ภาคใต้ประสบภัยน้ำท่วม แต่“แพทองธาร ชินวัตร”นายกรัฐมนตรี ไปลั้ลลาอยู่เชียงใหม่ เพื่อประชุม“ครม.สัญจร”นัดแรกในรัฐบาลของเธอ พร้อมตรวจราชการที่จังหวัดเชียงใหม่ และเชียงรายหลังได้รับการฟื้นฟูจากเคยประสบภัยน้ำท่วม ที่ชาวบ้านกลับมาใช้ชีวิตได้เกือบจะปกติ เพราะกำลังพลทหาร และภาคประชาชนจิตอาสาเป็นหลัก
คนที่เป็นหัวแรงสำคัญซึ่งอยู่ในพื้นที่ตลอด จากวันแรกที่อำเภอแม่สายจมอยู่ใต้น้ำและดินโคลนที่ถูกน้ำพัดพามา จนกลับมาอยู่ในสภาพที่เกือบจะสู่ภาวะปกติใหม่ได้ ที่ต้องกล่าวถึงก็คือ “บิ๊กเล็ก” หรือ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ที่มีความใกล้ชิดกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และเคยเป็นอดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ อันจะต้องหมายเหตุไว้ด้วยว่า ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมในรัฐบาลชุดนี้ของ“บิ๊กเล็ก” ก็เป็นโควต้าของพรรครวมไทยสร้างชาติ
ในช่วง“วิกฤตโควิด-19”สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้น พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ซึ่งเวลานั้นนั่งเก้าอี้เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ถือว่าเป็น“มือทำงาน”ที่เป็นฟันเฟืองสำคัญของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เป็นมือทำงานของรัฐบาลในฐานะที่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เป็นผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดฯ หรือ ผอ.ศปก.ศบค. ที่ทำให้ประเทศไทยผ่านวิกฤตโควิดมาได้ โดยที่ทั่วโลกและองค์การอนามัยโลก (WHO) ยกย่องว่าประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีประสิทธิภาพในการรับมือและแก้ไขวิกฤต..และ WHO ได้นำรูปแบบการจัดการของประเทศไทยไปพัฒนาต่อยอด
น้ำท่วมภาคใต้คราวนี้ก็เหมือนกัน..พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้บินด่วนลงไปภาคใต้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายนเมื่อวานนี้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีไอแพด-แพทองธาร ชินวัตร บินขึ้นไปภาคเหนือตามกำหนดการ..ระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน-1 ธันวาคม 2567
และอันที่จริงแล้ว “แพทองธาร ชินวัตร”นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำของประเทศ ควรจะต้องเป็นตัวหลักและเป็นขวัญกำลังใจให้แก่ประชาชนที่ประสบภัยได้รู้สึกอุ่นใจ แม้ว่าจะมีกำหนดการเดิมอยู่แล้วก็ตาม เพราะขนาดว่า..การประชุม ครม.ก็ยังเลื่อนการประชุมมาแล้ว
ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะบินขึ้นไปจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงรายในช่วงนี้..แล้วก็ไปลั้ลลาถ่ายรูปสร้างภาพแบบกินอาหารเมือง และสวมชุดเสื้อผ้าฝ้ายทอมือย้อมสีธรรมชาติด้วยครั่งสีชมพูบานเย็น ที่มีการตัดเย็บเตรียมไว้ให้แล้ว
เวลานี้ มี 7 จังหวัดในภาคใต้ที่ประสบกับสถานการณ์อุทกภัย นอกจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือปัตตานี, ยะลา, นราธิวาส ที่อยู่ในสภาพ“จมใต้บาดาล”และประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติแล้ว..อีก 4 จังหวัดก็มี สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา และสตูล
รวมพื้นที่ประสบอุกทกภัยทั้งหมด 50 อำเภอ 321 ตำบล 1,884 หมู่บ้าน..ประชาชนได้รับผลกระทบ 136,219 ครัวเรือน..ซึ่งในเบื้องต้นนี้ที่จังหวัดปัตตานีมีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย..ในฐานะที่“มาดามแพ”เป็นผู้นำรัฐบาลจะต้องใส่ใจอย่างจริงจัง..ไม่ใช่เพียงแค่ใช้ปากบอกว่า“ส่งกำลังใจและความห่วงใย”ไปให้..หรือใช้ให้นายภูมิธรรม เวชยชัย เป็น“นายกฯตัวแทน”สั่งการให้ทุกกระทรวงทบวงกรมที่เกี่ยวข้องดูแลประชาชนที่ประสบภัย
ใครก็รู้ว่า“มาดามแพ”ขึ้นไปประชุม ครม.สัญจรที่จังหวัดเชียงใหม่ และตรวจพื้นที่ทั้งที่จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงราย รวมทั้งมีภารกิจหลายอย่างที่เปรียบเสมือนแค่“ผักชีโรยหน้า”..เป้าหมายสำคัญก็คือ เพื่อไปเรียกฐานคะแนนนิยมที่ถูกพรรคประชาชนช่วงชิงไปกลับคืนมา
เพราะทั้งสองจังหวัดหัวเมืองภาคเหนือนี้ เป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคเพื่อไทยมาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย และพรรคเพื่อไทยได้เสียที่นั่ง สส.ให้แก่พรรคประชาชน จากการเลือกตั้งครั้งล่าสุดเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2566..โดยที่จังหวัดเชียงใหม่จาก สส.10 คน ได้มาแค่ 2 คน และเชียงรายจาก 7 คน ถูกสอยไป 3 คน
เช่นเดียวกับอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดา กำลังโหมบุกในภาคอีสานเวลานี้ หลังจากก่อนหน้านี้ได้ไปปักธงที่จังหวัดอุดรธานีจากการไปช่วยหาเสียงเลือกตั้ง นายก อบจ.อุดรธานี“เมืองหลวงคนเสื้อแดง”เป็นแห่งแรก
โดยในวันที่ 11 ธันวาคมเดือนหน้า..“ทักษิณ ชินวัตร”มีกำหนดการจะไปจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งตรงกับวันที่มีการเปิดรับสมัครผู้สมัครนายก อบจ.อุบลราชธานี โดยพรรคเพื่อไทยจะส่งนายกานต์ กัลป์ตินันท์ อดีตนายก อบจ.อุบลราชธานี ลงสมัครอีกหนึ่งสมัย
จากนั้นในวันที่ 23 ธันวาคมก็จะโฉบขึ้นไปจังหวัดเชียงใหม่..เพื่อช่วยหาเสียงให้แก่ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ ของพรรคเพื่อไทย และก่อนปีใหม่ช่วงปลายเดือนธันวาคมก็จะวกกลับไปที่ภาคอีสานอีกครั้ง..โดยมีกำหนดการลงพื้นที่ช่วยหาเสียงให้แก่ผู้สมัครนายก อบจ.ศรีสะเกษ ของพรรคเพื่อไทย
ความเคลื่อนไหวของสองพ่อลูกคู่นี้ ก็เหมือนการใช้ยุทธศาสตร์“แยกกันเดิน-รวมกันตี”เพื่อไปสู่เป้าหมายเดียวกัน.. คือกู้ฐานคะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทยในจังหวัดภาคเหนือและภาคอีสานกลับคืนมาสำหรับการเลือกตั้งสมัยหน้า..โดยไม่ให้หมิ่นเหม่ต่อการกระทำที่ผิดกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง..เรื่อง“การครอบงำและชี้นำ”พรรคการเมือง
นั่นก็คือ-พรรคเพื่อไทยต้องการกวาดที่นั่ง สส.แบบ“แลนด์สไลด์”..เพื่อจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวเหมือนพรรคไทยรักไทยในอดีต !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี