ในที่สุด การประชุมร่วมรัฐสภาก็ล่มทั้งสองวัน ด้วยเหตุว่า องค์ประชุมไม่ครบ องค์ประชุมที่ไม่ครบเพราะอ้างว่า กลัวทำผิดรัฐธรรมนูญ เหตุที่กลัวทำผิดรัฐธรรมนูญก็เพราะ การเสนอแก้ไข มีผลให้เกิดการยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน แล้วตั้ง ส.ส.ร. ขึ้นยกร่างใหม่โดยไม่มีการทำประชามติเพื่อขอฉันทานุมัติจากประชาชน ผู้เป็นเจ้าของอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ
เรามาดู “อาการ” ของผู้คน หลังการประชุมล่มกันดีกว่า เราจะเห็นอะไรๆ ได้มากมาย ในหมู่คนที่ส่วนหนึ่งกินเงินเดือนจากภาษีประชาชน บ้างก็โกรธ บ้างก็เกลียด บ้างก็กลัว
1) นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) และผู้นำฝ่ายค้านฯ, นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน ร่วมแถลงที่รัฐสภาเช่นกันภายหลังการประชุมรัฐสภาล่มเป็นวันที่ 2 ทำให้ไม่สามารถพิจารณาญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ได้
โดยนายณัฐพงษ์ กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในการประชุมร่วมรัฐสภา พรรคประชาชนรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากการประชุมแก้ไขรัฐธรรมนูญวันนี้ แทบจะเป็นด่านสุดท้ายที่พวกเราคิดว่าหากสามารถเดินหน้าแก้ไขได้เพราะมีโอกาสที่จะได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทันต่อการเลือกตั้งปี 2570 ซึ่งเราเชื่อว่าการเดินหน้าแก้ไขในครั้งนี้มีกระบวนการที่สามารถเดินทางอย่างตรงไปตรงมาได้ไม่จำเป็นต้องเดินอ้อม ซึ่งเราไม่เชื่อว่าการเดินอ้อมอย่างที่เป็นอยู่จะนำไปสู่ปลายทางที่ประชาชนต้องการรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ปัจจุบันประเทศไทยมีปัญหา 3 เรื่องหลัก คือ การขาดเจตจำนงทางการเมือง ขาดเจตนารมณ์ความเป็นนิติรัฐและความไม่เคารพเสียงของประชาชน หากก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยได้คุยกับพรรคร่วมรัฐบาลอย่างจริงจัง ร่างรัฐธรรมนูญที่เสนอเข้ามาควรเป็นร่างของ ครม.แต่ปรากฏว่า ร่างที่เสนอเข้ามาเป็นร่างของพรรคเพื่อไทย จนทำให้พบกับเหตุการณ์ใน 2 วันที่ผ่านมา คือการไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาล และเมื่อคืนที่ผ่านมานายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ที่ผ่านมา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไม่เคยหารือเรื่องนี้กับพรรคภูมิใจไทย เพื่อพยายามผลักดันร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพื่อให้เป็นร่างของพรรคร่วมรัฐบาล ดังนั้นจึงแสดงให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีความจริงใจที่จะผลักดันเรื่องนี้อย่างเต็มที่ ส่วนที่บอกว่าต้องเดินอ้อมเพื่อทำให้สภาล่ม เพื่อให้ญัตตินี้ยังคงค้างอยู่ในรัฐสภา ตนเชื่อว่าทุกคนเห็นว่าเป็นเพียงแค่ข้ออ้าง
“การไม่เคารพเสียงของประชาชน ที่ผ่านมาในการหาเสียงเลือกตั้งทุกพรรคการเมือง มีข้อเสนอเดียวกันในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 และยังเป็นนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาลที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา ดังนั้นวิธีหาทางออกสำหรับเรื่องนี้ หากนายกฯ ในฐานะผู้นำรัฐบาล และถืออำนาจสูงสุดในการยุบสภา นายกฯ สามารถเข้าไปเจรจาพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลและแสดงเจตจำนงชัดเจนเพื่อให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยเคารพเสียงของประชาชน แต่หากไม่สามารถทำได้ นายกฯก็มีอำนาจในการยุบสภาเพื่อคืนเสียงให้กับพี่น้องประชาชน” นายณัฐพงษ์ กล่าว
2) ด้าน นายพริษฐ์ วัชรสินธุ กล่าวว่า พรรคประชาชนยืนยันว่า ต้องการผลักดันร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และมี ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน 100 เปอร์เซ็นต์ และให้สส.แก้ปัญหาประชาชนได้อย่างตรงจุดและรวดเร็วขึ้น ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยให้เหตุผลเรื่องความกังวลใจในการเดินหน้าแก้ไข หากมีการลงมติ
จะไม่ได้รับเสียงสนับสนุนเพียงพอ จากพรรคภูมิใจไทยและเสียง สว.ตนอยากชวนทุกคนตั้งคำถามว่า สาเหตุของอุปสรรคนี้ที่เราไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรคภูมิใจไทย เป็นเพราะข้อกฎหมายจริงๆ หรือความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล หากเป็นเรื่องทางกฎหมายพรรคประชาชนยืนยันว่า สิ่งที่รัฐสภาดำเนินการไม่ได้ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 ถ้าจะแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ทางออกไม่ใช่อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ทางออกอยู่ที่นายกฯในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหาร หัวหน้ารัฐบาลผสมที่ต้องรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพแก้ปัญหาความคิดเห็นที่แตกต่างและผลักดันนโยบายรัฐบาล หากนายกฯไม่สามารถเป็นเจ้าภาพและแก้ปัญหาความแตกต่างในรัฐบาลไม่ได้ก็ควรยุบสภาและคืนอำนาจให้ประชาชน
3) ทำไมเป็นเด็กเอาแต่ใจกันอย่างนี้ นี่ไม่ใช่เหตุที่ต้องยุบสภาเลย ยุบสภาตอนนี้แล้วได้แก้รัฐธรรมนูญกันหรือ ณัฐพงษ์บอกว่า “ให้เคารพเสียงประชาชน” แล้วเสียงประชาชนที่โหวตเห็นชอบรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมาตั้ง 16 ล้านคน คุณเคารพไหม ทำไมพวกคุณไม่ถามพวกเขาก่อน ทำไมพวกคุณต้องกระสันที่จะแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับกันใหม่ได้ โดยที่คุณสมบัติ ส.ส.ร.ในฝันของพวกคุณ กำหนดให้ได้มาซึ่ง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ,ปิยบุตร แสงกนกกุล, พิธา ลิ้มเจริญรัตน์, พรรณิการ์ วานิช,ชัยธวัช ตุลาธน และคนอื่นๆ ที่ถูก “ลงโทษทางการเมือง”เอาไว้ อย่างเห็นๆ คุณไม่ได้รักประเทศหรอก คุณรักพวกพ้องของคุณ คุณต้องการตอบสนองจริตทางการเมืองและความอยากจะเขียนรัฐธรรมนูญเองของพวกคุณเท่านั้น
4) นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ผู้นำพรรคร่วมฝ่ายค้าน ระบุว่าการประชุมรัฐสภาล่ม 2 ครั้งติดต่อกันเป็นเพราะนายกรัฐมนตรีไม่สามารถคุมเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลและเรียกร้องให้มีการยุบสภานั้น ถือเป็นทัศนคติที่เป็นพิษต่อระบบรัฐสภา พรรคการเมืองที่ไม่มีความศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น ที่จะเลือกวิธีล้มกระดานเช่นนี้ กระบวนการให้ได้มาซึ่งกฎหมายของฝ่ายนิติบัญญัติเป็นสิทธิหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ สส.ของแต่ละพรรคมีเอกสิทธิ์ที่จะออกสิทธิ์ออกเสียง ส่วนการที่ สส.ของพรรคร่วมรัฐบาลบางส่วนไม่เข้าร่วมประชุมร่วมกันของรัฐสภา ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นเพราะมีความกังวลว่าการพิจารณามาตรา 256 ในรัฐธรรมนูญ สส.ทำได้หรือไม่ จะมีความสุ่มเสี่ยงผิดกฎหมาย และขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ผ่านมาหรือไม่ เป็นความกังวลใจต่อการตีความในคำวินิจฉัยที่ผ่านมา ไม่เกี่ยวข้องกับความเป็นเอกภาพหรือไม่เป็นเอกภาพอย่างที่นายณัฐพงษ์พยายามชี้นำสังคม
“เราใช้เวลาหลายปี กว่าจะได้มาซึ่งรัฐบาลประชาธิปไตย รัฐบาลที่มาจากพลเรือนนำโดยพรรคเพื่อไทย ภายใต้การนำของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยกให้ประชาชนเป็นโจทย์ใหญ่ในสมการเสมอ ประโยชน์ของประเทศชาติประชาชนมาเป็นอันดับหนึ่ง งานบริหารราชการแผ่นดินกำลังเดินหน้าแก้ปัญหาที่หมักหมมมานับสิบปี และกำลังส่งผลดีกับประเทศ การยุบสภาในขณะที่การบริหารกำลังไปได้ดี ไม่เกิดประโยชน์กับประชาชนและงบประมาณจำนวนมหาศาล จึงไม่มีเหตุผลใดให้ต้องยุบสภา” นายดนุพร กล่าว
5) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก Nantiwat Samart ระบุว่าพอเหอะ ความว่า...
การประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาแก้รัฐธรรมนูญล้มเป็นครั้งที่สอง หากจะดื้อประชุมเป็นครั้งที่สาม ก็จะล้มอย่างนี้อีก มันไปไม่ได้แล้ว
มันผิดตั้งแต่เริ่มต้น ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไว้แล้ว หากจะแก้ไขทั้งฉบับ ต้องถามประชาชนก่อน ด้วยการทำประชามติ นี่เล่นจะซิกแซกขอแก้มาตราเดียว แต่ซ่อนเงื่อนแก้ทั้งฉบับด้วยการตั้ง ส.ส.ร.ยกร่างใหม่ทั้งฉบับใครอ่านก็รู้ไม่ใช่เด็กอมมือ จะได้ให้ถูกหลอกง่ายๆคนอื่นไม่ใช่สามกีบนะ จะได้เชื่อแกนนำง่ายๆ
สส.ที่ไม่ร่วมประชุมไม่ใช่เขาประท้วงอะไร แต่กลัวทำขัดคำวินิจฉัยของศาล ทำให้ถูกฟ้องและอาจเป็นเหตุให้หมดสมาชิกภาพ ใครอยากเสี่ยง
หากจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญ จะถามว่าอย่างไร แก้ทั้งฉบับได้มั้ย แก้มาตราเดียวเพื่อตั้งส.ส.ร.ยกร่างใหม่ทั้งฉบับได้มั้ย ศาลอาจตีตก ไม่รับไว้พิจารณา เพราะได้เคยมีคำวินิจฉัยไว้ รัฐธรรมนูญแก้ได้รายมาตรา ถ้าจะแก้ทั้งฉบับให้ไปถามประชาชนก่อนว่าจะให้แก้ไหม
สส.ที่อยากจะแก้ทั้งฉบับไม่เสียดายเงินหรือ ทำประชามติสามครั้งใช้เงินเกือบสองพันล้านบาท เอาเงินก้อนนี้มาแก้ปัญหาให้ประเทศและประชาชนได้มากมาย ไม่ดีกว่าหรือ
พอเหอะ อย่าดื้อด้านเอาหัวชนฝา
6) นายวันชัย สอนศิริ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “ทนายวันชัย สอนศิริ” หัวข้อ “ละครเรื่อง กลเกมส์แก้รัฐธรรมนูญ” ระบุว่า...
เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ผมว่าไม่ถึงขั้นทำให้รัฐบาลพังหรือต้องยุบสภา เพราะสมัยที่พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านในรัฐบาลลุงตู่ ก็แบบนี้แหละ เพื่อไทยอยากแก้รธน.แทบเป็นแทบตาย ในที่สุดก็แก้ไม่ได้
วันนี้พรรคประชาชนก็เจอเหตุการณ์เหมือนพรรคเพื่อไทยในอดีต ก็ดิ้นพล่านกันไป ยังไงๆ ก็คงจะแก้รธน.ไม่ได้
ยิ่งดูทั้งการเมืองและทั้งเวลา ในที่สุดการแก้รธน.ก็คงไปไม่ถึงไหน เพราะ...
1.เมื่อ สว. หมดสิทธิ์โหวตนายกฯเสียแล้ว ก็ไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนอะไรที่จะต้องรีบแก้รธน.
2.ขืนแก้รธน.ได้จริงๆ เครดิตก็น่าจะตกแก่พรรคประชาชน มากกว่าพรรคเพื่อไทย
3.ถ้าในที่สุดมี ส.ส.ร. จากการเลือกตั้ง ก็น่าจะเสร็จแก่พรรคประชาชนคนหนุ่มสาว คงได้รับเลือกตั้งเข้ามามากกว่าพรรคอื่นๆ
4.จะแก้หรือไม่แก้รธน.ก็ไม่มีผลใดๆ ต่อประชาชน ทั้งไม่มีผลต่อคะแนนเสียงในการเลือกตั้งครั้งต่อไปด้วย
5.การเป็นรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย มีโอกาสทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชน สร้างผลงานได้ดีกว่าฝ่ายค้านอยู่แล้ว การแก้รธน.ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องดิ้นพล่านไปกับฝ่ายค้าน
6.ดูจากสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ พรรคเพื่อไทยยังไม่พร้อมที่จะขับเคลื่อนในการแก้ไขรธน.ด้วยตัวของพรรคเอง
เมื่อเป็นเช่นนี้ การแก้รธน.คงสาละวันรำวงกันอย่างนี้ต่อไปจนหมดสมัยรัฐบาล แล้วค่อยมาดูกันต่อหลังจากการเลือกตั้งสมัยหน้า...ตอนนี้ก็ให้ สว. และพรรคภูมิใจไทย ภูมิใจแสดงละครไปก่อนก็แล้วกัน
สรุป : ประเด็นสำคัญที่เป็นหัวใจของเรื่องคือ
1.รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่บังคับใช้อยู่ สร้างปัญหาอะไรให้แก่ระบบรัฐสภาและประเทศชาติ
2.มาตราไหนของรัฐธรรมนูญที่เป็นปัญหา ทำไมไม่แก้ไขเป็นรายมาตรา ให้ประชาชนรู้ว่า ปัญหาคืออะไร จะแก้จากอะไรเป็นอะไร และแก้ไขโดยฝ่ายนิติบัญญัติ คือ สส. ซึ่งก็มาจากการเลือกของประชาชนทั่วประเทศอยู่แล้ว ทำไมต้องตั้ง ส.ส.ร.
จึงสรุปได้ง่ายๆ ว่า จะหาเหตุป่วนบ้านป่วนเมือง จะเขียนรัฐธรรมนูญเอง
เก็บไว้เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้งครั้งหน้าดีไหมล่ะเอาแค่ 2 นโยบายพอ ให้มันชัดๆ ไปเลย คือ1.จะยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ใช้อยู่ ตั้ง ส.ส.ร. เขียนใหม่ และจะยกเลิกประมวลกฎหมายอาญาม.112 ประกาศเสียแบบนี้ให้มันรู้ดีรู้ชั่วกันไปเลย!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี