พงศาวดาร ตามความหมายที่ปรากฏอยู่ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ นั้นได้หมายถึงเรื่องราวของเหตุการณ์เกี่ยวกับประเทศชาติหรือพระมหากษัตริย์ผู้เป็นประมุขของประเทศชาตินั้น
เป็นเรื่องแปลกมากที่พงศาวดารของประเทศเขมรได้เขียนไว้ว่าบรรพบุรุษของเขมรนั้นมาจากสัตว์ที่มีลิ้นสองแฉก คือตะกวดซึ่งเป็นสัตว์สกุลเดียวกับตัวเหี้ย ตามเรื่องราวที่ถูกบันทึกไว้ดังนี้
ในราชพงศาวดารฉบับกรุงกัมพูชา ซึ่งถูกแปลเป็นไทยโดยพันตรีหลวงเรืองเดชอนันต์หรือทองดี ธนะรัชต์ ผู้ซึ่งเป็นบิดาของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ อดีตนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่งของประเทศไทย ซึ่งพงศาวดารฉบับนี้คนเขมรเป็นผู้เขียนเอง โดยแบ่งออกเป็น ๓ ตอน
ตอนที่ ๑ เป็นเรื่องตำนานดึกดำบรรพ์ที่เกี่ยวกับการสร้างนครวัด นครหลวง เป็นนิทานเรื่องเล่าสืบต่อกันมา และถูกนำมาเรียบเรียงโดยนักองค์นพรัตน์ ราชบุตรของนักองค์ด้วง ซึ่งเป็นกษัตริย์พระองค์หนึ่งของเขมร เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๒๐ เป็นการเสริมพงศาวดารที่มีอยู่เดิม ๒ ตอน
ตอนที่ ๑ นั้นเป็นเรื่องของพุทธทํานายซึ่งได้กล่าวถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อก่อนที่จะปรินิพพานนั้นได้มีโอกาสเสด็จมายังเกาะแห่งหนึ่ง โดยเสด็จมาพร้อมกับพระอานนท์กลางเกาะนั้น มีต้นหมันใหญ่อยู่ต้นหนึ่งซึ่งโคนต้น มีโพรงขนาดใหญ่ เป็นที่อยู่ของพญานาค ส่วนพื้นที่โดยรอบนั้นก็เป็นพื้นที่ราบ พระพุทธเจ้าได้ประทับอยู่ที่โคนต้นหมันนี้
รุกขเทวดาที่อาศัยอยู่บริเวณต้นหมันได้ปลุกเสกที่นอน หมอนให้แก่พระพุทธองค์เพื่อเป็นที่ประทับ ซึ่งพระพุทธองค์ก็ทรงให้ศีลให้พรแก่เทวดาเหล่านั้น จนกระทั่งถึงยามดึก เหล่าเทพเทวดาบนสวรรค์รวมทั้งพระอินทร์ได้เดินทางมาเฝ้าพระพุทธองค์ และได้มีการสนทนาแลกเปลี่ยนธรรมะกัน และถกปัญหาต่างๆ ซึ่งพระพุทธองค์ก็ทรงตอบให้ จนทำให้เทพเทวดาบางองค์บรรลุพระอรหันต์ก่อนที่จะกลับไป
พอถึงช่วงเวลาเช้า พระพุทธองค์ตื่นจากบรรทม ก็ทรงรำพึงถึงสัตว์โลกต่างๆ และทรงปฏิบัติภารกิจต่างๆ จนเรียบร้อย หลังจากนั้นจึงบอกพระอานนท์ให้คอยอยู่ที่ต้นหมันแห่งนี้ โดยพระองค์ได้อุ้มบาตรเสด็จขึ้นไปยังสวรรค์เพื่อจะบิณฑบาตในชั้นดาวดึงส์ เมื่อได้อาหารเรียบร้อยแล้วก็เสด็จกลับลงมา ขณะที่กำลังฉันอาหารอยู่กับพระอานนท์นั้น ก็มีตะกวดตัวหนึ่งที่อาศัยอยู่ในโพรงไม้เก่าของพญานาค โผล่ออกมา แล้วคลานเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ ซึ่งพระพุทธองค์ทรงปั้นข้าวให้ ๑ ก้อน แล้วค่อยๆ โยนให้กับตะกวดตัวนั้น
หลังจากตะกวดตัวนั้นกินข้าวเสร็จก็ได้เลียปากและแลบลิ้นที่มี ๒ แฉกออกมา ซึ่งทำให้พระพุทธองค์ทรงเผยอยิ้ม ทำให้พระอานนท์ซึ่งได้สังเกตเห็นได้ทูลถามพระพุทธองค์ว่า การที่พระองค์ทรงยิ้มนั้นแสดงว่าจะต้องมีเหตุอันใดเกิดขึ้นใช่หรือไม่ พระพุทธองค์จึงตรัสคำทำนายว่าตั้งแต่นี้ไป เกาะโคกหมันแห่งนี้จะเกิดเป็นแผ่นดินขยายใหญ่ และตะกวดที่มีความเลื่อมใสศรัทธามากราบพระพุทธองค์ และได้ร่วมฟังธรรมนั้น เมื่อเสียชีวิตบุญกุศลที่ได้จากการฟังธรรมก็จะทำให้ได้ไปจุติในสวรรค์ และกลับมาเป็นกษัตริย์พระองค์หนึ่ง คลองกรุงอินทปุระนคร และราชบุตรของกษัตริย์องค์นั้นจะได้เสด็จมายังที่แห่งนี้ และเหล่าพญานาคจะได้สร้าง ราชธานีใหม่ให้กับกษัตริย์พระองค์นั้น และขนานนามราชธานีนี้ว่ากรุงกัมพูชาธิบดี ส่วนคนทั่วไปก็จะเรียกว่าเขมร และพระอินทร์ก็จะมาสร้างปราสาทให้ใหม่ด้วย เรียกว่าอินทปุระนคร รวมแล้วเป็น ๒ ชื่อ
ส่วนบรรดามนุษย์ที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้ ก็จะเป็นผู้ที่พูดอะไรออกมา ก็เป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อถือไม่มีสัจจะ อันเนื่องมาจากบุรพกษัตริย์ที่สร้างแผ่นดินนี้มีชาติกำเนิดมาจากตะกวดซึ่งเป็นสัตว์ที่มีลิ้นสองแฉก เป็นนัยว่าพูดอีกอย่างแต่ทำอีกอย่าง
และเพราะเหตุนี้นี่กระมัง ที่ทำให้ผู้ปกครองเขมรในยุคที่ผ่านมา ตลอดจนถึงยุคปัจจุบันนี้ เป็นผู้ที่พูดจาไม่น่าเชื่อถือ ไม่มีสัจจะแต่อย่างใดทั้งสิ้น อันเป็นเรื่องที่หากผู้ใดจะคบค้าสมาคมด้วย จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษหรือไม่อย่างนั้นก็เลิกคบค้าไปเลย
ภายหลังจากเหตุการณ์สงครามล้างเผ่าพันธุ์ของเขมรแดง ที่เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๘ ทำให้ประชาชนชาวเขมรประมาณ ๒ ล้านคนถูกฆ่าล้างโคตร ซึ่งส่วนใหญ่ของผู้ถูกฆ่าเป็นผู้ที่มีวิชาความรู้ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ วิศวกร ครูบาอาจารย์ ทั้งหลาย อันน่าจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ชาติเขมรไม่สามารถจะสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้เกิดขึ้นได้เป็นระยะเวลายาวนานซึ่งน่าจะถึงปัจจุบันนี้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการปกครองของอดีตผู้นำเขมรแดงคือนายฮุนเซน และต่อเนื่องมาถึงบุตรชายพลเอกฮุน มาเนต
ในช่วงเวลานั้นมีชาวเขมรอพยพหลายแสนคนที่ได้เดินทางหลบหนีออกนอกประเทศมาอยู่บริเวณชายแดนไทยในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะที่บ้านหนองจานหนองหญ้าแก้ว และพื้นที่ใกล้เคียงที่มีค่ายอพยพขนาดใหญ่ โดยรัฐบาลไทยตลอดจนพระราชวงศ์ชั้นสูงที่ได้ให้การดูแลชาวเขมรอพยพเหล่านั้นอย่างดี จนกระทั่งมีชาวเขมรจำนวนไม่น้อยได้ปักหลักอาศัยอยู่ในประเทศไทย ซึ่งทำให้เกิดการรุกรานที่ดินส่วนหนึ่ง ของชาวไทยที่อยู่ในบริเวณใกล้ๆ ค่ายอพยพเหล่านั้น แล้วได้ปลูกบ้าน ทำมาหากิน มาจนถึงปัจจุบันนี้ โดยไม่ได้สำนึกถึงบุญคุณที่แผ่นดินไทยและชาวไทยมีให้แต่อย่างใดทั้งสิ้น
ประกอบกับการที่นายฮุนเซนและนายพลฮุน มาเนต ได้ดำเนินกิจการบางอย่างซึ่งน่าจะมีผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างมหาศาลร่วมกับอดีตผู้นำของไทยบางคน แล้วเกิดปัญหาความขัดแย้งโดยเฉพาะเรื่องที่การนำ MOU ๔๓ และ MOU ๔๔ ที่เกี่ยวข้องกับการแบ่งปันเขตแดน ที่ใช้มาตราส่วนแผนที่ที่แตกต่างกัน ซึ่งหากใช้มาตราแผนที่ ๑ ต่อ ๒๐๐,๐๐๐ ตามที่เขมรอ้างถึงนั้น จะทำให้ไทยต้องเสียดินแดนจำนวนไม่น้อย รวมทั้งพื้นที่บริเวณเกาะกูดด้วยอันเป็นแหล่งทรัพยากรแก๊สธรรมชาติจำนวนมหาศาล ซึ่งเมื่อรัฐบาลชุดที่กำลังผ่านพ้นไป หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาก็ได้รับการต่อต้านจากประชาชนชาวไทย ไม่เห็นด้วยกับการที่จะต้องปฏิบัติตาม MOU ๔๓ และผูกพันมาถึง MOU ๔๔ ด้วย
ประกอบกับคลิปเสียงอัปยศของอดีตนายกรัฐมนตรีกับนายฮุนเซน ทำให้เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงมากยิ่งขึ้น อันนำมาถึงเรื่องของการรุกรานอธิปไตยของชาติไทยบริเวณปราสาทตาเมือนธม ที่ทหารเขมรได้ใช้ปืนกราดยิงเข้ามายังที่ตั้งของทหารไทยที่ตั้งอยู่บนผืนแผ่นดินไทย และนำมาสู่การสงครามระหว่างไทยและเขมรตั้งแต่วันที่ ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๘ เป็นต้นมา
สงครามดังกล่าวนั้นทำให้ประชาชนชาวไทย ทั้งผู้ใหญ่และเด็กเล็ก ตลอดจนสถานที่ทั้งราชการและบ้านเรือนถูกกระสุนปืนและจรวดพิสัยไกลของเขมรที่ยิงเข้ามาทำให้เกิดความเสียหายเป็นจำนวนไม่น้อย
แต่ที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันก็คือทำให้ทหารไทยต้องเสียชีวิตถึง ๑๖ นาย และเหยียบทุ่นระเบิดขาขาดไปอีกจำนวน ๖ นาย ตลอดจนมีทหารที่ต้องบาดเจ็บจากการรบอีกมากกว่า ๒๐๐ นาย
การเจรจาเพื่อสงบศึกที่เกิดขึ้นในลักษณะของทวิภาคี โดยมีต่างชาติเข้าร่วมรับทราบด้วยเป็นบางครั้งนั้น ถึงแม้จะมีการตกลงบางอย่าง แต่ก็ปรากฏว่าฝ่ายเขมรไม่ได้เคยปฏิบัติตามนั้นเลย ในขณะที่ฝ่ายไทยยึดข้อตกลงที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด แม้แต่เรื่องของการให้ฝ่ายเขมรเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดข้อตกลงนานาชาติที่เรียกว่าอนุสัญญาออตตาวา เขมรก็ไม่เคยปฏิบัติตามนั้นเลย และเชื่อว่ายังมีความพยายามวางกับระเบิดชุดใหม่อยู่ตลอดแนวชายแดนไทยและเขมร ที่มีระยะทางมากกว่า ๗๐๐ กิโลเมตร
ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ เขมรได้พยายามอย่างยิ่งในการสร้างภาพให้เห็นว่าไทยเป็นฝ่ายรุกรานในบางพื้นที่ที่ชาวเขมรได้มาพักพิงอาศัยอยู่ โดยการใช้ทั้งเด็ก ผู้หญิงและบุคคลที่อ้างว่าเป็นพระภิกษุ ในการพยายามรุกล้ำ ทำลายรั้วลวดหนามซึ่งไทยสร้างอยู่ในเขตของไทย โดยมีทหารเขมรยุยงสนับสนุนอยู่ข้างหลังอย่างชัดเจน
เมื่อกองกำลังของฝ่ายไทยต้องโต้ตอบตามหลักสากล เขมรก็จะนำเรื่องเหล่านี้ไปฟ้องร้องกับทุกองค์กรที่คิดว่าจะฟ้องได้ ทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องที่เขมรเป็นผู้สร้างเรื่องขึ้นเอง
รัฐบาลชุดใหม่ที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี จะต้องดำเนินการเรื่องนี้ให้ปัญหาต่างๆยุติ โดยฝ่ายไทยจะต้องไม่สูญเสีย ไม่ว่าจะเรื่องของอธิปไตยของชาติของแผ่นดิน หรือชีวิตและการบาดเจ็บของกำลังพลตลอดจนประชาชนแม้แต่น้อยอีกต่อไปอย่าได้เชื่อและนำผลของการเจรจาหาข้อตกลงที่จะสงบศึกกับเขมรที่เป็นพวกลิ้นสองแฉกมาใช้เป็นอันขาด
ทหารทั้งของกองทัพภาคที่ ๑ ภาคที่ ๒ ของกองทัพบก และทหารของกองทัพเรือ ตลอดจนกองทัพอากาศ ได้ใช้กฎอัยการศึกในการต่อสู้เพื่อป้องกันอธิปไตยของชาติอย่างกล้าหาญเข้มแข็ง อันควรได้รับการยกย่องเป็นอย่างยิ่งก็หวังว่ารัฐบาลชุดนี้ ที่มีนายอนุทินเป็นนายกฯ จะได้มีความเข้มแข็งและพร้อมที่จะสนับสนุน และร่วมปฏิบัติการกับกองทัพในการรักษาอธิปไตยของชาติให้ยืนยงตลอดไป
ปิยะ เนตรวิเชียร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี