ความน่าเชื่อถือของไทยเทียบกับกัมพูชาในสายตาประชาคมโลก นับว่าของไทยดีกว่ากัมพูชา เพราะกัมพูชาถูกระบุว่าเป็นแหล่งอาชญากรรมระดับโลก โดยเฉพาะอาชญากรรมไซเบอร์ ซึ่งเรื่องนี้มาจากการรายงานโดยสหประชาชาติ โดยเน้นชัดเจนว่ากัมพูชาเป็นศูนย์กลางของแก๊งอาชญากรรมไซเบอร์และการหลอกลวงผ่านระบบออนไลน์ที่เป็นภัยคุกคามระดับโลก
สื่อมวลชนนานาชาติ อาทิ Strait Times ของสิงคโปร์ ระบุว่า แก๊งอาชญากรใช้กัมพูชาเป็นศูนย์กลางปฏิบัติการหลอกลวงเหยื่อจากนานาประเทศทั่วโลก ในรูปแบบหลอกลวงการลงทุนออนไลน์ การพนันออนไลน์ และการส่งข้อความและบทสนทนาล่อลวงให้ผู้รับสารเกิดความเข้าใจผิดคิดว่าเป็นการสร้างสัมพันธ์เชิงชู้สาว (romance scams) และการค้ามนุษย์ผ่านกระบวนการไซเบอร์
ถามว่าทำไมแก๊งอาชญากรจึงใช้กัมพูชาเป็นศูนย์กลางปฏิบัติการ ตอบได้ว่า เพราะกัมพูชามีช่องว่างด้านกฎหมาย ประกอบกับมีการทุจริตในประเทศอย่างหนัก รวมถึงเป็นเพราะผู้นำการเมืองของประเทศกัมพูชาน่าจะมีส่วนได้จากกิจกรรมผิดกฎหมายเป็นเงินจำนวนมหาศาล เพราะฉะนั้น จึงทำให้อาชญากรไซเบอร์เน้นการเข้าไปตั้งถิ่นฐานทำการทุจริตในกัมพูชา และยังมีอีกปัจจัยคือกัมพูชามีบ่อนการพนันมากมาย โดยบ่อนเหล่านั้นให้ผลประโยชน์จำนวนมากกับผู้นำการเมืองของกัมพูชาด้วย
กัมพูชาถูกระบุโดยสหรัฐฯ ว่าเป็น scammer hub หรือเป็นศูนย์กลางของนักต้มตุ๋นหลอกลวงระดับโลก ในขณะที่ผู้มีอำนาจรัฐของกัมพูชาไม่ได้ตั้งใจปราบปรามแก๊งอาชญากรไซเบอร์อย่างจริงจัง เพราะได้ผลประโยชน์จำนวนมหาศาลจากการกระทำของแก๊งอาชญากรสารพัดชนิด รวมถึงจากบ่อนการพนันด้วย
แต่ถึงแม้ภาพลักษณ์ของกัมพูชาจะเน่าเฟะ เน่าหนอนมากในสายตาของนานาชาติ แต่มีคำถามว่าแล้วเหตุใดเวลากัมพูชาสร้างข่าวลวงโลกว่าไทยใช้อาวุธสงครามโจมตีกัมพูชา ทั้งๆ ที่กัมพูชาจงใจรุกรานและโจมตีไทยก่อน โดยจงใจยิงจรวดและอาวุธสงครามนานาชนิดใส่บ้านเรือนราษฎรไทย และจงใจยิงถล่มโรงพยาบาลไทย รวมถึงโรงเรียน วัด ชุมชน ร้านค้า และตลาดของไทย จนเป็นเหตุให้พลเรือนไทยเสียชีวิตไปมากกว่า 10 ราย บาดเจ็บหลายสิบรายแต่แทนที่นานาชาติจะประณามการกระทำที่เลวทรามของกัมพูชา แต่กลับกลายเป็นว่านานาชาติหลายประเทศเข้าใจว่าไทยโจมตีกัมพูชาก่อน เพราะเห็นว่าไทยมีความเหนือกว่ากัมพูชาในทุกด้าน เช่น ด้านกำลังรบ ด้านจำนวนประชากร ด้านการศึกษา ด้านความเจริญของบ้านเมือง และด้านเศรษฐกิจ
นับตั้งแต่กัมพูชาลอบเผาศาลาตรีมุข ที่ชายแดนไทย-กัมพูชา-ลาว ตั้งแต่ช่วงประมาณต้นปี 2568 แล้วไล่เรื่อยมาจนถึงการที่กัมพูชาจงใจรุกล้ำเขตแดนของไทย ขุดคูเลตลุกล้ำเข้ามาในเขตไทย รวมถึงลอบวางกับระเบิดในเขตแดนของไทย แม้กระทั่งลอบยิงทหารไทย และการจงใจสร้างสถานการณ์ยั่วยุทหารไทย โดยการใช้ทหารกัมพูชาให้แต่งกายเป็นพลเรือนบ้าง พระสงฆ์บ้าง แล้วจงใจเข้าไปก่อกวนสร้างความไม่สงบในเขตแดนไทย โดยเฉพาะในเขตปราสาทต่างๆ ที่อยู่ใกล้แนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านจังหวัดอีสานตอนใต้ แต่ทั้งที่กัมพูชาจงใจโจมตีไทยก่อน แต่กลับโกหกประชาคมโลกว่าถูกไทยโจมตี โดยทุกครั้งเมื่อกัมพูชาก่อเหตุกับไทย แต่กลับเป็นฝ่ายสร้างเรื่องโกหกโลกว่าไทยรังแกกัมพูชา
ส่วนไทยเป็นผู้ถูกกระทำละเมิดโดยกัมพูชาตลอดเวลา แต่ไทยกลับไร้ปัญญาชี้แจงให้โลกเห็นถึงความเลวทรามต่ำช้าของกัมพูชา เมื่อกัมพูชาสร้างเรื่องเลวร้ายแล้วก็ตามด้วยการส่งข่าวเท็จลวงให้โลกเข้าใจผิดอย่างฉับพลันด้วยการส่งเรื่องเท็จผ่านระบบ social media โดยฝีมือของฮุนเซน และ ฮุน มาเนตแล้วตามด้วยการสร้างเรื่องเท็จผ่านปากของมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา แต่ก็น่าสมเพชประเทศไทยมาก ตรงที่รัฐบาลไทยปล่อยให้กัมพูชาโกหกโลกแล้วใส่ร้ายไทยตลอดเวลา โดยรัฐบาลไทยไม่มีปัญญาบอกความจริงกับโลกว่าไทยถูกกัมพูชาโจมตีก่อนทุกครั้ง นี่คือความอ่อนด้อยทางการทูตของไทยอย่างชัดเจนที่สุด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี