โดยตลอดมาเวลาคอการเมืองเอ่ยถึงทหาร และกองทัพไทย ก็มักจะเป็นเรื่องในเชิงลบเกี่ยวกับบทบาทของกองทัพกับการเมือง เช่น การรัฐประหารยึดอำนาจรัฐ และเรื่องการที่นายทหารระดับนายพลทั้งที่ใกล้เกษียณ และเกษียณอายุไปแล้ว ต่างยังมีความทะเยอทะยานทางการเมือง บ้างก็ยึดอำนาจ บ้างก็ออกมาตั้งพรรคการเมืองเพื่อรองรับ แต่แล้วก็มักจะจบด้วยความล้มเหลวไปตามๆ กัน เพราะการปกครองบ้านเมือง การควบคุมนักการเมือง และบริการประชาชนโดยทั่วไปนั้นไม่เหมือนกับการปกครองบังคับบัญชาทหารชั้นผู้น้อยที่สั่งได้ดั่งใจ
ในขณะเดียวกัน ฝ่ายกองทัพยังติดหล่มอย่างยาวนาน และไม่ประสบความสำเร็จใดๆ เกี่ยวกับการขจัดขบวนการแบ่งแยกดินแดน ไปจาก 3 จังหวัดภาคใต้ทั้งๆ ที่เทียบแสนยานุภาพอาวุธแล้ว กองกำลังติดอาวุธเหล่านี้ไปสามารถเทียบกับกองทัพไทยได้เลย และเมื่อหันไม่มองชายแดนด้านอื่นๆ ประชาชนก็รู้สึกว่า กองทัพไทยนั้นก็ยังไม่ได้แสดงฝีไม้ลายมือ และความรับผิดชอบในการป้องกันความมั่นคงชายแดน หรือการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของไทย โดยปัญหายาเสพติดข้ามชาติ รวมทั้งการเดินทางเข้าออกของอาชญากรข้ามชาติ ไม่ว่าจะเป็นพวกค้ามนุษย์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยังเป็นข่าวหลอกหลอนสังคมไทยอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนั้น การพยายามยกเครื่องกองทัพไทยให้มีความทันสมัย ให้เป็นที่น่าเกรงขาม ก็กลับเป็นไปอย่างเชื่องช้า และดูหละหลวม เช่น การจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ก็กระจัดกระจายมาจากหลายแหล่งประเทศ ทั้งๆ ที่ไทยเป็นพันธมิตรทางด้านการทหารและความมั่นคงกับสหรัฐอเมริกา และฉะนั้นด้วยสามัญสำนึกแล้ว สหรัฐฯ ก็น่าจะเป็นแหล่งที่มาหลักของความต้องการทางด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ของเหล่ากองทัพไทย เพื่อให้ง่ายต่อการบำรุงรักษา
ปัญหาทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นนั้น กองทัพไทยจำเป็นจะต้องได้รับการแก้ไขปรับปรุง ซึ่งอยู่ในวิสัยที่จะทำกันได้ หากผู้บริหารกองทัพจะมีความเอาจริงเอาจัง และสามารถที่จะสื่อสารให้สังคมไทยได้มีความเข้าอกเข้าใจ เพื่อให้ได้รับการสนับสนุนได้
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางข่าวเชิงลบ ก็ยังมีจุดประกายที่สังคมไทยน่าจะพอมีความภูมิอกภูมิใจต่อกองทัพไทยได้บ้าง นั่นคือกรณีที่ได้มีการจัดส่งทหารไทย (และในบางกรณีตำรวจหญิงไทย) ไปเข้าร่วมในกองกำลังสันติภาพ ภายใต้ธงสีฟ้าขององค์การสหประชาชาติ ที่ทหารไทยต่างได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างสมเกียรติ เป็นที่เลื่องลือและยอมรับในขีดความสามารถในแวดวงสหประชาชาติ และแวดวงทหารของโลกว่า มีความเป็นมืออาชีพ เอาใจใส่และรับผิดชอบต่อหน้าที่การงาน และเข้ากับประชาชนพลเมืองที่รับความปกป้องคุ้มครองได้เป็นอย่างดี คือมีมนุษยสัมพันธ์ อีกทั้งยังมีความสามารถในเรื่องการพัฒนาชุมชน การพัฒนาการเกษตรและแหล่งน้ำ และการปฐมพยาบาล
ประเทศที่ทหารไทยได้เข้าไปร่วมในกองกำลังสันติภาพสหประชาชาติ มีอาทิ
1.การส่งกองกำลังทหาร เพื่อปฏิบัติการด้านสันติภาพ ที่คาบสมุทรเกาหลี ติมอร์-เลสเต กัมพูชา
2.การส่งผู้สังเกตการณ์ทางการทหาร ที่เซียร์ราลีโอน บุรุนดี เนปาล ซูดาน
3.การส่งผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้ง ที่นามิเบียแอฟริกาใต้ ฟิจิ
4.กองกำลังเฉพาะกิจ ไทย-ดาร์ฟูร์ ที่ซูดาน
นอกจากนั้นในกรอบของกองกำลังผสมทางเรือที่สหรัฐฯ เป็นแกนหลักที่ได้มีการจัดตั้งขึ้นมาเพื่อปฏิบัติการในฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรอินเดีย ในบริเวณจะงอยแอฟริกา (Horn of Africa) รอบๆ ประเทศโซมาเลีย เพื่อปราบปรามโจรสลัดที่คุกคามเรือประมงและเรือพาณิชย์ด้วยการยึดครองและเรียกค่าไถ่ ฝ่ายไทยภายใต้รัฐบาลอภิสิทธิ์ ได้จัดส่งเรือรบ 2 ลำ พร้อมกับทหารบกและนาวิกโยธินจำนวนหนึ่ง เพื่อปฏิบัติการบนบกหากมีความจำเป็นไปเข้าร่วมกองกำลังผสมทางเรือดังกล่าว โดยล่าสุดในช่วงปี 2025 นี้ ฝ่ายไทยก็จะมีการจัดส่งกองกำลังสันติภาพไปที่ซูดานใต้อีกด้วย
ประเทศไทยอยู่ในวิสัยที่จะขยายบทบาทในกองกำลังสันติภาพของสหประชาชาติได้มากยิ่งขึ้น เพราะเรามีประสบการณ์ เป็นที่ยอมรับและมีศักยภาพ และการได้มีโอกาสจัดส่งทหารไทยไปร่วมนั้น ก็เป็นการพัฒนาประสิทธิภาพ อีกทั้งก็เป็นรายได้เสริมส่วนหนึ่งให้กับทหารไทยที่องค์การสหประชาชาติเป็นผู้จัดการให้ พวกเราชาวไทยจึงมีความภูมิอกภูมิใจเกี่ยวกับทหารและกองทัพไทยของเรา ฉะนั้น เราควรสนับสนุนและให้กำลังใจกับทหารหาญไทย
แต่การนี้กระทรวงกลาโหมและกระทรวงการต่างประเทศจะต้องร่วมกันให้ความรู้ความเข้าใจต่อสาธารณชนให้เป็นที่ประจักษ์ และเมื่อสังคมตื่นรู้ก็จะเป็นแรงดลใจและขวัญกำลังใจให้กับทหารและกองทัพไทยยิ่งๆ ขึ้น
ทั้งนี้ก็มีข้อคิดเพิ่มเติมว่า ฝ่ายกองทัพไทยและกองทัพประเทศเพื่อนบ้านที่มีเขตแดนร่วมกันนั้น ก็สามารถร่วมกันเสริมสร้างสันติภาพและปกป้องตลอดแนวชายแดนทั้งบนบกและในทะเลได้ ด้วยการจัดตั้งกองกำลังตรวจตราร่วมกัน (joint-patrol) เพื่อแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ที่สร้างปัญหาให้กับทั้งประเทศไทย และอาเซียน
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี