วันจันทร์ ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / มองอย่างไท
มองอย่างไท

มองอย่างไท

ปิยะ เนตรวิเชียร
วันจันทร์ ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2567, 02.00 น.
ถึงเวลาหรือยัง ที่ประชาชนและทหารต้องปกปักรักษาชาติ

ดูทั้งหมด

  •  

ประเทศไทย ดำรงความเป็นชาติมาได้จนถึงทุกวันนี้ก็เพราะมีพระมหากษัตริย์ เป็นผู้ปกครองประเทศ หากนับตั้งแต่อาณาจักรสุโขทัยที่ปกครองโดยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์พระมหากษัตริย์พระองค์ที่ ๑ แห่งราชวงศ์พระร่วง ก็เป็นระยะเวลาร่วม ๘๐๐ ปีแล้ว พระมหากษัตริย์เกือบทุกพระองค์เป็นจอมทัพในการต่อสู้เพื่อขยายพระราชอาณาเขตและป้องกันศัตรูผู้รุกราน ด้วยความเสียสละ ด้วยเลือดเนื้อ และแม้แต่ชีวิต

ชายไทยทุกคนไม่ว่าจะเกิดในยุคสมัยของกษัตริย์พระองค์ใดก็ตาม เมื่อเติบโตเจริญวัยขึ้นก็มีโอกาสจะได้รับการฝึกฝนการใช้อาวุธเพื่อใช้ในการต่อสู้ ทั้งป้องกันตัวเองและต่อสู้กับศัตรูผู้รุกราน เมื่อถึงยามศึกสงครามก็จะถูกระดมเข้าไปอยู่ในกองทัพเพื่อเข้าร่วมรบ


ส่วนหนึ่งของชายตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยหนุ่มฉกรรจ์ จะมีโอกาสเข้าไปรับใช้ ใกล้ชิดกับขุนนางที่เป็นนักรบ หรือแม้แต่ใกล้ชิดได้ถวายงานกับองค์พระมหากษัตริย์ ซึ่งจะทำให้มีโอกาสในการฝึกฝนการใช้อาวุธในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นดาบ ทั้งมือเดียวและสองมือ หอก ทวน ขวาน รวมทั้งศิลปะมวยไทยเพื่อใช้ในการต่อสู้

ขุนนางที่ได้มีโอกาสรับใช้ใกล้ชิดองค์พระมหากษัตริย์ก็จะได้รับการแต่งตั้งให้ มียศถาบรรดาศักดิ์รวมทั้งศักดินา ซึ่งหมายถึงการได้ครอบครองที่ดินที่องค์พระมหากษัตริย์จะพระราชทานให้ตามความสามารถ ลำดับชั้น และฐานะ

เมื่อสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ พระเจ้าอู่ทอง ได้ขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ ๑ ของอาณาจักรอยุธยานั้น ต้องถือได้ว่าได้มีการปฏิรูปและจัดระเบียบ
รูปแบบของการปกครองที่มีความชัดเจนมากขึ้นกว่าในยุคที่ผ่านมา มีรูปแบบการปกครองที่เรียกว่าจตุสดมภ์ ที่ประกอบไปด้วย เวียง วัง คลัง และนา มีขุนนางที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบในเรื่องของการดูแลเรื่องของเมือง 
เรื่องของวัง เรื่องของทรัพย์สินของพระมหากษัตริย์และแผ่นดิน และเรื่องของพื้นที่ทำกิน ได้แก่ ไร่นาและสวนทั้งหลาย

ขุนนางในสมัยอยุธยาตอนต้นจะมีบรรดาศักดิ์ซึ่งพระมหากษัตริย์พระราชทานให้ ๘ ระดับ ระดับล่างสุดคือพัน แล้วไล่ขึ้นไปเป็นจ่า ขุน หลวง จมื่น พระ เจ้าหมื่น และออกญาหรือพระยาซึ่งเป็นบรรดาศักดิ์สูงสุด ที่ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย เป็น หมู่ พัน หมื่น ขุน หลวง พระ พระยา เจ้าพระยา  ซึ่งต่อมา ในสมัยกรุงธนบุรีและรัตนโกสินทร์ได้มีการปรับเพิ่มตำแหน่งสูงสุดให้เป็นสมเด็จเจ้าพระยา

ขุนนางที่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นสมเด็จเจ้าพระยาคนแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทยคือ สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก(ทองด้วง) ที่ต่อมาได้ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เป็นปฐมกษัตริย์ พระองค์แรกของอาณาจักรรัตนโกสินทร์และราชวงศ์จักรี พระองค์ได้สร้างชาติ ให้มีความเจริญรุ่งเรืองสืบต่อมาจากสมัยของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี หรือพระเจ้าตากสินมหาราช พระองค์มีความสามารถในการรบเป็นอย่างยิ่งได้ปราบแว่นแคว้นต่างๆ ที่อยู่โดยรอบ ผ่านศึกสงครามใหญ่ที่เรียกกันว่าสงคราม ๙ ทัพ นำชัยชนะมาสู่ชาติไทย ซึ่งทำให้ในภายหลังได้รับสมัญญานามว่ามหาราช

การแต่งตั้งแม่ทัพนายกองของทหารทั้งหลายนั้น จึงเห็นได้ว่าในอดีตที่ผ่านมา พระมหากษัตริย์จะมีบทบาทสูงสุดที่จะพิจารณาโปรดเกล้าฯโดยเฉพาะในการยกทัพออกไปรบ ให้ผู้ใดขึ้นเป็นแม่ทัพ ซึ่งในการรบแต่ละครั้งนั้นจะมีการจัดรูปแบบทัพเป็นลักษณะต่างๆ เช่นเป็นทัพหน้า ทัพหลวง และทัพหลัง เป็นต้น

ยศถาบรรดาศักดิ์และตำแหน่งทางทหารแบบเดิมนี้ ถูกใช้มาจนถึงสมัยของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราช พระมหากษัตริย์พระองค์ที่ ๔ ของอาณาจักรรัตนโกสินทร์ อันเนื่องมาจากการที่พระองค์ได้เสด็จประพาสเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศต่างๆในแถบยุโรปเป็นอย่างมาก รวมทั้งได้ส่งพระราชโอรสหลายพระองค์ไปศึกษายังต่างประเทศในด้านต่างๆ ทั้งด้านการทหาร และการเมือง เพื่อให้กลับมาสานต่อในการบูรณะพัฒนาประเทศชาติ จึงได้เห็นรูปแบบของการจัดการกองทัพแบบใหม่ จึงทรงนำมาใช้ในประเทศไทย

ได้มีการกำหนดยศชั้นของทหารและแยกออกจากบรรดาศักดิ์อย่างชัดเจน โดยได้โปรดเกล้าฯให้ตราพระราชบัญญัติสำหรับลำดับยศนายทหารบกขึ้นในปีพ.ศ. ๒๔๓๑ ตามแบบอารยประเทศ และต่อมาก็มีการจัดระเบียบยศทหารเรือ โดยอนุโลมตามแบบของกองทัพบก และเมื่อมีการจัดตั้งกองทัพอากาศในสมัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ ๘ ก็มีการจัดยศโดยอนุโลมตามแบบของกองทัพเรือ ยศทหารไทยนั้นปัจจุบันมีกฎหมายรองรับคือพระราชบัญญัติยศทหาร พ.ศ.๒๔๗๙

กองทัพบกไทยถูกก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม พ.ศ. ๒๔๑๗ เพื่อให้เป็นกองทัพสมัยใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจะรับมือกับการคุกคามรูปแบบใหม่ จากอังกฤษภายหลังการทำสนธิสัญญาเบาว์ริง เป็นเหล่าทัพที่มีประวัติความเป็นมายาวนานที่สุด และมีขนาดใหญ่ที่สุดของกองทัพไทย

สำหรับกองทัพบกไทยนั้น ผู้บัญชาการทหารบกท่านแรกคือสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ พระราชโอรสของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ และเป็นพระราชอนุชาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงได้รับพระราชทานยศทางทหารเป็นพลเอกด้วย และท่านยังได้รับการยอมรับว่าเป็นพระบิดาแห่งประวัติศาสตร์ไทย

การแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล ตั้งแต่พลตรีขึ้นไปของทุกเหล่าทัพ ในปัจจุบันนี้จะมีคณะกรรมการระดับส่วนราชการพิจารณานำเสนอรายชื่อผ่านไปยังคณะกรรมการ พิจารณาแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน และมีกรรมการประกอบด้วยผู้บัญชาการทหารสูงสุดผู้บัญชาการเหล่าทัพ และปลัดกระทรวงกลาโหมเป็นกรรมการและเลขานุการ ให้ความเห็นชอบและนำเสนอนายกรัฐมนตรี เพื่อนำความกราบบังคมทูลให้พระมหากษัตริย์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง เป็นอันสิ้นสุด

การที่รัฐบาลชุดปัจจุบัน ได้กระทำการที่ดูเหมือนจะแทรกแซงกิจการของกองทัพในลักษณะคล้ายการโยนหินถามทาง ด้วยการให้ผู้แทนของพรรคคนหนึ่ง เสนอร่างแก้ไขพระราชบัญญัติการจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล แต่เมื่อเกิดกระแสต่อต้านและไม่เห็นด้วย ทั้งจากผู้นำของพรรคร่วมรัฐบาล และกระแสครุกรุ่นจากกองทัพที่ส่งสัญญาณออกมา จึงยอมถอย นับเป็นเรื่องการกระทำที่ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง แต่มองถึงประโยชน์ของส่วนตนและประโยชน์ของพรรคเป็นหลักซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง

เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าผลงานที่ผ่านมาแล้วมากกว่า ๓ เดือนของรัฐบาลชุดนี้ เรียกได้ว่าไม่มีอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันที่จะเกิดประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง เพราะมีแต่เรื่องที่พยายามจะแก้กฎหมายต่างๆ รวมทั้งรัฐธรรมนูญที่ยังมีหัวข้อหรือประเด็นในการที่จะขัดขวางการบริหารบ้านเมืองตามแนวทางของพรรคหรือการลงโทษนักการเมืองที่ทำผิด ให้ไม่ได้รับโทษหรือมีโทษน้อยลง นอกเหนือจากนั้นก็เป็นการจัดทำ นโยบายประชานิยม เพียงเพื่อมุ่งหาเสียงให้กับพรรคของตนเองเท่านั้น แต่ใช้เงินของประเทศชาติที่ก็ไม่ได้มีอยู่มากมายนัก ทั้งๆ ที่ขณะนี้หนี้สินครัวเรือนก็อยู่ที่ระดับ ๙๐% ของ GDP และหนี้สาธารณะก็อยู่ที่ระดับ ๖๔% ซึ่งเป็นอัตราที่มีความสุ่มเสี่ยงต่อการทรุดโทรมทางเศรษฐกิจของชาติ

การแถลงผลงานในรอบ ๓ เดือนของนายกรัฐมนตรีหญิงที่ขาดประสบการณ์ ในการบริหารบ้านเมือง รวมทั้งยังมีปัญหาเรื่องวุฒิภาวะ ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าสิ่งที่นำมาแถลงนั้น ไม่แสดงให้เห็นผลงานที่จะทำให้ประเทศชาติเจริญก้าวหน้าได้แต่อย่างใด และยังดูเหมือนจะพยายามที่จะลดบทบาทหรือบ่อนทำลายองค์กรอิสระ อาทิ ศาล ป.ป.ช. เนื้อหาของการแถลงส่วนใหญ่กลับกลายเป็นเรื่องของนโยบายว่าจะทำอะไรต่อไป ทั้งนี้น่าจะเป็นไปตามการครอบงำของอดีตนายกฯที่ต้องโทษคดีทุจริตคอร์รัปชั่น ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องประชานิยมอีก ซึ่งจะเกิดขึ้นและเป็นจริงได้หรือไม่ เป็นเรื่องที่จะต้องพิสูจน์ แต่จะทันเวลาก่อนที่ประเทศเสียหายไปมากกว่านี้ หรือไม่ ยังเป็นเรื่องที่น่าสงสัย

แต่เรื่องที่เป็นเสมือนตลกร้ายก็ได้เกิดขึ้นในการแถลงผลงานครั้งนี้ด้วย คือการเสนออาชีพใหม่ให้กับประชาชน คืออาชีพขุดลอกคูคลองเพื่อนำดินโคลน ไปขาย โดยอ้างว่าจะทำให้เกิดอาชีพใหม่ๆ ติดตามมาด้วย

เชื่อว่าประชาชนคนที่รักบ้านเมืองและไม่ตกอยู่ในอำนาจประชานิยม รวมทั้ง ทหารซึ่งมีหน้าที่นอกจากการรักษาอธิปไตยของชาติ ยังต้องปกปัก
รักษาบ้านเมืองด้วย จะไม่สามารถยอมรับการบริหารบ้านเมืองของรัฐบาลชุดนี้ได้นานนัก

 

ปิยะ เนตรวิเชียร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
13:08 น. (คลิป) สะท้านทั้งโลก! จับตาราคาน้ำมัน 'อิหร่าน'ปิด'ช่องแคบฮอร์มุซ'
13:04 น. (คลิป) DNA'ลุงตู่'หายไปไหน? 'รทสช.'หนุน'อุ๊งอิ๊งค์'นั่งนายกฯต่อ!!
13:01 น. Real Friends วงอีโม/ป็อปพังก์ เตรียมแสดงสด กรุงเทพฯ ครั้งแรก 12 ส.ค. นี้!
12:59 น. ซิ่งจยย.ลงดอยแม่ฟ้าหลวง ขนยาบ้าคันละกระสอบ ทหารพรานสกัดยึด4.2แสนเม็ด
12:53 น. นิตยสาร Mint ฉลองครบรอบ 5 ปี ชวน‘กลัฟ-ขุนพล-เอเอ’ เปิดงานนิทรรศการ
ดูทั้งหมด
ค้นพบ'พญาครุฑ'130ล้านปี สัตว์เลื้อยคลานบินได้ ตัวแรกของไทยในภาคอีสาน
'ญี่ปุ่น'อัปเกรดพันธมิตร! เตรียมส่ง'ยุทโธปกรณ์'เสริมเขี้ยวเล็บไทย-7ชาติ
(คลิป) เอาแล้ว! 'พล.ท.ภราดร' ฟันโช๊ะ ได้เห็นอวสาน 2 ตระกูล ปม 'ไทย-กัมพูชา' แน่ๆ
‘ยูเอ็น’ยังกังวล! รายงานชี้‘กัมพูชา’หลายเมืองกลายเป็นแหล่งซ่องสุม'โจรออนไลน์'
'กัมพูชา'สั่งลงดาบ! เพิกถอนใบอนุญาต2สำนักข่าวดัง ฐานละเมิดจริยธรรม-กฎหมายสื่อ
ดูทั้งหมด
ผู้นำอัปยศ กรรมของชาติ คนไทยยังทนได้หรือ
เฮือกสุดท้ายของ‘โมฆสตรี-แพทองธาร’
ราคาที่ต้องจ่าย
เสื่อม
จุดจบตระกูลเหลี่ยม (3)
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

(คลิป) DNA'ลุงตู่'หายไปไหน? 'รทสช.'หนุน'อุ๊งอิ๊งค์'นั่งนายกฯต่อ!!

ซิ่งจยย.ลงดอยแม่ฟ้าหลวง ขนยาบ้าคันละกระสอบ ทหารพรานสกัดยึด4.2แสนเม็ด

'สุดารัตน์'เหน็บรัฐบาล หลังแบ่งชามข้าวเสร็จ อย่าลืมแบ่งประชาชนกิน-ใช้บ้าง

กระบะซุก41แรงงานเถื่อน แหกด่านหนีจับกุม รถติดหล่มโดนรวบยกชุด

'ภูมิธรรม'ไม่หวั่น'อิ๊งค์'โดนสว.ยื่นศาลรธน.ถอดถอน โวหลังปรับครม.รัฐบาลแกร่งกว่าเดิม

ยังไร้แต้ม! 'ก้อง-สมเกียรติ'เข้าป้ายที่18MotoGPมูเจลโล

  • Breaking News
  • (คลิป) สะท้านทั้งโลก! จับตาราคาน้ำมัน \'อิหร่าน\'ปิด\'ช่องแคบฮอร์มุซ\' (คลิป) สะท้านทั้งโลก! จับตาราคาน้ำมัน 'อิหร่าน'ปิด'ช่องแคบฮอร์มุซ'
  • (คลิป) DNA\'ลุงตู่\'หายไปไหน? \'รทสช.\'หนุน\'อุ๊งอิ๊งค์\'นั่งนายกฯต่อ!! (คลิป) DNA'ลุงตู่'หายไปไหน? 'รทสช.'หนุน'อุ๊งอิ๊งค์'นั่งนายกฯต่อ!!
  • Real Friends วงอีโม/ป็อปพังก์ เตรียมแสดงสด กรุงเทพฯ ครั้งแรก 12 ส.ค. นี้! Real Friends วงอีโม/ป็อปพังก์ เตรียมแสดงสด กรุงเทพฯ ครั้งแรก 12 ส.ค. นี้!
  • ซิ่งจยย.ลงดอยแม่ฟ้าหลวง ขนยาบ้าคันละกระสอบ ทหารพรานสกัดยึด4.2แสนเม็ด ซิ่งจยย.ลงดอยแม่ฟ้าหลวง ขนยาบ้าคันละกระสอบ ทหารพรานสกัดยึด4.2แสนเม็ด
  • นิตยสาร Mint ฉลองครบรอบ 5 ปี ชวน‘กลัฟ-ขุนพล-เอเอ’ เปิดงานนิทรรศการ นิตยสาร Mint ฉลองครบรอบ 5 ปี ชวน‘กลัฟ-ขุนพล-เอเอ’ เปิดงานนิทรรศการ
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

ผู้นำอัปยศ กรรมของชาติ คนไทยยังทนได้หรือ

ผู้นำอัปยศ กรรมของชาติ คนไทยยังทนได้หรือ

23 มิ.ย. 2568

ทหาร จะปกป้องรักษาชาติ

ทหาร จะปกป้องรักษาชาติ

16 มิ.ย. 2568

แพทยสภา ต้องดำรงเกียรติ ศักดิ์ศรีและจริยธรรมแห่งวิชาชีพ

แพทยสภา ต้องดำรงเกียรติ ศักดิ์ศรีและจริยธรรมแห่งวิชาชีพ

9 มิ.ย. 2568

แผ่นดินไทย ต้องเป็นของไทย

แผ่นดินไทย ต้องเป็นของไทย

2 มิ.ย. 2568

อย่ายอมให้เขมรรุกรานแผ่นดินไทย

อย่ายอมให้เขมรรุกรานแผ่นดินไทย

26 พ.ค. 2568

ชาติจะเสียหาย หากยังฝืนทำต่อไป

ชาติจะเสียหาย หากยังฝืนทำต่อไป

19 พ.ค. 2568

แพทย์ พึงรักษาศักดิ์ศรีและจริยธรรมแห่งวิชาชีพ

แพทย์ พึงรักษาศักดิ์ศรีและจริยธรรมแห่งวิชาชีพ

12 พ.ค. 2568

เศรษฐกิจไทย จะล่มสลายหรือไม่

เศรษฐกิจไทย จะล่มสลายหรือไม่

5 พ.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved