นับตั้งแต่มีประเทศไทยมา โดยนับจากช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 จวบจนบัดนี้ ยังไม่เคยมีนายกรัฐมนตรีไทยคนไหนที่ประกาศกับผู้นำการเมืองของต่างชาติว่า เขาผู้นั้นเป็นพวกเดียวกับผู้นำต่างชาติ แล้วเขาก็ประกาศชัดว่าตัวของเขาเป็นปรปักษ์ เป็นศัตรูกับทหารของชาติตนเอง แถมยังบอกอีกว่าผู้นำต่างชาติต้องการอะไร ก็ยินดีจะทำให้ทุกอย่าง ขอให้บอกมาเลย
ผู้นำการเมืองรายใดก็ตามที่มีคำพูดดังกล่าว ก็ย่อมแสดงให้เห็นชัดเจนว่าผู้นำการเมืองผู้นั้นยอมตัวเป็นขี้ข้าของคู่สนทนาอย่างแน่ชัด แล้วต้องย้ำเหมือนเดิมว่า ไม่มีคู่เจรจาหน้าไหนจะยอมแบะท่าประกาศว่าฝ่ายคู่เจรจาต้องการอะไร ขอให้บอกมาเลย เพราะการพูดเช่นนั้นมันคือคำพูดของคนที่ด้อยกว่า อ่อนกว่า และเป็นการพูดที่บ่งบอกชัดเจนว่าผู้พูดเป็นฝ่ายเสียเปรียบคู่เจรจา
การที่นายกรัฐมนตรีไทย คือแพทองธาร ชินวัตร ใช้คำพูดแบบแสดงอาการศิโรราบ หมอบราบคาบแก้วต่อฮุนเซน ผู้นำตัวจริงของกัมพูชา มันคือเครื่องบ่งบอกว่าแพทองธารยอมจำนนต่อฮุนเซนด้วยประการทั้งปวง
ดังนั้น การที่แพทองธารพยายามแก้ตัวด้วยการพูดปดว่า นั่นคือเทคนิคการเจรจาเพื่อหวังผลเลิศจึงเป็นเพียงคำโกหกโป้ปดมดเท็จอย่างน่าสมเพช และน่าละอายอย่างที่สุด ขอย้ำว่าแม้กระทั่งผู้นำของประเทศราช หรือประเทศผู้แพ้สงครามยังไม่กล้าพูดคำไร้สาระเช่นนี้กับผู้ที่รบชนะตนเอง แต่คำถามคือ เหตุใดแพทองธารต้องศิโรราบต่อฮุนเซนถึงเพียงนี้
แพทองธารเข้าใจว่าประเทศไทยตกเป็นเบี้ยล่าง เป็นประเทศราช เป็นประเทศแพ้สงครามต่อกัมพูชา กระน้้นหรือ จึงได้กล่าวคำพูดที่แสนบัดซบเช่นนั้นออกไป แล้วที่สำคัญคือแพทองธารกล่าวคำบัดซบเช่นนั้นกับฮุนเซนโดยตรง แม้จะมีล่ามแปลภาษาให้ก็ตามทีแต่คำถามที่ต้องถามย้ำคือฮุนเซนเป็นเจ้าอาณานิคมของไทยในยุคที่ไทยมีแพทองธารเป็นนายกรัฐมนตรี เช่นนั้นหรือ
คำแก้ตัวแบบสวะๆ ของแพทองธารที่อ้างว่าคำพูดของนางไม่ได้ทำให้ประเทศไทยเสียหายอะไร คือคำแก้ตัวของคนไร้สำนึก คนที่ทำผิดแล้วยังไร้สำนึก เป็นบุคคลที่ไม่ควรจะมีชีวิตอยู่ต่อไป เพราะหากอยู่ต่อไปก็รังแต่จะทำความวิบัติฉิบหายให้กับประเทศชาติบ้านเมืองและประชาชน
ด้วยความที่แพทองธารอ่อนด้อย ไร้สติ สิ้นปัญญา ไร้ประสบการณ์บริหารบ้านเมือง แถมยังสิ้นไร้จริยธรรม สิ้นไร้คุณธรรมในการปฏิบัติหน้าที่ผู้บริหารสูงสุดของประเทศ จึงทำให้ตนเองไม่สำนึกสำเหนียกในการจงใจกระทำความผิดอย่างมหันต์ อันนำผลเสียร้ายแรงมาสู่ประเทศชาติ
ขอย้ำว่าไม่เคยมีในประวัติศาสตร์การเจรจาความเมือง และประวัติศาสตร์การทูตของโลกใบนี้ที่ผู้นำการเมืองของประเทศหนึ่งยอมตัวศิโรราบต่อผู้นำการเมืองของอีกประเทศหนึ่ง ขอย้ำว่าไม่มีเป็นอันขาด แม้กระทั่งประเทศที่แพ้สงคราม ก็ยังไม่ปรากฏว่าผู้นำการเมืองหรือผู้นำประเทศของฝ่ายแพ้สงครามจะกล้าใช้คำพูดดังเช่นที่ แพทองธาร พูดกับ ฮุนเซน
แพทองธารยังคงอ้างว่าคำพูดของตนเองกับฮุนเซนไม่ได้ทำให้ประเทศไทยเสียหาย ไม่ได้ทำให้เสียหายต่อเกียรติภูมิของนายกรัฐมนตรีไทย และไม่ได้ทำให้ประชาชนไทยเกิดความรู้สึกไม่เชื่อมั่นในความสุจริตของนายกรัฐมนตรี แต่ขอย้ำว่านั่นคือคำแก้ตัวของแพทองธาร คือเป็นคำแก้ตัวที่ไร้ตรรกะอย่างที่สุด และคำแก้ตัวแบบนี้จะไม่มีวันออกจากปากของคนที่มีความละอายได้เป็นอันขาด
การอ้างแบบมั่วๆ ซั่วๆ จากคนที่เขียนข้อความให้แพทองธารใช้ยื่นเพื่อแก้ตัวกับศาลรัฐธรรมนูญที่ว่าทำไปตามหลักการเจรจาเชิงผลประโยชน์ (principled negotiation) และอ้างแบบเน้นการแก้ตัวแบบเอาสีข้างเข้าถูว่า เป็นการใช้เทคนิคตั้งคำถามเพื่อค้นหาความต้องการที่แท้จริง (interest based) ของคู่สนทนา แต่มิได้ตั้งใจทำตามคำพูดที่พูดกับผู้สนทนาในทุกกรณี
การอ้างหรือการแก้ตัวแบบเอาสีข้างเข้าถูโดยแพทองธารในย่อหน้าต้น ทำให้ผู้ที่มีสติปัญญาอ่านแล้วเกิดอาการสมเพชแพทองธารหนักกว่าเดิม เพราะต้องย้ำว่าไม่มีการเจรจาใดๆ ที่จะพบว่าผู้เจรจาจะใช้คำพูดแบบไร้สติ สิ้นปัญญาแบบแพทองธาร ขอย้ำว่าไม่มีใครเจรจากับใครแล้วแบแบะท่าให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ว่าตนเองไม่มีท่าต่อสู้ ไม่มีปัญญาตั้งหรือเสนอข้อแลกเปลี่ยน แต่การที่แพทองธารแบะท่าให้ฮุนเซนเช่นนั้น มันคือการบอกว่าฉันคือฝ่ายเป็นเบี้ยล่าง หรือมีสถานะไม่ต่างจากขี้ข้าของฮุนเซน
แพทองธารจงไปหาตัวอย่างการเจรจาความเมือง หรือการเจรจาทางการทูต และการเจรจาเพื่อต่อรองผลประโยชน์ใดๆ ก็ตามที่มีอยู่จริงบนโลกใบนี้มาเป็นเครื่องสนับสนุนให้ได้สิว่า มีผู้นำการเมืองที่มีสติปัญญาหน้าไหนบ้างที่ใช้คำพูดโง่เขลาเบาปัญญาเหมือนที่แพทองธารใช้พูดกับฮุนเซน แล้วไปหาข้อมูลมาสนับสนุนคำพูดโง่เขลาเบาปัญญาที่ว่า ทหารมันเป็นฝ่ายตรงกันข้ามกับเราทหารมันอยากเท่ uncle อยากได้อะไร บอกอิ๊งค์มาเลย อิ๊งค์จัดการให้ได้โดยทันที
ขอย้ำว่าคำพูดจากปากแพทองธารในย่อหน้าข้างต้นคือคำพูดของเมืองประเทศราช เมืองที่มีสถานภาพขี้ข้า หรือเมืองขึ้น เพราะไม่มีประเทศเอกราชประเทศไหนที่ใช้คำพูดดังกล่าวกับคู่สนทนาอย่างแน่นอน
ลองไปฟังคำแก้ตัวต่างๆ นานา ของแพทองธารแล้วจะเข้าใจได้ทันทีว่าแพทองธารนั้น นอกจากจะแถไถไปเรื่อยๆ แล้ว ยังโยนความผิดให้แม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย และยังโยนความผิดให้ฮวด (ล่ามกัมพูชา) อีกด้วย
ถามว่าการที่แพทองธารพูดกับฮุนเซนนั้นใครบังคับให้เธอพูด เปล่าเลย เธอพูดเอง เธอพูดเพราะเธอมีสติปัญญาเพียงเท่านั้น เธอพูดไปตามระดับสติปัญญาของเธอ แต่ที่สำคัญคือเธอพูดไปโดยไม่คำนึงว่าประเทศไทยจะเสียหาย บรรลัยวายป่วงมากมายและสาหัสหนักหนาสักเพียงใด
อย่างไรก็ตาม จนถึงบัดนี้ยังไม่มีใครเชื่อว่าแพทองธารสนทนากับฮุนเซนเพียงลำพัง (แม้จะมีฮวดเป็นล่ามแปลภาษาให้ก็ตาม) เพราะที่ผ่านมานั้น เวลาแพทองธารไปเจรจากับผู้นำการเมืองของประเทศต่างๆ ก็ไม่เคยปรากฏว่าแพทองธารไปเจรจาแบบเดี่ยวๆ ด้วยตัวของเธอเพียงคนเดียว เพราะมีภาพยืนยันทุกครั้งว่ามีลิ่วล้อบริวารล้อมหน้าล้อมหลังอยู่เสมอ แต่ปัญหาคือเวลาแพทองธารเจรจาความเมืองกับผู้นำการเมืองของชาติอื่น แพทองธารแสดงให้สาธารณชนเห็นเป็นประจำว่าเธอไม่ได้แสดงความเฉลียวฉลาดใดๆ ให้ปรากฏแม้แต่น้อย แต่ที่น่าสมเพชคือบรรดาลิ่วล้อบริวารของแพทองธารก็นั่งอยู่ในวงเจรจานั้น แต่ไม่มีลิ่วล้อบริวารหน้าไหนกล้าบอกกับแพทองธารตรงๆ ว่ากำลังแสดงความโง่เขลาเบาปัญญาให้ปรากฏต่อสาธารณชน
คนไทยส่วนใหญ่คงไม่ทราบหรอกว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะมีคำวินิจฉัยต่อคำพูดที่แสนโง่เขลาเบาปัญญาจากปากแพทองธารที่สนทนากับฮุนเซนในสถานะใด แต่คนไทยยังเชื่อว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญส่วนใหญ่คงมีสติปัญญาสูงส่งและเห็นแก่ความเป็นความตาย ความอยู่รอดปลอดภัยของบ้านเมืองเป็นประการสำคัญ คนไทยไม่หวังว่าจะบังเกิดความอัปยศในศาลรัฐธรรมนูญเหมือนเมื่อครั้งปี 2544 ที่มีคำสุดทุเรศ ไร้สติ สิ้นปัญญาว่า บกพร่องโดยสุจริต และขอย้ำว่าจะไม่มีทางบังเกิดคำว่าบกพร่องโดยสุจริตจากศาลรัฐธรรมนูญในยุคนี้ โดยเฉพาะยุคที่คนไทยจำนวนไม่น้อยมองตรงกันว่าเป็นยุคที่ผู้นำการเมืองไทยจงใจขายชาติ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี