การเปลี่ยนชื่อประเทศ จากสยามมาเป็นไทยนั้นนับว่าเป็นเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อพ.ศ. 2475 เรื่องนี้เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลของหลวงพิบูลสงคราม โดยรัฐบาลได้ประกาศใช้ “-ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรัฐนิยมฉะบับ ที่ 1” เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2482 ซึ่งสมัยนั้นเป็นวันที่ทางการกำหนดให้เป็นวันชาติของไทย ดังนี้
“โดยที่ชื่อของประเทศนี้ มีเรียกกันเป็นสองอย่าง คือ “ไทย” และ “สยาม” แต่ประชาชนนิยมเรียกว่า “ไทย” รัฐบาลเห็นสมควรถือเป็น รัฐนิยมใช้ชื่อประเทศให้ต้องตามชื่อเชื้อชาติและความนิยมของประชาชนชาวไทย”
ในประกาศนี้ให้ใช้ชื่อประเทศและสัญชาติว่าไทยส่วนชื่อประเทศใช้ว่า Thailand และชื่อประชาชนและสัญชาติใช้ว่า Thai ต่อมาในเดือนกันยายน นายกรัฐมนตรี หลวงพิบูลสงครามได้เป็นผู้นำเสนอและชี้แจงต่อสภาฯเอง ในการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า
“นามประเทศของเราซึ่งใช้อยู่ในปัจจุบันนี้ที่เรียกว่า ประเทศสยามนั้น ไม่ปรากฏหลักฐานที่ตั้งขึ้นไว้ คือไม่มีพระราชบัญญัติ หรือ ไม่มีสิ่งใดที่เป็นหลักฐานนามประเทศของเราที่ใช้เรียกกันอยู่ทุกวันนี้ก็ได้ด้วยความเคยชิน หรือได้จดจำเรียกกันต่อๆ มา และได้พยายามให้เจ้าหน้าที่คนในทางประวัติศาสตร์ก็ไม่ปรากฏว่า ใครเป็นคนที่ได้ตั้งขึ้นคราวแรก และตั้งแต่ครั้งใดก็ไม่ทราบเว้นแต่ว่าเราได้เรียกเรื่อยๆ มาเรียกว่าประเทศสยามคำว่าประเทศสยามนั้นก็มักจะใช้แต่ในวงราชการ และนอกจากนั้นก็ในวงของชาวต่างประเทศเป็นส่วนมาก ส่วนประชาชนคนไทยของเราโดยทั่วไป เฉพาะอย่างยิ่งตามชนบทด้วยแล้ว เราจะ ไม่ค่อยใช้คำว่าประเทศสยาม เราใช้คำว่าไทย…”
นายกรัฐมนตรีอารัมภบทแล้วก็อธิบายความต่อที่ค่อนข้างยาว ขอเก็บความสำคัญมาดังนี้
“การที่เราได้เปลี่ยนให้ขนานนามว่าประเทศไทยนั้น ก็เพราะเหตุว่าได้พิจารณาดูเป็นส่วนมากแล้วนามประเทศนั้นเขามักเรียกกันตามเชื้อชาติของชาติที่อยู่ในประเทศนั้น เพราะฉะนั้นของเราก็เห็นว่าเป็นการขัดกันอยู่ เรามีเชื้อชาติเป็นชาติไทยแต่ชื่อประเทศของเราเป็นประเทศสยามจึงมีนามเป็นสองอย่าง ดังนี้ ส่วนมากในนานาประเทศเขาไม่ใช้กัน และเมื่อเราพิจารณาให้กว้างออกไปแล้วเราจะเห็นได้ว่าการใช้คำว่าประเทศสยามนั้นนอกจากจะไม่ตรงกับเชื้อชาติของเราแล้ว นานต่อไปภายหน้าคนต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในประเทศของเราก็อาจที่จะถือเอาสิทธิประเทศของเราเป็นประเทศของเขาก็ได้ ถือว่าเราเป็นชาวไทย เราก็อยู่ในประเทศสยาม ชาวจีนก็อยู่ในสยาม…”
ในการที่จะแก้ไขนามของประเทศนี้ปรากฏว่าทางรัฐบาลก็ได้ศึกษาดูแล้วว่าที่มีการทำกันในประเทศอื่นๆ เช่น ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์และยูโกสลาเวียนั้น ได้ออกเป็นพระราชบัญญัติแก้ไขคำในรัฐธรรมนูญ แต่สำหรับประเทศไทยทางรัฐบาลเห็นว่าการแก้ไขนามของประเทศเป็นการกระทบความในรัฐธรรมนูญซึ่งสำคัญ สมควรจะแก้โดยการออกพระราชบัญญัติรัฐธรรมนูญขนานนามประเทศเสียใหม่ จึงเป็นที่มาของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 เป็นครั้งแรก ได้รัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมว่าด้วยนามประเทศ พ.ศ. 2482 ที่ประกาศใช้ในวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2482 รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีเพียง 3 มาตราดังนี้
มาตรา 1 รัฐธรรมนูญนี้ให้เรียกว่า“รัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมว่าด้วยนามประเทศพุทธศักราช 2482”
มาตรา 2 ให้ใช้รัฐธรรมนูญนี้ตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3 นามประเทศนี้ให้เรียกว่า ประเทศไทย และบทแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายอื่นใดซึ่งใช้คำว่า สยาม ให้ใช้คำว่าไทย แทน
การเปลี่ยนแปลงชื่อประเทศครั้งนั้นได้มีผู้ที่เห็นคัดค้านอยากคงใช้ชื่อสยามอย่างเดิมโดยอ้างทั้งความเป็นมาและความเหมาะสมแต่ ชื่อประเทศไทยและ Thailand ก็ยังคงอยู่ทุกวันนี้
นรนิติ เศรษฐบุตร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี