น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีพูดในรายการ “โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” เมื่อวันอาทิตย์ 4 พ.ค.ตอนหนึ่งว่า “รัฐบาลได้ดีลลับกับรัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์ แต่ยังบอกคนไทยไม่ได้กลัวรู้ไปถึงชาติอื่น”
ดีลลับที่ว่า น.ส.แพทองธารหมายถึงการเจรจาต่อรอง เรื่องที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้ประเทศที่ได้ดุลการค้าสหรัฐ ตามสัดส่วนที่สหรัฐพอใจว่าจะลงโทษชาติไหนเท่าไหร่ตั้งแต่ 10% ขึ้นถึง 155%
ประเทศไทยอยู่ในอันดับ 10 เกินดุลการค้าสหรัฐ 41,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปธน.ทรัมป์ขึ้นภาษีศุลกากรไทย 36% เกิดความวุ่นวายทางการค้า เป็นเหตุให้รัฐบาลพยายามติดต่อสำนักงานการค้าสหรัฐฯหรือ USTR นั่นคือที่มาของคำว่า Deal ลับกับรัฐบาลประธานาธิบดี ทรัมป์
ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการด้านความมั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกล่าวว่า..“ดีลลับ” ที่ว่านี้คืออะไร ฟังแล้วน่าตื่นเต้น แต่จริงๆ แล้ว เป็นข้อเสนอที่ไม่เป็นทางการของทีมเศรษฐกิจกับ USTR ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการเจรจาตามปกติหรือไม่ หรือว่าเป็นข้อเสนอพิเศษจริงๆ ทางการเมืองและความมั่นคงโดยตรงกับ ปธน.ทรัมป์กันแน่
โอกาสของไทยมีมากขึ้นเป็นธรรมดา ถ้าสามารถลดเงื่อนไขที่เป็นปัญหาลงได้และมีข้อเสนอแบบ “Super deal” ที่ ปธน.ทรัมป์ต้องการ แต่สุดท้ายแล้วจะต้องมี “ทีมพิเศษ” ที่เข้าถึงผู้นำของสหรัฐฯ ได้โดยตรง อย่างที่ไทยเคยทำได้มาก่อน จึงจะสามารถลดภาษีลงได้มากและไม่ต้องแจก “ของฟรี” อย่างที่คาดหวังกัน
ดร.ปณิธาน คงเหมือนคนไทยทั่วไป ที่สงสัยว่ารัฐบาล น.ส.แพทองธารไปมีดีลลับอะไรกับอเมริกา เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศหรือไม่? เช่น ยอมให้สหรัฐมีฐานทัพลอยน้ำในไทย หรือยอมให้สหรัฐใช้อู่ตะเภาเป็นฐานปฏิบัติการปิดกั้นจีน สิ่งเหล่านี้คนไทยไม่สามารถรู้ได้เพราะนายกฯกล่าวว่า เป็นดีลลับ
พิเคราะห์จากความเป็นจริง วอชิงตันต้องการสิ่งเหล่านี้ตลอดมา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำสงครามการค้าโดยการขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้ของประธานาธิบดีทรัมป์ครั้งนี้ เป้าหมายหลักอยู่ที่จีนแผ่นดินใหญ่ ทรัมป์ ขึ้นภาษีตอบโต้จีนถึง 145%
แต่การทำสงครามการค้าของสหรัฐ ไม่ได้ทำให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง สะทกสะท้านแต่อย่างใด ตรงกันข้าม ปักกิ่งประกาศขึ้นภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากสหรัฐ 125% สั่งระงับส่งสินค้าใช้สองทางโดยเฉพาะแร่หายากไปสหรัฐ นอกจากนั้นสายการบินพาณิชย์จีนยกเลิกซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 176 ลำ และระงับการนำเข้าเนื้อหมูจากอเมริกา 12,800 ตัน
ประธานาธิบดี สี ออกเดินสายเยือนมิตรประเทศ เรียกร้องให้ทุกชาติ ยึดมั่นในระบบการค้าพหุภาคีเสรีตามระเบียบองค์การการค้าโลก หรือ WTO ที่ทุกประเทศเท่าเทียมกัน มิใช่ชาติใดชาติหนึ่งขึ้นภาษีได้ตามอำเภอใจ ดังที่อดีตรัฐมนตรีคลัง นายสุชาติ ธาดาดำรงเวช แนะนำประเทศไทย “อย่าก้มหัวให้อเมริกา”
ในการให้สัมภาษณ์ “ซินหัว” สำนักข่าวทางการของจีน นายสุชาติ กล่าวว่า..“ประเทศที่ยอมรับการกดขี่ของสหรัฐประเด็นขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้ จะเจ็บตัวมากกว่า”
อดีต รมต.คลัง สมัยรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายสุชาติ เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ยืนหยัดปกป้องผลประโยชน์ของตน ภายใต้การกดดันจากมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของ
สหรัฐ เขาเตือนว่าประเทศที่เลือกประนีประนอมกับอเมริกา จะมีผลลัพธ์เสียหายร้ายแรงกว่า
นายสุชาติกล่าวด้วยว่า มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้เป็นการกระทำฝ่ายเดียวของสหรัฐ ซึ่งผิดหลักทฤษฎีและไม่มีความชอบธรรม “ไม่มีเหตุใดต้องก้มหัวให้ความกดดันของอเมริกา”
เขาชี้ให้เห็นว่า มาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐ มีผลกระทบรุนแรงต่อประเทศกำลังพัฒนาเช่นประเทศไทยในเวลาเดียวกันมันก็ทำร้ายผู้บริโภคชาวอเมริกัน “ถ้าคุณยอมเขา (รัฐบาลวอชิงตัน) จะเรียกร้องโน้นนี้นั่นไม่มีวันจบสิ้น”
นายสุชาติกล่าวว่า เหตุผลการขึ้นภาษีตอบโต้ของสหรัฐ ไม่ได้สนองตอบต่อทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ จากผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่ามันตกเป็นภาระของผู้บริโภคชาวอเมริกัน แทนที่จะเป็นปัญหาของผู้ส่งออกต่างชาติ ถึงแม้ว่าบางอุตสาหกรรมจะกลับไปอเมริกา แต่ต้องใช้เวลานาน และในห้วงเวลาของการย้ายฐานการผลิตเป็นช่วงเวลาสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวง
“อเมริกาทำร้ายคนอเมริกันเองสินค้าจะหายไปจากชั้นวางของซูเปอร์มาร์เก็ต และราคาสินค้าพุ่งขึ้นสูงมาก” เขากล่าวและเสริมว่า ประเทศไทยใช้การส่งออกเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เผชิญการท้าทายครั้งใหญ่ จากการผันผวนของภาษีศุลกากร เนื่องจากว่าการส่งออกต้องเตรียมสินค้าใช้เวลานานหลายเดือน การเปลี่ยนแปลงระบบการค้าในทันทีเป็นการยากลำบากที่สุดของประเทศไทย และการทำธุรกิจปรับแผนการผลิต และยุทธศาสตร์การตลาดไม่ทัน
เร็วๆ นี้ กระทรวงการคลังไทย ปรับลดคาดการณ์เติบโตทางเศรษฐกิจจาก 3.3.% ลงมาอยู่ที่ 2.1% โดยอ้างผลกระทบจากการขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐและเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ธนาคารแห่งประเทศไทยแถลงก่อนหน้าว่าในภาวะเลวร้ายที่สุด การเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำลงกว่าคาดการณ์เพียง 1.3% ปีนี้
นายสุชาติเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ยืนหยัดปกป้องผลประโยชน์ของพวกเขา ภายใต้ความกดดันดังกล่าวเขาเรียกร้องชาติสมาชิกประชาคมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ให้สนับสนุนการค้าเสรีต่อไปอย่างแข็งขัน และยกระดับความร่วมมือผ่านกรอบอาเซียน เพื่อปกป้องผลประโยชน์ร่วมกัน
“การผูกติดกับตลาดใหญ่ และนโยบายที่ไม่สามารถคาดหมายได้อย่างสหรัฐทำให้เราสุ่มเสี่ยงมากเกินไป” เขากล่าวสรุป
เป็นที่น่าสังเกตว่า ซินหัว เสนอบทสัมภาษณ์นายสุชาติเป็นข่าวใหญ่ ราวกับให้นายสุชาติเตือนประเทศไทย แทนจีนแผ่นดินใหญ่ว่า อย่ายอมตามความกดดันของสหรัฐ และให้ไทยร่วมมือกับอาเซียนยึดมั่นในหลักการค้าเสรีของ WTO
จึงมีคำถามว่า คำแนะนำของจีนผ่านการสัมภาษณ์นายสุชาติ รัฐบาล น.ส.แพทองธาร จะอยู่ถึงวันเส้นตายชะลอขึ้นภาษีของทรัมป์หรือไม่? ยังเป็นคำถามที่ไม่มีใครตอบได้
พิเคราะห์จากปัญหาที่เปรียบเหมือนคลื่นยักษ์ ถาโถมเข้าใส่รัฐนาวาแพทองธาร ที่ดูเหมือนว่ารัฐนาวาลำนี้มีกัปตันไร้สมรรถภาพ ไม่มีปัญญาจะฝ่าคลื่นลูกใหญ่ไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคลื่นกระบวนการยุติธรรม ที่เจ้าของรัฐนาวาแพทองธาร มองว่าเป็นเสือกระดาษตลอดมา วันนี้กลายเป็นพยัคฆ์ร้ายที่พร้อมขยุ้มคอเจ้าของนาวาแพทองธารและกัปตันให้ตายได้
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนคดีย้าย นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร จากเรือนจำไปอยู่โรงพยาบาล นาน 120 วัน เป็นไปตามคำสั่งศาล เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ ในวันที่ 13 มิถุนายน เวลา 09.30 น. จำเลย ซึ่งรู้ดีกว่าใครทั้งหมดว่า ขบวนที่ทำกันเป็นอย่างไร คงไม่ไปปรากฏตัวในศาล เพราะไม่กี่วันหลังจากนั้นในเดือนก.ค. ศาลอาญาก็นัดพิจารณาคดีละเมิดกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งทั้งสองคดีมีสิทธิ์ทำให้เทวดาชั้น 14 ตกสวรรค์ได้
ส่วนรัฐบาลแพทองธารเองก็มีปัญหารุมเร้ารอบด้าน ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ ความรุนแรงชายแดนใต้และความตึงเครียดชายแดนกัมพูชา ที่ชาวบ้านมองว่า รัฐบาลไร้สมรรถภาพ ไม่มีสติปัญญาแก้ปัญหาความมั่นคง
ปัญหาทางเมืองก็เกิดความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล ที่ไม่สามารถประสานผลประโยชน์กันได้ในประเด็นกาสิโนถูกกฎหมาย ควรมีในประเทศไทยหรือไม่?
ด้านปัญหาเศรษฐกิจรัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่สามารถทำตามนโยบายเรือธงในการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทถ้วนหน้า
เมื่อวันอังคารที่ 6 พฤษภาคม น.ส.แพทองธารแถลงข่าวเลื่อน(ยกเลิก) แผนการแจกเงิน 10,000 บาท แก่เยาวชนอายุ 16 ถึง 20 ปี 14 ล้านคน ที่ต้องใช้เงิน 1.22 แสนล้านบาทออกไป โดยอ้างว่าต้องรับฟังความคิดรอบด้านโดยเฉพาะอย่างยิ่งความเห็นจากธนาคารแห่งประเทศไทย
ซึ่งในความเป็นจริงธนาคารแห่งประเทศไทย ส่งหนังสือเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร ตั้งแต่ปี 2567 ในสมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตทำไม่ได้ ผิดกฎหมายวินัยการเงิน และธนาคารแห่งประเทศไทยแนะนำให้แจกเงินสดได้ เฉพาะกลุ่มเปราะบางและคนพิการ
น.ส.แพทองธารจึงฉวยโอกาสแจกเงินกลุ่มเปราะบางและผู้พิการ 14.5 ล้านคน และเหิมเกริมวางแผนแจกหาเสียงล่วงหน้าเฟสสอง จนต้องเลื่อน (ยกเลิก) เพราะเจออุปสรรคทางกฎหมาย การยกเลิกแจกเงินเฟสสอง จึงเป็นสัญญาณบอกว่า รัฐบาลเพื่อไทยไม่กล้าฝืนกฎหมาย และได้สำเหนียกว่า บัดนี้สิ่งที่เจ้าของพรรคเพื่อไทยมองเป็นเสือกระดาษ แท้จริงแล้ว เป็นพยัคฆ์ร้าย ที่พร้อมขยุ้มเจ้าของพรรค ให้ตายได้ในวันที่ 13 มิถุนายน นี้
จึงฝากบอกนายสุชาติและรัฐบาลจีนว่า สิ่งที่แนะนำนั้น ไม่สามารถปฏิบัติได้ เนื่องจากว่า รัฐนาวาแพทองธารอาจล่มก่อนถึงวันนัดหมายเจรจากับ USTR
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี