กรณี“คลิปอัปยศ”จากการสนทนาทางโทรศัพท์ ระหว่าง“แพทองธาร ชินวัตร” กับ“ฮุน เซน”นั้น เมื่อวันที่ 14 กรกฏาคมวานนี้ ได้แผลงฤทธิ์อีกแล้ว โดย ป.ป.ช. มีมติเป็นเอกฉันท์ แต่งตั้งองค์คณะไต่สวน“แพทองธาร”..ฐานกระทำการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง..ก่อนจะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญถอดถอนออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี..เป็นขั้นตอนต่อจากนี้..อันเป็นผลต่อเนื่องมาจากการยื่นคำร้องของ 36 สว. ต่อ ป.ป.ช. ผ่านนายมงคล สุระสัจจะ..ประธานวุฒิสภา..เมื่อวันที่ 20 มิถุนายนเดือนที่แล้ว
ขณะเดียวกัน..เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมวานนี้..ในกรณีเดียวกันและผู้ร้องกลุ่มเดียวกัน..นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช..เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยถึงกำหนดวัน ที่“แพทองธาร ชินวัตร”จะต้องส่งคำชี้แจงข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15..นับตั้งแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องกรณี“คลิปอัปยศ”ของ 36 สว. เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดเตรียมคำชี้แจง หากไม่แล้วเสร็จทันตามกำหนดในวันที่ 15 กรกฎาคมนี้..ก็จำเป็นต้องขอเลื่อนการยื่นคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญออกไปอีก
นั่นเป็นเรื่องของ“แพทองธาร ชินวัตร”ผู้เป็นบุตรสาว..ที่เชื่อกันว่าสุดท้ายแล้วคงไม่แคล้วต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี..ขณะที่“ทักษิณ ชินวัตร”ผู้เป็นบิดาในฐานะ“ผู้ชักใย”..ก็ตกอยู่ในอาการน่าเป็นห่วงเช่นกัน..จากการที่“ฮุน เซน”ประธานองคมนตรี..และประธานวุฒิสภา..แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา..ออกมาโพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก“Samdech Hun Sen of Cambodia”..เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา..เป็นภาษาเขมรและภาษาอังกฤษเผย..แพร่ให้คนทั้งโลกได้รับรู้
โดยข้อความที่“ฮุน เซน”โพสต์นั้น..มีประเด็นที่ถือว่าเป็นเรื่อง“คอขาดบาดตาย”เกี่ยวกับ“ทักษิณ ชินวัตร”..ซึ่ง“ทักษิณ”จะต้องออกมาชี้แจงว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร..หากนิ่งเฉยก็เท่ากับยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง
“ฮุน เซน”ผู้ทรงอำนาจของเขมรนั้น มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดในทางส่วนตัวกับ“ทักษิณ ชินวัตร” และคนใน“ตระกูลชินวัตร”..จึงแยกไม่ออกระหว่างผลประโยชน์ของประเทศชาติ..กับผลประโยชน์ส่วนตัวระหว่าง“ตระกูลชินวัตร” กับ“ตระกูลฮุน”..ในฐานะที่สองตระกูลนี้มีอำนาจ“ครอบงำ”การบริหารราชการแผ่นดิน..โดย“ฮุน เซน”ได้โพสต์ในเฟซบุ๊กว่า
“โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่แปลกใจกับการทรยศของทักษิณเลย..เขาทรยศแม้กระทั่งชาติบ้านเมืองของเขาเอง..ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะทรยศต่อคนชาติอื่นอย่างผม..แต่ทักษิณไม่ควรลืมเรื่องราวมากมายที่เขาเคยเล่าให้ผมฟัง..ขณะที่ขอคำแนะนำจากผม เช่น..การปลดรัฐมนตรีกลาโหมภายใน 24 ชั่วโมง..และการที่เขาดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย..ทั้งในอดีตและปัจจุบัน”
ประธานองคมนตรี..และประธานวุฒิสภาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา..ที่ชื่อ“ฮุน เซน”ระบุเช่นนั้น..ต้องถือว่าเป็นเรื่องใหญ่..เป็นเรื่องที่กระทบต่อเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีของประเทศ..และเป็นข้อกล่าวหาว่า..คนไทยที่ชื่อ“ทักษิณ ชินวัตร”เป็นผู้“ทรยศขายชาติ”
“ทักษิณ ชินวัตร”ไมใช่นายหมูนายแมว..แต่เป็นบิดาของ“แพทองธาร ชินวัตร”นายกรัฐมนตรีของราชอาณาจักรไทย..และคนทั่วไปก็รู้ว่า“ทักษิณ”เป็นผู้ชักใยบุตรสาวที่เป็น“นายกฯหุ่นเชิด”..และเป็น“บุคคลนอก”ที่ครอบงำพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล..โดยที่เวลานี้ก็ได้มีผู้ร้องเรียนไปยัง กกต.เรียบร้อยแล้ว..เพื่อให้เอาผิดกับ“ทักษิณ”และพรรคเพื่อไทย..ฐานฝ่าฝืนมาตรา 28 และมาตรา 29 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560..กระทําการอันเป็นการ“ควบคุม-ครอบงํา”..หรือชี้นํากิจกรรมของพรรคการเมือง
ดังนั้น ถ้า“ทักษิณ ชินวัตร”ยังนิ่งเฉย..ก็เท่ากับยอมรับว่า..ข้อความที่“ฮุน เซน”โพสต์เผยแพร่ต่อสาธารณะนั้นเป็นเรื่องจริง..และเข้าข่ายมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา..ในหมวด 3 “ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร”..อย่างน้อยก็ 2 มาตรา..คือ มาตรา 120 และมาตรา 124
มาตรา 120 มีข้อบัญญัติว่า..“ผู้ใดคบคิดกับบุคคลซึ่งกระทำการเพื่อประโยชน์ของรัฐต่างประเทศ..ด้วยความประสงค์ที่จะก่อให้เกิดการดำเนินการรบต่อรัฐ..หรือในทางอื่นที่เป็นปรปักษ์ต่อรัฐ..ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต..หรือจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี”
และมาตรา 124 บัญญัติไว้ว่า..“ผู้ใดกระทำการใดๆ..เพื่อให้ผู้อื่นล่วงรู้..หรือได้ไปซึ่งข้อความ..เอกสารหรือสิ่งใดๆ..อันปกปิดไว้เป็นความลับสำหรับความปลอดภัยของประเทศ..ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี”
การกระทำของ“ทักษิณ ชินวัตร”..ว่าจะเข้าข่ายทรยศต่อชาติบ้านเมืองหรือไม่อย่างไรนั้น..ลองพิจารณาดูจาก 2 ย่อหน้า..ที่“ฮุน เซน”ผู้ทรงอำนาจตัวจริงของราชอาณาจักรกัมพูชา..โพสต์กล่าวหา“ทักษิณ ชินวัตร”ว่า..“เขาทรยศแม้กระทั่งชาติบ้านเมืองของเขาเอง”-ดังนี้
“ปัญญาชนไทยบางคนได้แสดงความคิดเห็นว่า..ผมเข้าใจภาพรวมการเมืองไทยได้อย่างชัดเจน..แล้วผมจะไม่เข้าใจได้อย่างไร..ในเมื่อทักษิณคอยให้ข้อมูลและขอความเห็นจากผมเกือบทุกวัน..ทุกสัปดาห์..หรือทุกเดือน..ขึ้นอยู่กับปริมาณงานของเขา..และทั้งหมดนี้ไม่ได้เกี่ยวกับกิจการของกัมพูชา..แต่เกี่ยวกับการเมืองของเขาในประเทศไทยต่างหาก”
“ถึงจุดหนึ่ง..ผมอาจต้องใช้เวลามากกว่าสามชั่วโมง..เพื่อพูดถึงทักษิณอย่างครบถ้วน..ซึ่งผมเคยช่วยเหลือตั้งแต่ปี 2549 ถึง 2568..และในเย็นวันที่ 15 มิถุนายน 2568..ทักษิณได้สื่อสารผ่าน Khlang Huot (เขลียง ฮวด-ล่าม)..ว่า อนุทิน ชาญวีรกูล..หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย..รองนายกรัฐมนตรี..และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย..จะต้องถูกปลดออกจากตำแหน่ง..เพื่อให้พรรคเพื่อไทยสามารถเข้ามาควบคุมกระทรวงมหาดไทยได้..ผมจึงตอบกลับไปว่า..‘ปลดเขาออก และเตรียมตัวที่จะถูกปลด’”
อย่างไรก็ตาม..การที่ “ฮุน เซน”ทอดเวลาออกมา 4 วัน..หลังจาก“ทักษิณ ชินวัตร”ไปแสดงวิสัยทัศน์กับ 3 บรรณาธิการของสื่อเครือเนชั่น..เมื่อวันที่ 9 กรกฏาคมที่ผ่านมา..และได้พูดถึง“ฮุน เซน”เกี่ยวกับ“คลิปอัปยศ”และความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับ“ฮุน เซน”..ว่า“เคยนับถือเป็นพี่น้องกัน”..แต่วันนี้“ไม่ใช่”..ย่อมแสดงว่า“ฮุน เซน”เตรียมตัวมาอย่างดี..จึงได้ออกมาโพสต์ลงในเฟซบุ๊กเพื่อให้คนทั้งโลกได้รับรู้
สำคัญที่สุดก็คือ..อย่างที่กล่าวไว้ในตอนต้น..ถ้าหาก“ทักษิณ ชินวัตร”นิ่งเฉย..ก็เท่ากับยอมรับว่า..ที่“ฮุน เซน”พูดนั้นเป็นเรื่องจริง..ว่า“ทรยศแม้กระทั่งชาติบ้านเมืองของเขาเอง”
ทั้งนี้..บทลงโทษ“คนทรยศขายชาติ”ต่อแผ่นดินไทยในสมัยโบราณ..ตามกฎหมายตราสามดวงนั้น..จะต้องถูก“ประหารชีวิตอย่างสาสม”..เรียกว่า “ต้องตัดหัวเสียบประจานหน้าประตูเมือง”..และ “ตัดโคตรเหง้า-ล้างเชื้อสาย”ของผู้ทรยศ..เพื่อไม่ให้ใครเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
บรรรทัดนี้ต้องบอกว่า..ประวัติศาสตร์เกี่ยวกับ“พระยาละแวก”มีที่มาที่ไปอย่างไร..ซึ่ง“ทักษิณ ชินวัตร”แนะนำให้คนไทยไปหาอ่านนั้น..แสดงว่า“ทักษิณ”เองก็อ่านไม่แตก..จึงไปนับญาติกับ“ฮุน เซน”..และคบหาผูกพันกันมายาวนานระหว่างสองตระกูล
จากนี้ไป..นับวัน“ชะตาขาด”ของสองพ่อลูกผูกพัน..แห่งตระกูลชินวัตร “ณ บ้านจันทร์ส่องหล้า”ได้เลย !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี