชมคลิป)
21:16 น. ชื่นมื่น!!! แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ร่วมเบิร์ธเดย์ 59 ปี 'อนุทิน' อวยพรเป็นนายกฯอีก 4 ปี
20:51 น. 'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' ชี้ 'เนปาลโมเดล' คือบทเรียนความวุ่นวาย จากการแทรกแซงของตะวันตก
ดูทั้งหมด
โพสต์เด็ด! 'อาร์ต พศุตม์'พูดถึง'ทักษิณ'หลังศาลสั่งจำคุก 1 ปี
เกิดอะไรขึ้น? 'เปิ้ล นาคร'ออกประกาศร่อนจดหมายปลดพนักงาน
น้ำตาคลอทั้งโซเชียล! 'เกลือ'ตั้งคำถาม'ทำไมทหารพรานต้องใส่ชุดดำ' ได้คำตอบสุดสะเทือนใจ
'เป๊ก-เพลง'ไปต่อหรือพอแค่นี้? วงในเมาท์แรงหลังจัดตั้งครม. รู้เรื่อง!
เช็คที่นี่!เปิด 32 รายชื่อ‘โผครม.อนุทิน1’ส่งตรวจคุณสมบัติ คาดสัปดาห์นี้นำขึ้นทูลเกล้าฯ
ดูทั้งหมด
เพ้อพล่ามตามแบบคนสอนหนังสือที่เลื่อนลอย
บุคคลแนวหน้า : 14 กันยายน 2568
อาหารทะเลกับสารอาหารต่างๆ
ว่าด้วยเรื่อง ‘เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา’
ไทยแพ้เกมกัมพูชาในเชิงการทูต
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เสียงกรี๊ดสนั่นโดม! แม่ทัพภาคที่ 2 ขวัญใจโซเชียล พบปะนักเรียนชายแดน อย่างเป็นกันเอง

(ว่าที่)สะใภ้นายกฯกริบ! 'เพลง ชนม์ทิดา'อัพสตอรีออกกำลังกาย ไร้โมเมนต์อวยพรวันเกิด'อนุทิน'

หนึ่งเดียวในเอเชีย! 'บิว'ทะยานรอบรองกรีฑาโลก (ชมคลิป)

ดาราดัง'โอ๊ต วรวุฒิ'พูดตรงๆหาเงินใช้หนี้ ประกาศขายที่ดิน3ไร่ที่ชะอำ

ปืนโหด!ถล่มเจ้าป่ายับ3-0ขึ้นฝูงชั่วคราว

'ภท.'คึกคักช่วงเย็น! 'นิพนธ์'กระซิบอวยพร 'อนุทิน' ส่งโค้ดลับ 4+4 นั่งนายกฯ 4 เดือน + 4 ปี

  • Breaking News
  • เสียงกรี๊ดสนั่นโดม! แม่ทัพภาคที่ 2 ขวัญใจโซเชียล พบปะนักเรียนชายแดน อย่างเป็นกันเอง เสียงกรี๊ดสนั่นโดม! แม่ทัพภาคที่ 2 ขวัญใจโซเชียล พบปะนักเรียนชายแดน อย่างเป็นกันเอง
  • (ว่าที่)สะใภ้นายกฯกริบ! \'เพลง ชนม์ทิดา\'อัพสตอรีออกกำลังกาย ไร้โมเมนต์อวยพรวันเกิด\'อนุทิน\' (ว่าที่)สะใภ้นายกฯกริบ! 'เพลง ชนม์ทิดา'อัพสตอรีออกกำลังกาย ไร้โมเมนต์อวยพรวันเกิด'อนุทิน'
  • หนึ่งเดียวในเอเชีย! \'บิว\'ทะยานรอบรองกรีฑาโลก (ชมคลิป) หนึ่งเดียวในเอเชีย! 'บิว'ทะยานรอบรองกรีฑาโลก (ชมคลิป)
  • ชื่นมื่น!!! แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ร่วมเบิร์ธเดย์ 59 ปี \'อนุทิน\' อวยพรเป็นนายกฯอีก 4 ปี ชื่นมื่น!!! แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ร่วมเบิร์ธเดย์ 59 ปี 'อนุทิน' อวยพรเป็นนายกฯอีก 4 ปี
  • \'อดีตบิ๊กข่าวกรอง\' ชี้ \'เนปาลโมเดล\' คือบทเรียนความวุ่นวาย จากการแทรกแซงของตะวันตก 'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' ชี้ 'เนปาลโมเดล' คือบทเรียนความวุ่นวาย จากการแทรกแซงของตะวันตก
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

แย่งชิงบ้านเมือง เพื่อใคร

แย่งชิงบ้านเมือง เพื่อใคร

8 ก.ย. 2568

ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อชาติหรือเพื่อใคร

ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อชาติหรือเพื่อใคร

1 ก.ย. 2568

ไทยจะยอมเป็นม้าอารีอีกต่อไปหรือ

ไทยจะยอมเป็นม้าอารีอีกต่อไปหรือ

18 ส.ค. 2568

พันท้ายนรสิงห์ กับนักการเมืองในปัจจุบัน

พันท้ายนรสิงห์ กับนักการเมืองในปัจจุบัน

11 ส.ค. 2568

ทหาร ผู้ปกป้องและรักษาชาติ

ทหาร ผู้ปกป้องและรักษาชาติ

4 ส.ค. 2568

หรือไทยจะต้องพิชิตศึกละแวกอีกครั้ง

หรือไทยจะต้องพิชิตศึกละแวกอีกครั้ง

28 ก.ค. 2568

คนไทยจะไม่ยอมให้ใครรุกรานดินแดน

คนไทยจะไม่ยอมให้ใครรุกรานดินแดน

21 ก.ค. 2568

นิรโทษกรรมทำเพื่อใคร

นิรโทษกรรมทำเพื่อใคร

14 ก.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved