ชอบโปรยข่าวของสำนักข่าว อัล-จาซีรา ที่เสนอบทความพาดหัวว่า “ชินวัตรจบแล้ว” ก่อนศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีห้าชั่วโมง
อัล-จาซีรา เสนอข่าวตรงไปตรงมาว่า วันนี้ตระกูลชินวัตรเฝ้าคอยฟังคำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญด้วยใจระทึก จากคดีคลิปเสียงอื้อฉาวที่น.ส.แพทองธาร พูดโทรศัพท์กับฮุนเซน ไม่ว่าผลของการตัดสินจะออกมาเป็นบวกหรือลบก็ถือได้ว่า “ตระกูลชินวัตรจบทางการเมืองแล้ว”
อัล-จาซีราให้รายละเอียดเนื้อข่าวเหมือนที่คนไทยทั่วไปรู้ว่า ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาเกิดจากตระกูลการเมืองกัมพูชากับตระกูลการเมืองในประเทศไทย ขัดแย้งกันจนบานปลายกลายเป็นความขัดแย้งระดับชาติ เป็นเหตุให้คนไทยหันไปสนับสนุนทหารและชิงชังรัฐบาล ผลการสำรวจความนิยมออกมาแสดงให้เห็นว่า ความนิยมทหารพุ่ง 75.67% ขณะทีี่ความนิยมพรรคเพื่อไทยดำดิ่งเกือบกลายเป็นติดลบ
อัล-จาซีราให้มองฉากทัศน์ด้วยว่าหากสถานการณ์เลวร้ายที่สุด ทักษิณ ชินวัตร ผู้มีอิทธิพลทางการเมืองไทยมากว่ายี่สิบปีถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสั่งให้กลับเข้าคุกในวันที่ 9 กันยายน ก็ถือว่าตระกูลชินวัตรจบแล้ว
นั่น เป็นบทความของสื่อต่างประเทศ ที่เสนอก่อนศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย และต่อมา ศาลฯอ่านคำวินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธารพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทำให้ความนิยมในตระกูลชินต่ำลงไปอีก เมื่อคำพิพากษาตอนหนึ่งกล่าวว่า
“...แม้ผู้ถูกร้องจะกล่าวอ้างว่า เป็นการเจรจาส่วนตัว ให้บ้านเมืองกลับสู่ความสงบ โดยไม่ต้องใช้ความรุนแรง กระทบชีวิตทหารประชาชน แต่เมื่อการกระทำส่งผลกระทบภาพลักษณ์ เสียหายว่าคำนึงประโยชน์กัมพูชามากกว่า ทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ถูกร้อง เสียหายต่อเกียรติศักดิ์นายกฯ ปฏิบัติราชการไม่คำนึงประโยชน์ชาติ..
ดังนั้นการกระทำของผู้ถูกร้องเป็นการฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง เมื่อพิจารณาถึงเจตนา จึงเป็นเรื่องร้ายแรง จึงมีพฤติกรรมฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรม ทำให้ขาดคุณสมบัติตาม รธน. ๑๖๕...”
คำพิพากษาของศาลศาลรัฐธรรม ซึ่งผูกพันทุกองค์กรยืนยันว่าผู้ถูกร้อง “ปฏิบัติราชการไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ชาติ” ซึ่งตรงกับที่คนไทยไล่ให้ไปเป็นนายกฯเขมร เสริมน้ำหนักให้สำนักข่าวอัล-จาซีรา ว่า ตระกูลชิน จบแล้ว
คนไทยจำนวนมากไม่ไว้ใจตระกูลชิน ในประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา ประกอบกับตลอดเวลาสองปีที่รัฐบาลเพื่อไทยบริหารประเทศล้มเหลวทุกด้าน เนื่องจากตระกูลชินวัตร เจ้าของพรรคเพื่อไทยยัดเยียดให้ลูกสาวที่ไม่มีสติปัญญา ขาดประสบการณ์ ไร้วุฒิภาวะขึ้นมาเป็นหัวหน้ารัฐบาล บริหารประเทศล้มเหลวทุกด้าน พรรคเพื่อไทยจึงไม่มีความชอบธรรมจัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศอีกต่อไป
หลังจากศาลรัฐธรรมพิจารณาให้ น.ส.แพทองธาร และ คณะรัฐมนตรีทั้งคณะพ้นจากหน้าที่ พรรคเพื่อไทย กับพรรคร่วมรัฐบาลรักษาการประกาศจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันต่อไป ในเวลาเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยก็เดินสายพบพรรคการเมืองต่างๆ ขอเสียงร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลแข่งกับพรรคเพื่อไทย
หลายฝ่ายเชื่อว่าการแข่งกันหาเสียงสนับสนุนแข่งขันชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่คาดว่าจะมีขึ้นในอาทิตย์แรกของเดือนกันยายน นายอนุทิน เป็นต่อนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯจากพรรคเพื่อไทยหลายขุม
“นายอนุทินได้เปรียบมาก แม้แต่ สส.พรรคร่วมรัฐบาลส่วนใหญ่ก็จะยกมือให้นายอนุทิน” สส.พรรคร่วมรัฐบาลพรรคหนึ่งกล่าวกับแนวหน้า และ สส.พรรคร่วมรัฐบาลอีกคนกล่าวว่า สส.ในสังกัดของเขาสองคนแปรพักตร์ไปอยู่ฝ่ายนายอนุทินแล้ว เหลืออีกสองคนยัง 50-50
“ใจจริงผมรู้ว่าทักษิณไม่มีบารมีแล้ว แต่ผมไม่สบายใจที่นายอนุทินไปตกลงกับพรรคประชาชนเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ สำหรับผมสถาบันพระมหากษัตริย์ สำคัญกว่าสิ่งใด” บ้านใหญ่ผู้มีสส.ในสังกัด 4 คนซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลกล่าว
ฟังความจาก สส.พรรคร่วมรัฐบาลที่แบ่งออกเป็นสองฝ่าย ครึ่งหนึ่งยังอยู่กับเพื่อไทยครึ่งหนึ่งเอนไปทางภูมิใจไทย ทำให้มั่นใจว่าพรรคภูมิใจไทยจะมีชัยในการเลือกนายกรัฐมนตรีในสภาเนื่องจากว่าอาจารย์ใหญ่ผู้เดินเกมอยู่หลังฉากพรรคภูมิใจไทยมีชั้นเชิงเหนือกว่าอดีตทหารป่าและผู้นำจิตวิญญาณพรรคเพื่อไทย
พรรคภูมิใจไทยแถลงว่า สามารถรวมเสียง เลือกนายกฯในสภาได้ทะลุ 280 เสียงแล้ว ประกอบด้วย ภูมิใจไทย 69 เสียง ประชาชน 143 เสียง กล้าธรรม 25 เสียง พลังประชารัฐ 20 เสียง ประชาธิปัตย์ 4 เสียง พรรครวมไทยสร้างชาติกลุ่มของนายสุชาติ ชมกลิ่น 16 คน พรรคเล็ก 4 เสียง พรรคไทยสร้างไทย 2 เสียง และพรรคเป็นธรรม 1 เสียง
หาก สส.พรรคประชาชนยกมือให้นายอนุทิน ตามข่าว จะมี สส.จากพรรคร่วมรัฐบาลรักษาการสนับสนุนนายอนุทินมากกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจมีเลือดไหลจากพรรคเพื่อไทยเอง
มีรายงานว่า มี สส.พรรคเพื่อไทย ในภาคอีสาน จำนวน 15 คน ที่จะมาสนับสนุนยกมือโหวตให้นายอนุทิน เนื่องจากมีปัญหาไม่เชื่อมั่นเสถียรภาพของรัฐบาลที่คะแนนนิยมตกต่ำ และประสบปัญหาเรื่องการดูแล สส.ไม่ทั่วถึง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มี สส.492 เสียง จำนวนกึ่งหนึ่งคือ 247 เสียง
ข้อมูลทั้งหมดที่ประมวลมา มากพอฟันธงได้ว่า หากสภามีการเลือกนายกรัฐมนตรีอาทิตย์นี้ คนที่เข้าป้ายคือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และเชื่อว่ารัฐบาลชุดต่อไปต้องให้ความสำคัญกับความมั่นคง ปัญหาความขัดแย้งไทย-กัมพูชา เป็นลำดับแรก และรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่เชื่อว่าต้องเป็นทหาร ที่ไม่เป็นหนี้บุญคุณฮุนเซน ถึงวันนั้นความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ก็แก้ปัญหาง่ายดาย เมื่อตระกูลฮุนใกล้ล่มสลายเหมือนตระกูลสหายฮุนเซนในเมืองไทย
เชื่อด้วยว่า พรรคภูมิใจไทยฉลาดพอที่จะให้ความสำคัญกับปัญหาเศรษฐกิจเป็นอันดับสอง รองจากความขัดแย้งไทย-กัมพูชา เพราะรู้ว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปเหลือเวลาอีกไม่นานรัฐมนตรีคลังคนต่อไปจึงอาจเป็นเทคโนแครตที่มีความรู้ความสามารถด้านเศรษฐกิจมหาภาค (Macroeconomics) เศรษฐกิจในภาพรวมระดับประเทศและระดับโลก เช่น ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) อัตราเงินเฟ้อ และการว่างงาน และเศรษฐกิจจุลภาค (Microeconomics) เศรษฐกิจบุคคลและครัวเรือน
ส่วนประเด็นแก้รัฐธรรมนูญเพื่อตั้ง สภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ขึ้นมาเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ไม่ใช่เรื่องทำกันได้ง่ายๆนอกจากเสียงในสภาแล้วเสียงประชาชนเป็นตัวแปรสำคัญ เพราะต้องผ่านการทำประชามติจากประชาชนถึงสามครั้ง รัฐบาลพรรคเพื่อไทยประกาศแก้รัฐธรรมนูญตั้งแต่อาทิตย์แรกที่เป็นรัฐบาล สองปีผ่านไปทำประชามติยังไม่ได้แม้แต่ครั้งเดียวพรรคอนาคตใหม่มุ่งมั่นแก้รัฐธรรมนูญตั้งแต่ปี 2560 ถูกยุบพรรคสองครั้ง เปลี่ยนชื่อเป็น ก้าวไกล พรรคประชาชนก็แล้วแปดปีผ่านไปยังไม่สามารถแก้รัฐธรรมนูญได้
ดังนั้น การตั้งความหวังว่า รัฐบาลใหม่นำโดยพรรคภูมิใจไทย จะแก้รัฐธรรมนูญได้ภายในสี่เดือน เป็นฝันกลางวันของนักการเมืองรุ่นใหม่ที่ไม่เข้าใจบริบทการเมืองไทยแม้แต้น้อย
จึงพูดได้ว่า หากนายอนุทินได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี เขาจะอยู่ในตำแหน่งจนหมดวาระสภาชุดนี้ เนื่องจากนิสัยถาวรของนักการเมืองไทยที่ฝักใฝ่ฝ่ายมีอำนาจ เชื่อว่าภายในสองเดือนที่พรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล นักการเมืองหิวกระหายอำนาจจะพากันมาสนับสนุนรัฐบาลพรรคภูมิใจไทย กลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากในสภา เพราะนักการเมืองปากกล้าขาสั่นไม่อยากเลือกตั้งใหม่แม้แต่รายเดียว
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี