วันอาทิตย์ ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / ปรีชา'ทัศน์
ปรีชา'ทัศน์

ปรีชา'ทัศน์

วันศุกร์ ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 02.00 น.
รัฐบาลกับการกู้เงิน : จากอดีตสู่ปัจจุบัน (2)

ดูทั้งหมด

  •  

สัปดาห์ก่อนได้เล่าถึงความจำเป็นในการก่อหนี้สาธารณะภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ปี ๒๔๗๕ แบ่งเป็น

(1) การก่อหนี้ภายในประเทศ


๑.๑ เพื่อใช้จ่ายและแก้ไขปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงินในสภาวะที่ประเทศกำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ (ดูบทความตอนที่แล้ว)

๑.๒ ความจำเป็นในกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ

นับแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๓ เป็นต้นมา รัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ตราพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ การกู้เงินของรัฐบาลจึงเป็นระบบมากขึ้น โดยรัฐบาลมีอำนาจในการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ อาศัยอำนาจนัยมาตรา ๙ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ ได้กำหนดให้กู้เงินได้ไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของจำนวนเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีและกับอีกไม่เกินร้อยละ ๘๐ ของงบประมาณรายจ่ายที่ตั้งไว้สำหรับชำระคืนต้นเงินกู้ โดยวิธีการและเงื่อนไขของการกู้เงินให้กระทรวงการคลัง กำหนด ซึ่งภายใต้กฎหมายดังกล่าว กระทรวงการคลัง สามารถกู้เงินด้วยวิธีการต่างๆ รวมทั้งการออกตราสารหนี้ได้โดยไม่ต้องมีการตรากฎหมายเป็นการเฉพาะ เหมือนดั่งที่ได้ปฏิบัติมาก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ เมื่อได้มีการกำหนดการกู้เงินในกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณแล้ว รัฐบาลก็ได้มีการยกเลิกวงเงินเบิกเกินบัญชีที่รัฐบาลได้ทำไว้กับธนาคารแห่งประเทศในเวลาต่อมา (ปัจจุบัน พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ ได้ถูกยกเลิกไปแล้ว โดยรัฐบาลได้ตรา พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ขึ้นมาใช้แทน เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจัดทำ บริหาร และควบคุมงบประมาณให้เหมาะสมกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป)

ก่อนหน้านั้น ระหว่างปี ๒๔๙๐-๒๕๐๐ อันเป็นยุคเริ่มต้นของการพัฒนาเศรษฐกิจแบบทุนนิยมของประเทศไทยด้วยการเน้นพัฒนาอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน รัฐบาลจึงต้องระดมทุนและจัดสรรงบประมาณเพื่อการพัฒนาประเทศ ภายหลังรัฐประหาร ๒๔๙๐ รัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม จึงดำเนินนโยบายงบประมาณแบบขาดดุลในการบริหารเศรษฐกิจ ด้วยการก่อหนี้สาธารณะโดยการขายพันธบัตรและตั๋วเงินคลัง (ตราสารหนี้ระยะสั้น)

อย่างไรก็ตาม ในปี ๒๔๙๕ รัฐบาลจอมพล ป. สร้าง “อนวัตกรรม”การก่อหนี้ขึ้นมาด้วยวิธีการเบิกเงินบัญชีจากธนาคารแห่งประเทศไทย และแม้ ธปท. จะพยายามกำหนดขอบเขตการเบิกเงินดังกล่าวไม่ให้เกินร้อยละ ๒๕ ของงบประมาณแผ่นดินที่ได้รับอนุมัติ และต้องชำระหนี้คืนภายในสามเดือนแรกของปีงบประมาณถัดไป แต่การเบิกเงินเกินบัญชีจาก ธปท. ของฝ่ายบริหารก็เป็นวิธีการก่อหนี้สาธารณะที่ปราศจากการตรวจสอบจากฝ่ายนิติบัญญัติ อันขัดกับหลักการบริหารการคลังในระบอบประชาธิปไตย ที่ว่าการใช้จ่ายเงินแผ่นดินจะจ่ายตามอำเภอใจไม่ได้ ต้องผ่านการเห็นชอบจากประชาชนโดยมติของสภาผู้แทนราษฎร และมติของสภาผู้แทนราษฎรก็คือกฎหมายที่สภาผู้แทนราษฎรอนุญาตออกมาให้ใช้

การไร้วินัยการคลังของรัฐบาลภายหลังรัฐประหารปี ๒๔๙๐ นำไปสู่การผลักดันการตรา พระราชบัญญัติเงินคงคลัง พ.ศ.๒๔๙๐ และ พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ โดยกลุ่มเทคโนแครตรุ่นแรกๆ จากกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย นำโดยหม่อมเจ้าวิวัฒนไชย ไชยันต์ ผู้ว่าการ ธปท.คนแรก และ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ผู้อำนวยสำนักงบประมาณและผู้อำนวยการสำนักเศรษฐกิจการคลังคนแรก

(๒) การก่อหนี้ต่างประเทศ

๒.๑ ความจำเป็นในการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้

ในส่วนของการกู้เงินต่างประเทศ ภายหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง ปี ๒๔๗๕ รัฐบาลพระยาพหลพลพยุหเสนา ได้มีการก่อหนี้ต่างประเทศเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ (Refinance) เดิม ๑ รายการ ที่ผูกพันมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๖ ที่กู้เงินจากต่างประเทศมาในปี ๒๔๖๗ สำหรับใช้จ่ายในโครงการก่อสร้างทางรถไฟ การชลประทานและกิจการอื่นๆ พระยามานวราชเสวี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เจรจาขอแปลงหนี้เงินกู้ต่างประเทศ โดยมีการตรา พระราชกำหนดแปลงเงินกู้รายดอกเบี้ยร้อยละหก พ.ศ.๒๔๗๘ เพื่อแปลงเงินกู้ดอกเบี้ยของเงินต้นร้อยละ ๖ ให้เหลือเพียงร้อยละ ๔ ต่อปี

ภายหลังจากการกู้เงินดังกล่าว รัฐบาลมิได้กู้เงินต่างประเทศอีกเลยจนถึงปี ๒๔๘๙ (ดูหัวข้อ ๒.๒) ทั้งนี้ ความจำเป็นในการกู้เงินจากต่างประเทศของรัฐบาลก่อนหน้านั้นก็เพราะภาวะตลาดการเงินภายในประเทศเข้มงวดและมีภาระผูกพันสูง ในขณะที่สภาวะตลาดการเงินระหว่างประเทศมีการผ่อนคลายเงื่อนไขการกู้เงิน โดยเอื้อให้รัฐบาลสามารถดำเนินการปรับโครงสร้าง ขยายเวลาชำระหนี้ หรือลดภาระหนี้เงินกู้ต่างประเทศได้ อันเป็นวิธีการที่จะลดต้นทุนการกู้เงินและเป็นวิธีการที่จะทำให้การกำหนดและบริหารโครงสร้างภาระหนี้ของประเทศให้อยู่ในระดับที่สม่ำเสมอ โดยไม่เป็นภาระต่องบประมาณแผ่นดินจนเกินควร และสอดคล้องกับระบบการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในเวลานั้น ต่อมาในปี ๒๕๒๘ รัฐบาลได้ตราพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๒๘ ขึ้นเพื่อใช้เป็นกฎหมายกลางในการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ต่างประเทศของรัฐบาล

๒.๒ ความจำเป็นในการกู้เงินเพื่อจัดซื้อยุทโธปกรณ์ทางทหารและการป้องประเทศ

ปี ๒๔๘๙ ภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองยุติลงรัฐบาลไทยได้ทำการกู้เงินจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ในรูปสินเชื่อเพื่อซื้อวัสดุอุปกรณ์เหลือใช้จากสงคราม (US War Surplus Credit) จำนวน ๑๐ ล้านเหรียญสหรัฐในรูปสินเชื่อที่จะเบิกจ่ายเมื่อมีความต้องการใช้ (Line of Credit) อย่างไรก็ดี การกู้เงินเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ทางทหารในขณะนั้นยังไม่ได้มีการตรากฎหมายเป็นการเฉพาะแต่ประการใด จนกระทั่งในเวลาต่อมา ประเทศไทยมีความจำเป็นในการปรับปรุงสมรรถนะทางด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ให้แก่กองทัพไทย เพื่อต่อสู้กับภัยคอมมิวนิสต์ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามชาติในเวลานั้น จึงมีความจำเป็นต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากในการจัดซื้ออาวุธซึ่งยุทโธปกรณ์บางส่วนต้องจัดหาจากต่างประเทศ และต้องชำระด้วยเงินตราต่างประเทศ นอกจากนี้ รัฐบาลต่างประเทศได้ให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศไทยในรูปการให้สินเชื่อตามโครงการขายยุทโธปกรณ์ทางการทหาร (Foreign Military Sales Credit) จึงได้
มีการตรากฎหมายพิเศษขึ้นเพื่อให้รัฐบาลสามารถก่อหนี้เพื่อการดังกล่าวได้ อันได้แก่ พระราชบัญญัติกู้เงินเพื่อการป้องกันประเทศ พ.ศ. ๒๕๑๙ สมัยรัฐบาลธานินทร์ กรัยวิเชียร และ พระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินจากรัฐบาลต่างประเทศเพื่อจัดซื้อยุทโธปกรณ์ทางทหาร พ.ศ. ๒๕๒๔ ในสมัยรัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์

๒.๓ การกู้เงินเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม

ในปี ๒๔๙๓ รัฐบาลไทยได้เริ่มมีการกู้เงินจากแหล่งเงินกู้อื่น เช่น ธนาคารโลก เพื่อพัฒนาด้านการชลประทาน การท่าเรือ และการรถไฟ อย่างไรก็ตาม การทำสัญญากู้เงินโดยตรงจากรัฐบาลต่างประเทศ องค์กรหรือสถาบันการเงินระหว่างประเทศตามโครงการพัฒนาและความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจอื่นๆ รัฐบาลได้มีการออกพระราชบัญญัติให้อำนาจในการกู้เป็นคราวๆ ไป ซึ่งกฎหมายเกี่ยวกับการกู้เงินต่างประเทศของรัฐบาลที่ได้ตราขึ้นในช่วงเวลาระยะแรก ได้แก่...

 พระราชบัญญัติกู้เงินเพื่อการบูรณะประเทศ พ.ศ. ๒๔๘๙

 พระราชบัญญัติกู้เงิน พ.ศ. ๒๔๙๔

 พระราชบัญญัติรับรองการกู้เงินนอกประเทศ พ.ศ.๒๕๐๐

 พระราชบัญญัติกู้เงินตามโครงการช่วยเหลือของต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๐๒

ต่อมา..เมื่อรัฐบาลมีความจำเป็นในการกู้เงินเพื่อนำมาลงทุนในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศด้านต่างๆ จึงได้มีการตรากฎหมายพิเศษเพื่อกู้เงินเป็นกรณีๆ ไป กฎหมายดังกล่าวนี้ ได้แก่

 พระราชบัญญัติกู้เงินตามโครงการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจต่างประเทศ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๐๔

 พระราชบัญญัติกู้เงินจากธนาคารระหว่างประเทศเพื่อการบูรณะและวิวัฒนาการ พ.ศ. ๒๕๐๖

 พระราชบัญญัติกู้เงินจากธนาคารพัฒนาเอเซีย พ.ศ. ๒๕๑๑

ปัจจุบัน กฎหมายหลายฉบับข้างต้นนี้ ได้ถูกยกเลิกไปแล้ว ตามบทบัญญัติ มาตรา ๓ ใน พระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ที่ถูกตราขึ้นใช้ภายหลังประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาวิกฤตทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงในปี ๒๕๔๐ ส่งผลให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงมีความจำเป็นต้องบริหารหนี้สาธารณะอย่างเป็นระบบการก่อหนี้สาธารณะเพื่อนำเงินมาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปี ๒๕๔๐ เป็นหมุดหมายที่นำพาประเทศเข้าสู่ช่วงที่สองของการก่อหนี้สาธารณะของไทย ภายหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง ปี ๒๔๗๕ นั้นคือ...การ
ก่อหนี้สาธารณะภายหลังวิกฤตเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๔๐ จนถึงปัจจุบัน...

ดร.ธิิติ สุวรรณทัต

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
12:53 น. 'พปชร.'ขอบคุณมวลชนชุมนุมท่ามกลางฝน ชี้เสียงปชช.สะท้อนความไม่ไว้ใจนายกฯ
12:51 น. จับแก๊งแว้นซิ่งจยย.ก่อความเดือดร้อนรำคาญ
12:34 น. ‘เพื่อไทย’บอกรับไม่ได้‘แกนนำม็อบ’ปลุกรัฐประหาร ชี้ 20 ปี ปชช.เจ็บปวด-สูญเสียประเมินค่าไม่ได้
12:33 น. วิ่งเกาะกูดมินิมาราธอนกระตุ้นท่องเที่ยว
12:20 น. ผู้ว่าฯหญิงปัตตานีลงพื้นที่ เหตุคนร้ายลอบวางเพลิง 'อบต.แป้น'
ดูทั้งหมด
นักวิชาการลงชื่อ‘ถวายฎีกา’ ขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยแก้ไขปัญหาวิกฤติชาติบ้านเมือง
วอน'ญี่ปุ่น'ช่วยหย่าศึก! 'ฮุน เซน'ขอร้องให้ช่วยพูดกับไทย จี้ให้ศาลโลกช่วยตัดสินปมพื้นที่พิพาท
สจ.ปทุมฯลวง'สจ.สาว' อ้างพาส่งที่พัก เลี้ยวเข้าโรงแรม หวังย่ำยี
‘อ.ไชยันต์’บอกใบ้! อะไรทำสัมพันธ์‘ทักษิณ-ฮุนเซน’ต้องหักสะบั้น
'ลุงเตีย'ลำบากใจ!ร่วม'ฮุนเซน'ตรวจชายแดนท่ามกลางสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาตึงเครียด
ดูทั้งหมด
Grand Shanghai Chinese (แกรนด์ เซี่ยงไฮ้ ไชนีส)
ปฏิบัติการ ‘แก้ผ้าตัวเอง’ ของ ‘ฮุนเซน’
แผ่นดินสูงขึ้นเมื่อไร้นักการเมืองเลว
บุคคลแนวหน้า : 29 มิถุนายน 2568
ทายาท (อสูร) การเมืองไทย
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

'ช้างพลาย'บุกปราสาทตาเมือนธม ส่งให้กำลังใจทหาร มอบตะขอช้างให้แม่ทัพด้วย

'พปชร.'ขอบคุณมวลชนชุมนุมท่ามกลางฝน ชี้เสียงปชช.สะท้อนความไม่ไว้ใจนายกฯ

‘เพื่อไทย’บอกรับไม่ได้‘แกนนำม็อบ’ปลุกรัฐประหาร ชี้ 20 ปี ปชช.เจ็บปวด-สูญเสียประเมินค่าไม่ได้

ผู้ว่าฯหญิงปัตตานีลงพื้นที่ เหตุคนร้ายลอบวางเพลิง 'อบต.แป้น'

‘จิรายุ’ฉะแกนนำม็อบสาวรีย์ฯเรียกหารถถัง ฉุดปท.กลับไปด้อยพัฒนา

จุดยืนคุณคืออะไร!? 'ก่อแก้ว'เหน็บ'จตุพร'ปี49 ชวนต้านรัฐประหาร ปี68 ยืนร่วมเวที'สนธิ'

  • Breaking News
  • \'พปชร.\'ขอบคุณมวลชนชุมนุมท่ามกลางฝน ชี้เสียงปชช.สะท้อนความไม่ไว้ใจนายกฯ 'พปชร.'ขอบคุณมวลชนชุมนุมท่ามกลางฝน ชี้เสียงปชช.สะท้อนความไม่ไว้ใจนายกฯ
  • จับแก๊งแว้นซิ่งจยย.ก่อความเดือดร้อนรำคาญ จับแก๊งแว้นซิ่งจยย.ก่อความเดือดร้อนรำคาญ
  • ‘เพื่อไทย’บอกรับไม่ได้‘แกนนำม็อบ’ปลุกรัฐประหาร ชี้ 20 ปี ปชช.เจ็บปวด-สูญเสียประเมินค่าไม่ได้ ‘เพื่อไทย’บอกรับไม่ได้‘แกนนำม็อบ’ปลุกรัฐประหาร ชี้ 20 ปี ปชช.เจ็บปวด-สูญเสียประเมินค่าไม่ได้
  • วิ่งเกาะกูดมินิมาราธอนกระตุ้นท่องเที่ยว วิ่งเกาะกูดมินิมาราธอนกระตุ้นท่องเที่ยว
  • ผู้ว่าฯหญิงปัตตานีลงพื้นที่ เหตุคนร้ายลอบวางเพลิง \'อบต.แป้น\' ผู้ว่าฯหญิงปัตตานีลงพื้นที่ เหตุคนร้ายลอบวางเพลิง 'อบต.แป้น'
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

กฎหมายงบประมาณรายจ่ายอาจตกเป็นโมฆะ  กรณีศึกษาการแปรญัตติงบประมาณปี ๒๕๖๕

กฎหมายงบประมาณรายจ่ายอาจตกเป็นโมฆะ กรณีศึกษาการแปรญัตติงบประมาณปี ๒๕๖๕

27 มิ.ย. 2568

ความไม่ชัดเจนในมาตรา ๑๔๔ ของรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐  และกรณีศึกษาการกระทำฝ่าฝืนในมาตรานี้

ความไม่ชัดเจนในมาตรา ๑๔๔ ของรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ และกรณีศึกษาการกระทำฝ่าฝืนในมาตรานี้

20 มิ.ย. 2568

รัฐบาลกลางกับการอุดมศึกษาสหรัฐ

รัฐบาลกลางกับการอุดมศึกษาสหรัฐ

13 มิ.ย. 2568

สแตนลีย์ ฟิชเชอร์ กับเมืองไทย

สแตนลีย์ ฟิชเชอร์ กับเมืองไทย

6 มิ.ย. 2568

นักกฎหมายไม่มีคุณธรรม...เลวยิ่งกว่ามหาโจร

นักกฎหมายไม่มีคุณธรรม...เลวยิ่งกว่ามหาโจร

30 พ.ค. 2568

การยกเลิกเหตุปัจจัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๒๓  ที่ให้พระภิกษุมีทรัพย์สินได้เพื่อให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัยที่ได้สวดปาติโมกข์

การยกเลิกเหตุปัจจัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๒๓ ที่ให้พระภิกษุมีทรัพย์สินได้เพื่อให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัยที่ได้สวดปาติโมกข์

23 พ.ค. 2568

รัฐบาลกับการกู้เงิน : จากอดีตสู่ปัจจุบัน (จบ)

รัฐบาลกับการกู้เงิน : จากอดีตสู่ปัจจุบัน (จบ)

16 พ.ค. 2568

รัฐบาลกับการกู้เงิน : จากอดีตสู่ปัจจุบัน (2)

รัฐบาลกับการกู้เงิน : จากอดีตสู่ปัจจุบัน (2)

9 พ.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved