วันพุธ ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / มองอย่างไท
มองอย่างไท

มองอย่างไท

ปิยะ เนตรวิเชียร
วันจันทร์ ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2567, 02.00 น.
ถึงเวลาหรือยัง ที่ประชาชนและทหารต้องปกปักรักษาชาติ

ดูทั้งหมด

  •  

ประเทศไทย ดำรงความเป็นชาติมาได้จนถึงทุกวันนี้ก็เพราะมีพระมหากษัตริย์ เป็นผู้ปกครองประเทศ หากนับตั้งแต่อาณาจักรสุโขทัยที่ปกครองโดยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์พระมหากษัตริย์พระองค์ที่ ๑ แห่งราชวงศ์พระร่วง ก็เป็นระยะเวลาร่วม ๘๐๐ ปีแล้ว พระมหากษัตริย์เกือบทุกพระองค์เป็นจอมทัพในการต่อสู้เพื่อขยายพระราชอาณาเขตและป้องกันศัตรูผู้รุกราน ด้วยความเสียสละ ด้วยเลือดเนื้อ และแม้แต่ชีวิต

ชายไทยทุกคนไม่ว่าจะเกิดในยุคสมัยของกษัตริย์พระองค์ใดก็ตาม เมื่อเติบโตเจริญวัยขึ้นก็มีโอกาสจะได้รับการฝึกฝนการใช้อาวุธเพื่อใช้ในการต่อสู้ ทั้งป้องกันตัวเองและต่อสู้กับศัตรูผู้รุกราน เมื่อถึงยามศึกสงครามก็จะถูกระดมเข้าไปอยู่ในกองทัพเพื่อเข้าร่วมรบ


ส่วนหนึ่งของชายตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยหนุ่มฉกรรจ์ จะมีโอกาสเข้าไปรับใช้ ใกล้ชิดกับขุนนางที่เป็นนักรบ หรือแม้แต่ใกล้ชิดได้ถวายงานกับองค์พระมหากษัตริย์ ซึ่งจะทำให้มีโอกาสในการฝึกฝนการใช้อาวุธในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นดาบ ทั้งมือเดียวและสองมือ หอก ทวน ขวาน รวมทั้งศิลปะมวยไทยเพื่อใช้ในการต่อสู้

ขุนนางที่ได้มีโอกาสรับใช้ใกล้ชิดองค์พระมหากษัตริย์ก็จะได้รับการแต่งตั้งให้ มียศถาบรรดาศักดิ์รวมทั้งศักดินา ซึ่งหมายถึงการได้ครอบครองที่ดินที่องค์พระมหากษัตริย์จะพระราชทานให้ตามความสามารถ ลำดับชั้น และฐานะ

เมื่อสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ พระเจ้าอู่ทอง ได้ขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ ๑ ของอาณาจักรอยุธยานั้น ต้องถือได้ว่าได้มีการปฏิรูปและจัดระเบียบ
รูปแบบของการปกครองที่มีความชัดเจนมากขึ้นกว่าในยุคที่ผ่านมา มีรูปแบบการปกครองที่เรียกว่าจตุสดมภ์ ที่ประกอบไปด้วย เวียง วัง คลัง และนา มีขุนนางที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบในเรื่องของการดูแลเรื่องของเมือง 
เรื่องของวัง เรื่องของทรัพย์สินของพระมหากษัตริย์และแผ่นดิน และเรื่องของพื้นที่ทำกิน ได้แก่ ไร่นาและสวนทั้งหลาย

ขุนนางในสมัยอยุธยาตอนต้นจะมีบรรดาศักดิ์ซึ่งพระมหากษัตริย์พระราชทานให้ ๘ ระดับ ระดับล่างสุดคือพัน แล้วไล่ขึ้นไปเป็นจ่า ขุน หลวง จมื่น พระ เจ้าหมื่น และออกญาหรือพระยาซึ่งเป็นบรรดาศักดิ์สูงสุด ที่ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย เป็น หมู่ พัน หมื่น ขุน หลวง พระ พระยา เจ้าพระยา  ซึ่งต่อมา ในสมัยกรุงธนบุรีและรัตนโกสินทร์ได้มีการปรับเพิ่มตำแหน่งสูงสุดให้เป็นสมเด็จเจ้าพระยา

ขุนนางที่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นสมเด็จเจ้าพระยาคนแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทยคือ สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก(ทองด้วง) ที่ต่อมาได้ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เป็นปฐมกษัตริย์ พระองค์แรกของอาณาจักรรัตนโกสินทร์และราชวงศ์จักรี พระองค์ได้สร้างชาติ ให้มีความเจริญรุ่งเรืองสืบต่อมาจากสมัยของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี หรือพระเจ้าตากสินมหาราช พระองค์มีความสามารถในการรบเป็นอย่างยิ่งได้ปราบแว่นแคว้นต่างๆ ที่อยู่โดยรอบ ผ่านศึกสงครามใหญ่ที่เรียกกันว่าสงคราม ๙ ทัพ นำชัยชนะมาสู่ชาติไทย ซึ่งทำให้ในภายหลังได้รับสมัญญานามว่ามหาราช

การแต่งตั้งแม่ทัพนายกองของทหารทั้งหลายนั้น จึงเห็นได้ว่าในอดีตที่ผ่านมา พระมหากษัตริย์จะมีบทบาทสูงสุดที่จะพิจารณาโปรดเกล้าฯโดยเฉพาะในการยกทัพออกไปรบ ให้ผู้ใดขึ้นเป็นแม่ทัพ ซึ่งในการรบแต่ละครั้งนั้นจะมีการจัดรูปแบบทัพเป็นลักษณะต่างๆ เช่นเป็นทัพหน้า ทัพหลวง และทัพหลัง เป็นต้น

ยศถาบรรดาศักดิ์และตำแหน่งทางทหารแบบเดิมนี้ ถูกใช้มาจนถึงสมัยของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราช พระมหากษัตริย์พระองค์ที่ ๔ ของอาณาจักรรัตนโกสินทร์ อันเนื่องมาจากการที่พระองค์ได้เสด็จประพาสเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศต่างๆในแถบยุโรปเป็นอย่างมาก รวมทั้งได้ส่งพระราชโอรสหลายพระองค์ไปศึกษายังต่างประเทศในด้านต่างๆ ทั้งด้านการทหาร และการเมือง เพื่อให้กลับมาสานต่อในการบูรณะพัฒนาประเทศชาติ จึงได้เห็นรูปแบบของการจัดการกองทัพแบบใหม่ จึงทรงนำมาใช้ในประเทศไทย

ได้มีการกำหนดยศชั้นของทหารและแยกออกจากบรรดาศักดิ์อย่างชัดเจน โดยได้โปรดเกล้าฯให้ตราพระราชบัญญัติสำหรับลำดับยศนายทหารบกขึ้นในปีพ.ศ. ๒๔๓๑ ตามแบบอารยประเทศ และต่อมาก็มีการจัดระเบียบยศทหารเรือ โดยอนุโลมตามแบบของกองทัพบก และเมื่อมีการจัดตั้งกองทัพอากาศในสมัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ ๘ ก็มีการจัดยศโดยอนุโลมตามแบบของกองทัพเรือ ยศทหารไทยนั้นปัจจุบันมีกฎหมายรองรับคือพระราชบัญญัติยศทหาร พ.ศ.๒๔๗๙

กองทัพบกไทยถูกก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม พ.ศ. ๒๔๑๗ เพื่อให้เป็นกองทัพสมัยใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจะรับมือกับการคุกคามรูปแบบใหม่ จากอังกฤษภายหลังการทำสนธิสัญญาเบาว์ริง เป็นเหล่าทัพที่มีประวัติความเป็นมายาวนานที่สุด และมีขนาดใหญ่ที่สุดของกองทัพไทย

สำหรับกองทัพบกไทยนั้น ผู้บัญชาการทหารบกท่านแรกคือสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ พระราชโอรสของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ และเป็นพระราชอนุชาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงได้รับพระราชทานยศทางทหารเป็นพลเอกด้วย และท่านยังได้รับการยอมรับว่าเป็นพระบิดาแห่งประวัติศาสตร์ไทย

การแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล ตั้งแต่พลตรีขึ้นไปของทุกเหล่าทัพ ในปัจจุบันนี้จะมีคณะกรรมการระดับส่วนราชการพิจารณานำเสนอรายชื่อผ่านไปยังคณะกรรมการ พิจารณาแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน และมีกรรมการประกอบด้วยผู้บัญชาการทหารสูงสุดผู้บัญชาการเหล่าทัพ และปลัดกระทรวงกลาโหมเป็นกรรมการและเลขานุการ ให้ความเห็นชอบและนำเสนอนายกรัฐมนตรี เพื่อนำความกราบบังคมทูลให้พระมหากษัตริย์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง เป็นอันสิ้นสุด

การที่รัฐบาลชุดปัจจุบัน ได้กระทำการที่ดูเหมือนจะแทรกแซงกิจการของกองทัพในลักษณะคล้ายการโยนหินถามทาง ด้วยการให้ผู้แทนของพรรคคนหนึ่ง เสนอร่างแก้ไขพระราชบัญญัติการจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล แต่เมื่อเกิดกระแสต่อต้านและไม่เห็นด้วย ทั้งจากผู้นำของพรรคร่วมรัฐบาล และกระแสครุกรุ่นจากกองทัพที่ส่งสัญญาณออกมา จึงยอมถอย นับเป็นเรื่องการกระทำที่ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง แต่มองถึงประโยชน์ของส่วนตนและประโยชน์ของพรรคเป็นหลักซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง

เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าผลงานที่ผ่านมาแล้วมากกว่า ๓ เดือนของรัฐบาลชุดนี้ เรียกได้ว่าไม่มีอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันที่จะเกิดประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง เพราะมีแต่เรื่องที่พยายามจะแก้กฎหมายต่างๆ รวมทั้งรัฐธรรมนูญที่ยังมีหัวข้อหรือประเด็นในการที่จะขัดขวางการบริหารบ้านเมืองตามแนวทางของพรรคหรือการลงโทษนักการเมืองที่ทำผิด ให้ไม่ได้รับโทษหรือมีโทษน้อยลง นอกเหนือจากนั้นก็เป็นการจัดทำ นโยบายประชานิยม เพียงเพื่อมุ่งหาเสียงให้กับพรรคของตนเองเท่านั้น แต่ใช้เงินของประเทศชาติที่ก็ไม่ได้มีอยู่มากมายนัก ทั้งๆ ที่ขณะนี้หนี้สินครัวเรือนก็อยู่ที่ระดับ ๙๐% ของ GDP และหนี้สาธารณะก็อยู่ที่ระดับ ๖๔% ซึ่งเป็นอัตราที่มีความสุ่มเสี่ยงต่อการทรุดโทรมทางเศรษฐกิจของชาติ

การแถลงผลงานในรอบ ๓ เดือนของนายกรัฐมนตรีหญิงที่ขาดประสบการณ์ ในการบริหารบ้านเมือง รวมทั้งยังมีปัญหาเรื่องวุฒิภาวะ ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าสิ่งที่นำมาแถลงนั้น ไม่แสดงให้เห็นผลงานที่จะทำให้ประเทศชาติเจริญก้าวหน้าได้แต่อย่างใด และยังดูเหมือนจะพยายามที่จะลดบทบาทหรือบ่อนทำลายองค์กรอิสระ อาทิ ศาล ป.ป.ช. เนื้อหาของการแถลงส่วนใหญ่กลับกลายเป็นเรื่องของนโยบายว่าจะทำอะไรต่อไป ทั้งนี้น่าจะเป็นไปตามการครอบงำของอดีตนายกฯที่ต้องโทษคดีทุจริตคอร์รัปชั่น ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องประชานิยมอีก ซึ่งจะเกิดขึ้นและเป็นจริงได้หรือไม่ เป็นเรื่องที่จะต้องพิสูจน์ แต่จะทันเวลาก่อนที่ประเทศเสียหายไปมากกว่านี้ หรือไม่ ยังเป็นเรื่องที่น่าสงสัย

แต่เรื่องที่เป็นเสมือนตลกร้ายก็ได้เกิดขึ้นในการแถลงผลงานครั้งนี้ด้วย คือการเสนออาชีพใหม่ให้กับประชาชน คืออาชีพขุดลอกคูคลองเพื่อนำดินโคลน ไปขาย โดยอ้างว่าจะทำให้เกิดอาชีพใหม่ๆ ติดตามมาด้วย

เชื่อว่าประชาชนคนที่รักบ้านเมืองและไม่ตกอยู่ในอำนาจประชานิยม รวมทั้ง ทหารซึ่งมีหน้าที่นอกจากการรักษาอธิปไตยของชาติ ยังต้องปกปัก
รักษาบ้านเมืองด้วย จะไม่สามารถยอมรับการบริหารบ้านเมืองของรัฐบาลชุดนี้ได้นานนัก

 

ปิยะ เนตรวิเชียร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
13:11 น. ตำรวจพะเยาไล่ล่าแก๊งค้ายา ยิงสกัดยึดยาบ้า 1.5 แสนเม็ด คนร้ายเผ่นหนีเข้าป่า
13:08 น. ‘ชัชชาติ’ ยันพร้อมรับมือฝนตกต่อเนื่อง เผยจุดน่าห่วงคือพื้นที่ที่ท่วมซ้ำซาก
13:07 น. 'ไทยสร้างไทย'จี้'ฐากร'ลาออกพ้นสส.พรรค เปิดหน้าร่วมงานกับ 'แพทองธาร'อย่างเปิดเผย
13:04 น. ราชกิจจาฯ เผยแพร่ ประกาศกระทรวงมหาดไทย ขอสละสัญชาติไทย จำนวน 195 ราย
13:02 น. มีประโยชน์ยามเกิดภัยพิบัติ! ‘บก.ลายจุด’แนะแจก‘พาวเวอร์แบงก์’เป็นของที่ระลึก
ดูทั้งหมด
ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 กรกฎาคม 2568
‘มาครง’เผยคุย‘แพทองธาร’แล้ว ลั่นคนไทยไว้วางใจมิตรภาพจาก‘ฝรั่งเศส’ได้เสมอ
‘หม่อมปนัดดา‘ ปรากฏตัวกลางม็อบ ‘รวมพลังแผ่นดิน’ ของดให้สัมภาษณ์สื่อ
แกว่งเท้าหาเสี้ยน! ปรากฏการณ์แฉโพย‘สายส้ม’เข้มข้น-ล่อนจ้อน
'ออสเตรเลีย'ออกคำเตือนพลเมืองมา'ไทย'หลังพบวัตถุต้องสงสัยหลายเมืองท่องเที่ยวภาคใต้
ดูทั้งหมด
ต้นสนยักษ์ร่วมสมัยกับฟาโรห์
‘คลิปเขมร’เหตุอัปยศ‘แพทองธาร’
รู้ทันคอร์รัปชันด้วยวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่แค่ศีลธรรม
วาทกรรมเจ็บจี๊ด
อุ๊งอิ๊งค์ 2 ปรับ ครม. ฟอร์มาลีน
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ตำรวจพะเยาไล่ล่าแก๊งค้ายา ยิงสกัดยึดยาบ้า 1.5 แสนเม็ด คนร้ายเผ่นหนีเข้าป่า

ราชกิจจาฯ เผยแพร่ ประกาศกระทรวงมหาดไทย ขอสละสัญชาติไทย จำนวน 195 ราย

มีประโยชน์ยามเกิดภัยพิบัติ! ‘บก.ลายจุด’แนะแจก‘พาวเวอร์แบงก์’เป็นของที่ระลึก

'ฮุน มานี'ปลุกสามัคคีคนในชาติ! โพสต์เฟซบุ๊กลั่น'ชาวกัมพูชา'จะไม่นิ่งเฉยหากโดนคุกคาม

ทอ.เด้งรับสมรสเท่าเทียม! เปลี่ยนชื่อ 'สมาคมแม่บ้าน ทอ.' เป็น 'สมาคมคู่สมรสทหารอากาศ'

ท่องคาถา‘ยุบสภา’ ‘ช่อ’ท้าฝั่ง รบ.เป็นนักการเมืองอย่ากลัวเลือกตั้ง

  • Breaking News
  • ตำรวจพะเยาไล่ล่าแก๊งค้ายา ยิงสกัดยึดยาบ้า 1.5 แสนเม็ด คนร้ายเผ่นหนีเข้าป่า ตำรวจพะเยาไล่ล่าแก๊งค้ายา ยิงสกัดยึดยาบ้า 1.5 แสนเม็ด คนร้ายเผ่นหนีเข้าป่า
  • ‘ชัชชาติ’ ยันพร้อมรับมือฝนตกต่อเนื่อง เผยจุดน่าห่วงคือพื้นที่ที่ท่วมซ้ำซาก ‘ชัชชาติ’ ยันพร้อมรับมือฝนตกต่อเนื่อง เผยจุดน่าห่วงคือพื้นที่ที่ท่วมซ้ำซาก
  • \'ไทยสร้างไทย\'จี้\'ฐากร\'ลาออกพ้นสส.พรรค เปิดหน้าร่วมงานกับ \'แพทองธาร\'อย่างเปิดเผย 'ไทยสร้างไทย'จี้'ฐากร'ลาออกพ้นสส.พรรค เปิดหน้าร่วมงานกับ 'แพทองธาร'อย่างเปิดเผย
  • ราชกิจจาฯ เผยแพร่ ประกาศกระทรวงมหาดไทย ขอสละสัญชาติไทย จำนวน 195 ราย ราชกิจจาฯ เผยแพร่ ประกาศกระทรวงมหาดไทย ขอสละสัญชาติไทย จำนวน 195 ราย
  • มีประโยชน์ยามเกิดภัยพิบัติ! ‘บก.ลายจุด’แนะแจก‘พาวเวอร์แบงก์’เป็นของที่ระลึก มีประโยชน์ยามเกิดภัยพิบัติ! ‘บก.ลายจุด’แนะแจก‘พาวเวอร์แบงก์’เป็นของที่ระลึก
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

อย่าอยู่ต่อไปให้หนักแผ่นดิน

อย่าอยู่ต่อไปให้หนักแผ่นดิน

30 มิ.ย. 2568

ผู้นำอัปยศ กรรมของชาติ คนไทยยังทนได้หรือ

ผู้นำอัปยศ กรรมของชาติ คนไทยยังทนได้หรือ

23 มิ.ย. 2568

ทหาร จะปกป้องรักษาชาติ

ทหาร จะปกป้องรักษาชาติ

16 มิ.ย. 2568

แพทยสภา ต้องดำรงเกียรติ ศักดิ์ศรีและจริยธรรมแห่งวิชาชีพ

แพทยสภา ต้องดำรงเกียรติ ศักดิ์ศรีและจริยธรรมแห่งวิชาชีพ

9 มิ.ย. 2568

แผ่นดินไทย ต้องเป็นของไทย

แผ่นดินไทย ต้องเป็นของไทย

2 มิ.ย. 2568

อย่ายอมให้เขมรรุกรานแผ่นดินไทย

อย่ายอมให้เขมรรุกรานแผ่นดินไทย

26 พ.ค. 2568

ชาติจะเสียหาย หากยังฝืนทำต่อไป

ชาติจะเสียหาย หากยังฝืนทำต่อไป

19 พ.ค. 2568

แพทย์ พึงรักษาศักดิ์ศรีและจริยธรรมแห่งวิชาชีพ

แพทย์ พึงรักษาศักดิ์ศรีและจริยธรรมแห่งวิชาชีพ

12 พ.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved