หลังการเลือกตั้งครั้งที่ 3 ของไทยในวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2489 แล้ว ประธานสภาฯพระยามานวราชเสวีได้นัดประชุมหยั่งเสียงสมาชิกสภาฯว่าจะให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี สมาชิกเสียงข้างมากมีความเห็นว่านายกรัฐมนตรีคนต่อไปควรจะเป็นนายปรีดี พนมยงศ์ อดีตผู้นำขบวนการเสรีไทย แต่เมื่อประธานสภาฯไปทาบทามนายปรีดี ท่านได้แจ้งว่าท่านยังมีภารกิจอื่นจึงปฏิเสธ ประธานสภาฯ จึงได้กลับมาหารือสมาชิกสภาฯอีกครั้ง ทำให้ได้ชื่อนายควงอภัยวงศ์ ดังนั้น นายควง อภัยวงศ์ จึงได้เป็นนายกรัฐมนตรี อีกครั้ง โดยมีประกาศแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดนายควง อภัยวงศ์ ขึ้นในวันที่ 31 มกราคม พ.ศ.2489
รัฐบาลนายควงอยู่มาได้ถึงวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2489 ก็เจอแรงต้านที่สำคัญในสภาผู้แทนราษฎร เมื่อนายทองอินทร์ ภูริพัฒน์ ผู้แทนราษฎรเมืองอุบลราชธานีกับคณะได้เสนอร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองค่าใช้จ่ายของประชาชนในภาวะคับขัน ต่อสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2489 ว่าที่จริงด้วยหลักการแล้ว การเสนอให้ควบคุมราคาสินค้าเพื่อคุ้มครองประชาชนนั้นก็ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่ในภาวะหลังสงครามใหม่ๆ สินค้ากำลังขาดตลาด ควบคุมราคาสินค้าเมื่อใด สินค้าจะยังมีในตลาดและขายตามราคาควบคุมหรือว่าสินค้าจะหายไปจากตลาดเลย หลังจากนายทองอินทร์ นำเสนอจบลง นายกรัฐมนตรี ควง อภัยวงศ์ ก็ยืนขึ้นตอบชี้แจงอย่างยืดยาวมีเนื้อความที่น่าสนใจว่า
“พอเราควบคุมปั๊บของหายหมด เพราะเหตุว่าตัวรัฐบาลเองที่บังคับการควบคุมนั้นหารู้ไม่ว่าสต๊อกนั้นอยู่ที่ใครบ้าง…”
จากนั้นยังได้มีการอภิปรายซักถาม มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยกับผู้เสนอ และผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับผู้เสนอ ทั้งๆ ที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งเหมือนกันกับนายทองอินทร์ก็ตามอย่างเช่น นายอินทร สิงหเนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากจังหวัดเชียงใหม่ บอกเองในการอภิปรายของท่านว่า “ข้าพเจ้าเสียใจที่จะต้องมาค้านสมาชิกประเภทที่ 1 ด้วยกัน”
วันนั้นการอภิปรายที่นึกว่าจะสั้นและจบลงได้อย่างรวดเร็ว กลับยืดยาวเกินความคาดหมายนายกรัฐมนตรีนั้นลุกขึ้นยืนชี้แจงถึง 2 ครั้งอย่างยาวเหยียดเหมือนกัน แต่เรื่องก็ไม่จบ จึงต้องนัดประชุมต่อในครั้งถัดไป ในวันที่ 18 มีนาคม แล้วจึงได้มีการลงมติลับ ผลการลงมติ ที่ประชุมและมีมติรับหลักการร่างกฎหมายที่มิได้เสนอโดยรัฐบาลฉบับนี้ถึง 65 เสียง โดยมีเสียงไม่รับหลักการอยู่ 63 เสียง พูดง่ายๆ แพ้กันเพียง 2 เสียงเท่านั้น เมื่อผลการลงมติที่รัฐบาลแพ้เช่นนี้นายกรัฐมนตรี นายควง อภัยวงศ์ จึงยืนขึ้นกลางสภาฯ และกล่าวว่า
“ท่านสมาชิกฯ ก็เป็นอันว่าถูกต้องเมื่อสมาชิกฯ จะให้ทำ รัฐบาลเห็นว่าไม่ทำ ข้าพเจ้าก็ต้องลาออก”
ยังไม่ทันที่จะมีผู้ใดในสภาฯได้กล่าวอะไร นายกรัฐมนตรี นายควง อภัยวงศ์ ก็ได้ทำสิ่งที่สมาชิกทั้งสภาฯมิได้คาดหมาย ดังที่รายงานการประชุมในวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2789 บันทึกเอาไว้ว่า “ทันใดนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินนำคณะรัฐมนตรีออกจากที่ประชุมไป” จนประธานสภาฯแทบจะปิดประชุมสภาฯไม่ทัน นายกฯประกาศลาออกทันที โดยสภฯไม่ทันได้ดำเนินการตั้งคณะกรรมาธิการต่อไป เข้าใจว่านายควงอ่านการเมืองว่านี่เป็นการแสดงออกของฝ่ายที่ตรงข้ามของท่าน ที่ต้องการให้ท่านพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
การลาออกของนายควง ทำให้สภาฯต้องหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ คราวนี้ประธานสภาฯและสมาชิกก็ได้ไปขอร้องให้นายปรีดี พนมยงค์ รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้สำเร็จแต่ขณะนั้นนายปรีดีนั้นท่านไม่ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามรัฐธรรมนูญผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีต้องเป็นสมาชิกสภาฯ จึงมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 ที่ยอมลาออกเพื่อให้สามารถแต่งตั้งนายปรีดีเข้ามาเป็นสมาชิกสภาฯเสียก่อน แล้วจึงเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อมาได้
นรนิติ เศรษฐบุตร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี