ในวันนี้ ผู้คนรู้จักถนนพหลโยธินดี แต่น้อยคนจะทราบถึงความเป็นมาในการสร้างถนนสายนี้สร้างในรัฐบาลพระยาพหลพลพยุหเสนา ก่อนหน้านั้นการพัฒนาบ้านเมืองทำให้เมืองต่างๆใกล้พระนครได้รับความเจริญขึ้นมาก แต่การคมนาคมติดต่อกับพระนคร นอกจากทางเรือแล้ว ได้อาศัยรถไฟเป็นหลัก แม้แต่สนามบินดอนเมืองของชาติ ซึ่งเปิดใช้มาตั้งแต่ปี 2457 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็มีเส้นทางคมนาคมสำคัญจากพระนครไปดอนเมืองคือทางรถไฟ การสร้างถนนเชื่อมพระนครกับสนามบินเส้นทางนี้ จึงเริ่มขึ้น ตอนแรกถนนนี้มีชื่อว่าถนนประชาธิปัตย์ เรียกว่าทางหลวงหมายเลข 1 ที่มาของถนนสายนี้มีบันทึกอยู่ในการประชุมสภาฯ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2476 รัฐบาลโดยพระยามานวราชเสวี เสนอว่า
“…ที่รัฐบาลขอเสนอตัดถนนจากกรุงเทพฯไปดอนเมืองนั้น มีความจำเป็นที่ประเทศสยามได้เข้าเป็นภาคีแห่งสัญญาร่วมกับนานาประเทศเมื่อ พ.ศ. 2462 การก็เป็นเวลานานมาแล้วที่เราได้เป็นภาคี ซึ่งกับต่างประเทศในทางเดินอากาศ …มาบัดนี้รู้สึกว่า เป็นความจำเป็นที่จะต้องทำสนามบินให้ดีขึ้น…แต่เห็นว่าที่ดอนเมืองนั้น ถ้าจะทำให้บริบูรณ์และสมบูรณ์ขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในเวลานี้แล้ว หากได้มีถนนเชื่อมจากพระนครไปอีกคงจะได้รับความสะดวก… ก็ได้ดำริที่จะทำอนุสาวรีย์ของผู้ที่เสียชีวิตในการปราบกบฏ ดังที่ปรากฏในแผนที่แล้ว เพราะฉะนั้นการที่จะตัดถนนนี้ จะได้ตัดเป็นถนนดังปรากฏอยู่ในมาตรา 3 คือขยายถนนยิงเป้าแต่ร่วมถนนราชวิถีไป …ตัดถนนสายหนึ่งต่อจากถนนยิงเป้าที่ขยายไปถึงดอนเมือง… จากถนนอีกสายหนึ่งจากริมคลองประปาและริมแนวทางรถไฟสายเหนือไปถึงถนนสายใหญ่ กับ ให้มีลานตรงร่วมถนนซอยที่สามกับถนนสายใหญ่… เพื่อสร้างอนุสาวรีย์ทหารปราบกบฏ…”
วันนั้นมีสมาชิกฯลุกขึ้นถามว่าใช้ทุนมากขนาดไหน รัฐบาลก็ตอบว่าเรื่องเงินนี้ สภาฯชุดก่อนนี้ยอมให้เงินไว้แล้ว หลวงโกวิทอภัยวงศ์ผู้ก่อการฯ ซึ่งเป็นวิศวกร จึงได้ถามว่ามีการศึกษาอะไรไว้บ้าง นายกก็ตอบว่าได้ทำมาไว้หมดแล้ว
“… เป็นต้นว่า เหมาะในทางทหาร แล้วจะแลเห็นได้ว่า เมื่อคราวเกิดกบฏคราวนี้ ทำให้พวกกบฏเข้ามายึดดอนเมืองได้โดยเร็ว ถ้ามีถนนแล้ว เราก็ปรูดไปได้ทันที เหมาะแก่การพาณิชย์คือว่า ไม่ไปแข่งทางรถไฟ ขนานไปก็จริงอยู่ แต่เป็นระยะใกล้ และมีถนนตัดเข้าไปเลี้ยงรถไฟอีกอย่างหนึ่ง ทางนี้คิดว่าเครื่องบินไปลงที่โน้น จะได้วิ่งเข้ากรุงเทพฯ ได้เร็ว เพราะรถไฟก็มีบางเวลา ไม่สะดวก… ทางทหารเห็นว่า ถ้าตัดไปตรงๆ เขาไม่ชอบ ต้องอ้อมไปทางหลัง ห่างไปสักหน่อย…”
แต่มีคนไม่เห็นด้วยเหมือนกัน นายทองอินทร์ ภูริพัฒน์ ผู้แทนราษฎรจังหวัดอุบลราชธานีบอกว่าไม่จำเป็น ท่านอยากให้เอาเงินไปบำรุงเศรษฐกิจของประเทศ ช่วยคนยากจนมากกว่า
หม่อมเจ้าวรรณฯ ที่ปรึกษานายกฯ ตอบว่าสภาฯได้อนุญาตเงินไว้แล้ว ที่เสนอวันนี้เกี่ยวกับวิธีการซื้อที่ดิน เมื่อสมาชิกจำนวนมากสนับสนุน ดังนั้นสภาฯจึงมีมติรับหลักการและพิจารณาต่อเนื่องไป 3 วาระ อนุมัติ“ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการจัดซื้อที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่น เพื่อขยายและตัดถนนเชื่อมคมนาคมกรุงเทพมหานครกับดอนเมือง และเพื่อสร้างอนุสาวรีย์ทหารปราบกบฏ พ.ศ. 2476” ชื่อร่างกฎหมายยาวสามบรรทัดนี้หลวงวิจิตรฯ ขอให้ใช้ตัวย่อ แต่พระยามานฯขอยืนยันใช้ชื่อให้ชัดเจนอย่างเดิม
จากนั้นรัฐบาลจึงดำเนินการก่อสร้างประมาณ 2 ปี ก็เปิดให้ใช้ได้ไปถึงดอนเมืองในปี 2479 ชื่อว่าถนนประชาธิปัตย์ แต่ยังเป็นถนนในพระนคร ต่อมาสมัยที่หลวงพิบูลสงครามกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง เป็นสมัยที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้าน ได้มีการเปลี่ยนชื่อถนนสายนี้เป็นถนนพหลโยธินในวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2493 นัยว่าเพื่อเป็นที่ระลึกถึงหัวหน้าคณะผู้ก่อการฯคนสำคัญนั่นเอง ถนนนี้ได้ขยายต่อไปถึงจังหวัดลพบุรีใน พ.ศ. 2483 และขยายต่อมาจนวันนี้ไปสิ้นสุดที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
นรนิติ เศรษฐบุตร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี