ท่ามกลางวิกฤตการณ์ทางการเมืองและความมั่นคงของประเทศ นายแพทย์เชิดชัย ตันติศิรินทร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยออกมาเรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญ “เลื่อนการพิจารณาคดี” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ออกไปก่อน โดยอ้างเหตุว่าสถานการณ์บ้านเมืองไม่ปกติ และให้ยกเลิกคำสั่ง “หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี” เพื่อให้น.ส.แพทองธาร กลับมาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีแบบเต็มตัวจะได้มีอำนาจสั่งราชการได้เต็มที่ ข้อเสนอนี้ไม่เพียงไร้เหตุผลทางกฎหมาย หากยังเป็นการแทรกแซงอำนาจตุลาการอย่างโจ่งแจ้ง

การกำหนดวันนั่งพิจารณาคดีเป็นอำนาจโดยชอบของศาลรัฐธรรมนูญที่บัญญัติไว้ชัดเจนในกฎหมาย ไม่มีเหตุอันสมควรใดที่ฝ่ายการเมืองจะมากำหนดแทน หรือเรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงตามอำเภอใจ การอ้างสถานการณ์ไม่ปกติ จึงเป็นเพียงข้ออ้างที่ปราศจากน้ำหนัก เพราะในความเป็นจริง ศาลมีหน้าที่พิจารณาเพื่อหาข้อยุติตามกฎหมายและหลักนิติธรรม ไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะปกติหรือไม่ก็ตาม

ที่สำคัญ เหตุการณ์ที่ผ่านมาได้พิสูจน์ แล้วว่า แม้นางสาวแพทองธารจะอยู่ในสถานะนายกรัฐมนตรีเต็มตัว ก็ไม่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพหรือภาวะผู้นำที่เพียงพอในการบริหารจัดการวิกฤตตั้งแต่วิกฤตความมั่นคงชายแดน การจัดการภายในประเทศ ไปจนถึงการประสานงานกับนานาชาติ ล้วนสะท้อนภาพผู้นำที่ขาดทั้งวิสัยทัศน์และความเด็ดขาด

ยิ่งไปกว่านั้น ความขัดแย้งส่วนตัวระหว่างครอบครัวชินวัตรกับครอบครัวผู้นำกัมพูชา ซึ่งสังคมรับรู้กันมานาน เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเสื่อมถอย และถูกเชื่อมโยงว่าเป็นชนวนความตึงเครียดที่นำไปสู่การปะทะทางทหารในปัจจุบัน เมื่อผู้นำประเทศเองคือศูนย์กลางของปัญหา การปล่อยให้ดำรงตำแหน่งต่อไปย่อมไม่ใช่คำตอบ

ดังนั้น ข้อเสนอให้เลื่อนพิจารณาและยกเลิกคำสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ จึงไม่ใช่การปกป้องผลประโยชน์ชาติ หากแต่เป็นเพียงความพยายาม “เอาใจ” ผู้นำพรรคและครอบครัวทางการเมืองอย่างสิ้นไร้เหตุผล เป็นการยอมลดมาตรฐานของบ้านเมืองเพื่อปกป้องคนเพียงหนึ่งคน ขณะที่ประเทศต้องการผู้นำที่มีความสามารถจริง ไม่ใช่ผู้นำที่ต้องพึ่งการประคองจากเครือข่ายอำนาจ

ประเทศไทยในเวลานี้ ไม่อาจเดินหน้าได้ด้วยการปกป้องผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม การตัดสินคดีของศาลต้องดำเนินไปตามกำหนด เพื่อสร้างความกระจ่างและยุติธรรมต่อทุกฝ่าย การหยุดยื้อ หยุดเลี่ยง และหยุดเอื้อประโยชน์ให้กับผู้นำที่ล้มเหลว คือตัวชี้วัดว่าประเทศยังมีหลักนิติรัฐอยู่หรือไม่

ท้ายที่สุด สังคมควรตระหนักว่า การเมืองที่ดีไม่ใช่การหาข้ออ้างให้คนผิดอยู่รอด แต่คือการยอมรับกระบวนการยุติธรรม แม้จะไม่ถูกใจทางการเมืองก็ตาม เพราะประเทศนี้ต้องเดินไปข้างหน้า ด้วยผู้นำที่มีความสามารถและซื่อสัตย์ต่อประชาชน ไม่ใช่ด้วยการปกป้องบุคคลที่เป็นส่วนหนึ่งของปัญหา