แรกเริ่มใช้ระบอบประชาธิปไตย สยามมีรัฐสภาเป็นสภาเดี่ยวคือสภาผู้แทนราษฎร เพราะสยามเป็นประเทศแบบรัฐเดี่ยว ไม่ใช่หลายรัฐมารวมกัน บรรพชนผู้ร่างรัฐธรรมนูญมีความเห็นว่าการมีสภาเดียวจะทำให้การดำเนินงานด้านนิติบัญญัติเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว และสะดวกกว่าการมีสองสภา ในตอนแรกได้กำหนดให้สมาชิกของสภาผู้แทนราษฎรจำนวนครึ่งหนึ่งมาจากการแต่งตั้ง ครั้นถึงเวลาจะเลิกการแต่งตั้ง จึงคิดให้มีสภาอาวุโสขึ้นเพื่อเป็นสภากลั่นกรองอีกสภาหนึ่ง นี่คือที่มาของ “พฤฒสภา”ที่แปลได้ว่าสภาอาวุโสหรือสภาผู้ทรงคุณวุฒิ โดยรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2489 ได้กำหนดให้สมาชิกของสภาแห่งนี้มาจากการเลือกตั้งทางอ้อม
พฤฒสภานี้รัฐธรรมนูญบัญญัติให้มีสมาชิกจำนวนตายตัวได้ 80 คน โดยให้มาจากการเลือกตั้งทางอ้อมของราษฎร และสมาชิกจะมีวาระครั้งละ 6 ปี แต่ในวาระเริ่มแรกนั้นได้กำหนดเป็นพิเศษให้มี “องค์การเลือกตั้ง” ขึ้นมาเป็นคณะผู้เลือกตั้งแทนราษฎรนั่นเอง โดยให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เป็นอยู่ในวันสุดท้ายก่อนใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2489 เป็นสมาชิกขององค์การเลือกตั้งนี้ ทั้งยังกำหนดว่าองค์การเลือกตั้งนี้ต้องจัดการเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกพฤฒสภาในวาระเริ่มแรกนี้ให้ได้ภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันที่รัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ ปรากฏว่าวันเวลาที่กำหนดตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญนั้นมีผู้แทนราษฎรที่ดำรงตำแหน่งอยู่จำนวน 96 คน ทางสภาผู้แทนราษฎรรัฐจีงได้เร่งรัดจัดการในเรื่องนี้อย่างทันที โดยประกาศใช้วิธีเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาขึ้นในวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2489 นั่นก็คือวันเดียวกันกับที่รัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้เพราะได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาในวันนี้ในประกาศนั้นได้กำหนดให้ผู้ที่จะสมัครเข้ารับเลือกตั้งเป็นสมาชิกพฤฒสภายื่นใบสมัครต่อเลขาธิการองค์การเลือกตั้งภายในวันที่ 21 พฤษภาคม และได้นัดให้มีการเลือกตั้งณ สำนักงานเลขาธิการองค์การเลือกตั้ง ในวันที่ 24 พฤษภาคม ตั้งแต่เวลา 09.00 น. จนถึง 16.00 น. ทั้งนี้ในการดำเนินการจัดการเลือกตั้งนั้นได้ให้เจ้าหน้าที่ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเป็นเจ้าหน้าที่ในการเลือกตั้ง เช่นการรับสมัคร การทำบัญชีรายชื่อผู้สมัคร การนับคะแนนที่มีผู้ออกเสียงเลือกสมาชิกพฤฒสภา ตลอดจนให้เป็นผู้ดำเนินการทางธุรการในการเลือกตั้งทั้งสิ้น
ผลของการเลือกตั้งจึงได้สมาชิกจำนวน80 คนของพฤฒสภาเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 ที่มาจากการแต่งตั้ง และแน่นอนในจำนวนนี้จึงมีสมาชิกของคณะราษฎรอยู่เป็นจำนวนมากด้วย ที่น่าสังเกตก็คือ มีอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งในครั้งก่อนๆได้รับเลือกเข้ามาด้วยรวมทั้งหมดประมาณร้อยละ 10 อย่างเช่น นายเขียน กาญจนพันธ์ อดีตผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งครั้งแรกในปี 2476 จากจังหวัดสมุทรปราการ นายไต๋ ปาณิกบุตร อดีตผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งชุดแรกจากจังหวัดพระนคร นายสนิท เจริญรัฐ อดีตผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งชุดแรกอีกเช่นกันจากจังหวัดนครราชสีมา นายมิ่ง เลาห์เรณู อดีตผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งครั้งแรกจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายถวิล อุดล อดีตผู้แทนราษฎรจากจังหวัดร้อยเอ็ด นายพึ่ง ศรีจันทร์ อดีตผู้แทนราษฎรจากจังหวัดอุตรดิตถ์ นายแก้ว สิงหะคเชนทร์ อดีตผู้แทนราษฎรจังหวัดพิจิตร และนายจำลอง ดาวเรือง อดีตผู้แทนราษฎรจากจังหวัดมหาสารคาม ที่น่าเสียดายก็คือในบรรดาสมาชิกพฤฒสภารุ่นแรกนี้ไม่มีสุภาพสตรีได้รับเลือกเข้ามาเลย ทั้งๆที่ได้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองฯ สถาปนาระบอบประชาธิปไตยให้สิทธิทางการเมืองเท่าเทียมกันระหว่างบุรุษและสตรีมาเป็นเวลาถึง 14 ปี แล้วก็ตาม
ต่อมาในวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2489 ได้มีการประชุมพฤฒสภาครั้งแรก ณ พระที่นั่งอภิเษกดุสิต ในพระราชวังดุสิต และในวันนี้ที่ประชุมได้เลือกนายวิลาศ โอสถานนท์ เป็นประธานพฤฒสภา และเลือกนายไต๋ปาณิกบุตร เป็นรองประธานพฤฒสภา
นรนิติ เศรษฐบุตร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี