วันพุธ ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / ปรีชา'ทัศน์
ปรีชา'ทัศน์

ปรีชา'ทัศน์

วันศุกร์ ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 02.00 น.
รัฐบาลกับการกู้เงิน : จากอดีตสู่ปัจจุบัน (จบ)

ดูทั้งหมด

  •  

บทความสองตอนที่แล้วเขียนถึง...ความจำเป็นในการก่อหนี้สาธารณะภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองปี ๒๔๗๕ ซึ่งแบ่งเป็น

ช่วงแรก ความจำเป็นในการก่อหนี้สาธารณะช่วงก่อนวิกฤตเศรษฐกิจ ปี ๒๕๔๐ ซึ่งมีสองส่วนคือ


(๑) การก่อหนี้ภายในประเทศ

๑.๑ เพื่อใช้จ่ายและแก้ไขปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงินในสภาวะที่ประเทศกำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ

๑.๒ ความจำเป็นในกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ

(๒) การก่อหนี้ต่างประเทศ

๒.๑ ความจำเป็นในการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ต่างประเทศ

๒.๒ ความจำเป็นในการกู้เงินเพื่อจัดซื้อยุทโธปกรณ์ทางทหารและการป้องประเทศ

๒.๓ การกู้เงินเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม

สำหรับบทความวันนี้เป็นตอนจบเรื่อง รัฐบาลกับการกู้เงิน : จากอดีตสู่ปัจจุบัน โดยจะเขียนต่อถึงเรื่องความจำเป็นในการก่อหนี้สาธารณะภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ปี ๒๔๗๕ ช่วงที่สอง คือ การก่อหนี้สาธารณะช่วงหลังวิกฤตเศรษฐกิจ ปี ๒๕๔๐

นับตั้งแต่ปี ๒๕๔๐ ประเทศไทยเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่สามครั้ง คือ...

๑. วิกฤตการณ์เศรษฐกิจปี ๒๕๔๐ หรือ วิกฤตต้มยำกุ้ง

๒. วิกฤตการณ์ซับไพร์ม ปี ๒๕๕๑ หรือ วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์

๓. วิกฤตการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา-2019 ปี ๒๕๖๓ หรือ วิกฤตโควิด-๑๙

เพื่อแก้ปัญหาแต่ละวิกฤตดังกล่าวข้างต้น รัฐบาลแต่ละสมัยโดยกระทรวงการคลังได้เข้ามามีบทบาทในการแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจผ่านมาตรการการคลัง ด้วยการออกกฎหมายกู้เงินพิเศษเป็นการเฉพาะเพื่อเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีสภาพคล่องที่เพียงพอ โดยเริ่มจาก

รัฐบาลชวน หลีกภัย (๒๕๔๐-๒๕๔๔) ออกกฎหมายกู้เงินพิเศษสองฉบับ คือ พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2541 (วงเงิน ๕๐๐,๐๐๐ ล้านบาท) และ พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. ๒๕๔๑ (วงเงิน ๓๐๐,๐๐๐ ล้านบาท) เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจและการเงินของประเทศที่เกิดขึ้นในปี ๒๕๔๐ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...ปัญหาสถาบันการเงินที่ถูกสั่งปิดกิจการจำนวนทั้งหมด ๕๘ แห่ง และวิกฤตทุนสำรองระหว่างประเทศที่ ธปท. หมดไปกับการทำสงครามปกป้องค่าเงินบาทจนเหลือเพียง ๒,๘๐๐ ล้านดอลลาร์ (ปัจจุบัน ธปท. มีทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ประมาณ ๒๘๐,๐๐๐ ล้านดอลลาร์)

ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจช่วงปี ๒๕๔๐ ส่งผลให้ภาระหนี้ภาครัฐเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่า คือ เพิ่มขึ้นจาก ๖๘๕,๒๓๔ ล้านบาท ณ สิ้น ปี ๒๕๓๙ เป็น ๑,๙๐๑,๓๕๕ ล้านบาท ณ สิ้นปี ๒๕๔๐ และความจำเป็นในการกู้เงินเพื่อมาแก้ไขปัญหาวิกฤตดังกล่าว ทำให้ระดับหนี้สาธารณะของไทยเพิ่มขึ้นจากประมาณ ๑๕% ของ GDP ในปี ๒๕๓๙ เป็นประมาณ ๕๗% ของ GDP ในปี ๒๕๔๓ (ข้อมูลจากสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ)

ต่อมา รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร (๒๕๔๔-๒๕๔๙) ได้ออกกฎหมายกู้เงินพิเศษอีกหนึ่งฉบับ คือ พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ (วงเงิน ๗๘๐,๐๐๐ ล้านบาท) เพื่อชดใช้ความเสียหายของกองทุนฟื้นฟูฯ ที่นำเงินกองทุนฯ เข้าไปพยุงสถานะของสถาบันการเงินที่มีฐานะการเงินง่อนแง่นจากวิกฤตเศรษฐกิจปี ๒๕๔๐ และถูกปิดในเวลาต่อมา เพื่อช่วยเหลือผู้ฝากเงินของสถาบันการเงินเหล่านี้

ปี ๒๕๕๑ ได้เกิดวิกฤตการณ์ซับไพร์มหรือเงินกู้จำนองบ้านด้อยคุณภาพที่สหรัฐฯ ส่งผลกระทบไปทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย วิกฤตการณ์ดังกล่าวทำให้เศรษฐกิจไทยตกต่ำอย่างรุนแรง ส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้และฐานะการคลังของรัฐบาล แม้รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหาและกระตุ้นเศรษฐกิจหลายประการ แต่ก็ยังไม่สามารถบรรเทาและฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ประสบปัญหาอย่างรุนแรงได้ รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (๒๕๕๑-๒๕๕๔) จึงได้ตรา พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 (วงเงิน ๔๐๐,๐๐๐ ล้านบาท) เพื่อให้รัฐบาลมีแหล่งเงินเพียงพอต่อการใช้จ่ายของภาครัฐ เพื่อใช้จ่ายในการลงทุน เพิ่มแรงกระตุ้นในระบบเศรษฐกิจ กระจายการลงทุนด้านบริการสาธารณะขั้นพื้นฐานสู่ชนบท เพื่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ ลดปัญหาการว่างงานให้กับประชาชน รวมทั้งสามารถสร้างโอกาสในการลงทุนให้กับภาคเอกชนด้วย

ปี ๒๕๕๔ เกิดวิกฤตการณ์มหาอุทกภัยอย่างร้ายแรงในหลายพื้นที่ของประเทศไทย ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจและสังคมอย่างรุนแรง มีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่จะต้องบูรณะและฟื้นฟูประเทศ เยียวยาความเสียหายให้แก่ประชาชน รวมทั้งดำเนินการวางะบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศโดยจัดให้มีการลงทุนในโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานที่จำเป็น รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (๒๕๕๔-๒๕๕๗) จึงได้ พระราชกำหนดให้อํานาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕(วงเงิน ๓๕๐,๐๐๐ ล้านบาท)

ปี ๒๕๖๓ เกิดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ขึ้นอย่างรุนแรงทั่วโลก องค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้เป็นภาวการณ์แพร่ระบาดใหญ่ทั่วโลก รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (๒๕๕๗-๒๕๖๕) มีความจำเป็นรีบด่วนที่จะต้องใช้จ่ายเงินเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวซึ่งไม่อาจดำเนินการโดยวิธีการงบประมาณตามปกติ จึงเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้ จึงต้องตราพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ (วงเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ ล้านบาท) พระราชกำหนด ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ (วงเงิน ๕๐๐,๐๐๐ ล้านบาท)

การออกกฎหมายเงินกู้พิเศษดังกล่าวข้างต้นทั้งหมด....ส่งผลให้ระดับหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นจาก ๖๘๕,๒๓๔ ล้านบาท ณ สิ้นปี ๒๕๓๙ ก่อนที่จะเกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง เป็น ๑๒,๐๘๐,๘๐๙ ล้านบาท ณ เดือนมีนาคม ๒๕๖๘ หรือจาก ๑๕% ของ GDP ในปี ๒๕๓๙ เป็นประมาณ ๖๔.๔๒% ของ GDP ณ ปัจจุบัน

(ข้อมูลจากสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ)

และถ้า...รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร (๒๕๖๗ –ปัจจุบัน) มีแผนที่จะออกกฎหมายกู้เงินให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อรับมือผลกระทบจากสงครามการค้า ในวงเงิน ๕๐๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฝ่าวิกฤตมาตรการภาษีตอบโต้ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยหากรัฐบาลเลือกที่จะกู้เงิน ๕ แสนล้านบาท ก็จะทำให้หนี้สาธารณะของไทยเพิ่มขึ้นอีกประมาณ ๓% กลายเป็น ๖๗.๒๑ ของจีดีพี แต่ก็ยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ต้องไม่เกิน ๗๐% ของจีดีพี

ประเทศไทยก็เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ที่มีการกู้เงินจากแหล่งเงินกู้เงินทั้งภายในและต่างประเทศเพื่อนำมาใช้จ่ายในการลงทุน การพัฒนาเศรษฐกิจ ตลอดจนเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ อันเนื่องจากการเร่งรัดพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ หรือในกรณีฉุกเฉินจำเป็นเร่งด่วนอื่นๆ ซึ่งจำเป็นต้องมีการใช้จ่ายเงินเป็นจำนวนมาก เพราะเฉพาะแต่เพียงเงินที่ได้จากการจัดเก็บภาษีอากรซึ่งเป็นรายได้หลักเพียงอย่างเดียวนั้น ย่อมไม่อาจสนองตอบความต้องการใช้จ่ายเงินของรัฐบาลได้

อย่างไรก็ตาม การตรากฎหมายเพื่อกู้เงินจะต้องเป็นไปตามมาตรา ๑๔๐ ของรัฐธรรมนูญปี ๒๕๖๐ และแม้ว่ากระทรวงการคลังจะมีอำนาจในการตรากฎหมายเป็นการเฉพาะเพื่อกู้เงิน แต่การดำเนินการดังกล่าวจะต้องอยู่ภายใต้มาตรา ๕๓ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ที่บัญญัติว่า จะต้องเป็นกรณีที่มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการโดยเร่งด่วนและอย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตของประเทศ โดยไม่อาจตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ทัน นอกจากนี้การกู้เงินหรือการตรากฎหมายยัง ต้องพิจารณาความคุ้มค่าต้นทุน และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐด้วย ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐฯ อีกด้วย

ดร.ธิติ สุวรรณทัต

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
22:51 น. โปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชฯ ข้าราชบริพารในพระองค์ 223 ราย
22:39 น. ฝนถล่มอุดรฯ น้ำท่วมถนนหลายสายหนัก ชาวบ้าน 2 คนถูกไฟดูดเสียชีวิต
22:23 น. 'วุฒิสภากัมพูชา'อนุมัติ! เปิดทางเพิกถอนสัญชาติพลเมืองที่ทรยศต่อประเทศชาติ
22:07 น. ช็อก! คลินิกความงาม หลอกขายคอร์ส เปิดหรูในห้างดัง พบเงินบัญชีม้าเกือบ 50 ล้าน
22:04 น. ‘ทรัมป์’ได้เฮ! ศาลฎีกา‘สหรัฐฯ’ไฟเขียวแผนยุบกระทรวงศึกษาธิการ
ดูทั้งหมด
อื้อหือ! เพจดังเปิดภาพ 'สีกากอล์ฟ' ย้อนอดีต 10 ปี ไม่แปลกใจทำไมพระหวั่นไหว
'สีกากอล์ฟ'ฟาดเรียบ ทั้งเจ้าอาวาส ทั้งคนขับรถ สารภาพถูกชวนมีสัมพันธ์ลึกซึ้ง
วินาที'ในหลวง'ส่งสัญญาณพระหัตถ์ถึง'พระราชินี' ทรงรีบเข้าประคองพระองค์อย่างว่องไว
‘สม รังสี’แฉเหยื่อกว่า 120,000 คนในกัมพูชา ถูกขังใน 53 ตึก โดนบังคับใช้เป็นทาสมาเฟียจีน
ชุดทหารพรานก็ไม่รอด!! เขมรแต่งเครื่องแบบคล้ายชุดทหารพรานไทย สวนสนามต้อนรับ'ฮุน มาเนต'
ดูทั้งหมด
เรามีระบบตรวจสอบ หรือมีแต่ใบอนุญาตที่ซื้อได้?
บุคคลแนวหน้า : 16 กรกฎาคม 2568
ทับละมุ
เชลียร์จนได้เรื่อง!
รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย แบบเอาหน้าประชานิยม
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ฝนถล่มอุดรฯ น้ำท่วมถนนหลายสายหนัก ชาวบ้าน 2 คนถูกไฟดูดเสียชีวิต

‘ทรัมป์’ได้เฮ! ศาลฎีกา‘สหรัฐฯ’ไฟเขียวแผนยุบกระทรวงศึกษาธิการ

ช็อก! คลินิกความงาม หลอกขายคอร์ส เปิดหรูในห้างดัง พบเงินบัญชีม้าเกือบ 50 ล้าน

'เก๋ไก๋'โพสต์ครั้งแรก! พ้ออายุ28แล้วยังผิดพลาดตลอด หลังเจอดราม่าใส่กางเกงรัดรูปเข้าวัด

(คลิป) ด่วน! 6พรรคร่วมซวยแน่ ปมหัวหน้าพรรคพบ 'ทักษิณ'

นักท่องเที่ยวต่างชาติมือบอน พ่นสีหัวรถจักร-ตู้โดยสารรถไฟเสียหาย

  • Breaking News
  • โปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชฯ ข้าราชบริพารในพระองค์ 223 ราย โปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชฯ ข้าราชบริพารในพระองค์ 223 ราย
  • ฝนถล่มอุดรฯ น้ำท่วมถนนหลายสายหนัก ชาวบ้าน 2 คนถูกไฟดูดเสียชีวิต ฝนถล่มอุดรฯ น้ำท่วมถนนหลายสายหนัก ชาวบ้าน 2 คนถูกไฟดูดเสียชีวิต
  • \'วุฒิสภากัมพูชา\'อนุมัติ! เปิดทางเพิกถอนสัญชาติพลเมืองที่ทรยศต่อประเทศชาติ 'วุฒิสภากัมพูชา'อนุมัติ! เปิดทางเพิกถอนสัญชาติพลเมืองที่ทรยศต่อประเทศชาติ
  • ช็อก! คลินิกความงาม หลอกขายคอร์ส เปิดหรูในห้างดัง พบเงินบัญชีม้าเกือบ 50 ล้าน ช็อก! คลินิกความงาม หลอกขายคอร์ส เปิดหรูในห้างดัง พบเงินบัญชีม้าเกือบ 50 ล้าน
  • ‘ทรัมป์’ได้เฮ! ศาลฎีกา‘สหรัฐฯ’ไฟเขียวแผนยุบกระทรวงศึกษาธิการ ‘ทรัมป์’ได้เฮ! ศาลฎีกา‘สหรัฐฯ’ไฟเขียวแผนยุบกระทรวงศึกษาธิการ
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

กฎหมายในฐานะเครื่องมือจริยธรรม

กฎหมายในฐานะเครื่องมือจริยธรรม

11 ก.ค. 2568

วันชาติอเมริกาในบางแง่มุม

วันชาติอเมริกาในบางแง่มุม

4 ก.ค. 2568

กฎหมายงบประมาณรายจ่ายอาจตกเป็นโมฆะ  กรณีศึกษาการแปรญัตติงบประมาณปี ๒๕๖๕

กฎหมายงบประมาณรายจ่ายอาจตกเป็นโมฆะ กรณีศึกษาการแปรญัตติงบประมาณปี ๒๕๖๕

27 มิ.ย. 2568

ความไม่ชัดเจนในมาตรา ๑๔๔ ของรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐  และกรณีศึกษาการกระทำฝ่าฝืนในมาตรานี้

ความไม่ชัดเจนในมาตรา ๑๔๔ ของรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ และกรณีศึกษาการกระทำฝ่าฝืนในมาตรานี้

20 มิ.ย. 2568

รัฐบาลกลางกับการอุดมศึกษาสหรัฐ

รัฐบาลกลางกับการอุดมศึกษาสหรัฐ

13 มิ.ย. 2568

สแตนลีย์ ฟิชเชอร์ กับเมืองไทย

สแตนลีย์ ฟิชเชอร์ กับเมืองไทย

6 มิ.ย. 2568

นักกฎหมายไม่มีคุณธรรม...เลวยิ่งกว่ามหาโจร

นักกฎหมายไม่มีคุณธรรม...เลวยิ่งกว่ามหาโจร

30 พ.ค. 2568

การยกเลิกเหตุปัจจัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๒๓  ที่ให้พระภิกษุมีทรัพย์สินได้เพื่อให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัยที่ได้สวดปาติโมกข์

การยกเลิกเหตุปัจจัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๒๓ ที่ให้พระภิกษุมีทรัพย์สินได้เพื่อให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัยที่ได้สวดปาติโมกข์

23 พ.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved