หลายคงสงสัยว่า ฮุนเซน อดีตเขมรแดงที่ก้าวขึ้นสู่อำนาจสูงสุดในประเทศกัมพูชามาสี่ทศวรรษ กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เศรษฐีแสนล้านที่กลายเป็นนักโทษคอร์รัปชั่นศาลสั่งจำคุกหนึ่งปีส่งสัญญาณคืนดีกันหลังจากขัดแย้งรุนแรงในเวลาไม่นาน
ที่สงสัยและประหลาดใจ เนื่องจากว่า เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้าที่ทั้งสองฝ่าย ทำสงครามน้ำลายกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ชนิดที่ตายไม่เผาดีไม่มองหน้า มาวันนี้สมเด็จฯฮุนเซนในฐานะผู้สำเร็จราชการขณะที่พระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี ไม่ประทับอยู่ในประเทศกัมพูชา และในฐานะประธานองคมนตรีตลอดถึงประธานวุฒิสภา ฮุนเซน โพสต์เฟซบุ๊ก รับประกันคุณงามความดีของทักษิณขณะสหายร่วมน้ำสาบานผู้ถูกศาลสั่งจำคุกหนึ่งปี
นักข่าวถาม ทนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความที่เข้าไปเยี่ยมลูกความในเรือนจำกลางคลองเปรมถึงกระแสข่าวที่ว่า ฮุนเซนยึดทรัพย์ทักษิณที่ซุกไว้ในกัมพูชา ทนายของทักษิณตอบว่าคนปล่อยข่าวให้ระวัง ใจเย็นๆ ผมฟ้องแน่
ในขณะที่ทนายของทักษิณขู่ฟ้องคนปล่อยข่าววันที่ 5 กันยายน ฮุนเซน โพสต์เฟซบุ๊กว่า “แม้ข้าพเจ้าจะเคยมีปัญหากับทักษิณในอดีต แต่ข้าพเจ้าจำเป็นต้องรับผิดชอบในการธำรงไว้ซึ่งความซื่อสัตย์สุจริต และศักดิ์ศรีของทักษิณ...เมื่อใดก็ตามที่ ทักษิณ และ ยิ่งลักษณ์ มากัมพูชา พวกเขามักใช้รถของข้าพเจ้า แสดงความชัดเจนว่า ทักษิณ ไม่มีทรัพย์สินในกัมพูชาแน่นอน”
นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ กล่าวกับรายการจับตาประเทศไทย ว่า ฮุนเซน ส่งสัญญาณหย่าศึกกับทักษิณ เพราะไม่ต้องการเปิดศึกสองด้านเวลานี้เกิดแรงกระเพื่อมในกัมพูชา ที่อาจเกิดเนปาลโมเดลได้ ผมได้ยินข่าวว่า รองนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งหอบครอบครัวไปต่างประเทศแล้ว
เนปาลโมเดล ที่นายนันทิวัฒน์กล่าวถึง คือเหตุการณ์ประท้วงร้ายแรงในประเทศเนปาล ที่คน Gen z หรือคนวัย 16 ถึง 28 ปี ประท้วงขับไล่รัฐบาลคอร์รัปชั่น ในประเทศเนปาล ที่ผู้ประท้วงเผาทำลายทำเนียบรัฐบาล เผาสภา เผาบ้านนักการเมืองจนต้องหนีตายไปอยู่ค่ายทหาร และเหตุการณ์ทำนองนั้นมีแนวโน้มสูงที่เกิดขึ้นในกัมพูชา
: เป็นที่น่าสังเกตว่า พระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี กษัตริย์กัมพูชา เสด็จไปประเทศจีนเพื่อตรวจพระวรกายประจำปีตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม ยังไม่เสด็จกลับกัมพูชา ประสบการณ์ทำข่าวประเทศกัมพูชาพบว่า เมื่อใดก็ตามที่เกิดเหตุร้ายหรือเกิดความขัดแย้งรุนแรงในพนมเปญ เจ้านโรดม สีหนุ มักไปประทับในประเทศจีน พระราชวงศ์เสด็จออกนอกประเทศนานจึงเป็นสัญญาณเตือนภัยในประเทศกัมพูชา : ผู้เขียน
อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองฯ ถึงได้กล่าวว่า ฮุนเซน คืนดีกับทักษิณ เพราะไม่ต้องการรับศึกสองด้าน และจำเป็นต้องรักษาผลประโยชน์กันไปอีกนาน จึงไม่มีใครเชื่อว่าทักษิณกับฮุนเซน ตัดญาติขาดมิตรกันได้จริง
นับถอยหลังไปสามสิบปี พบว่า สหายคู่นี้ผ่านความขัดแย้งรุนแรงมาหลายครั้ง แต่ความขัดแย้งรุนแรงไม่นานพวกเขาก็คืนดีกันคล้ายกับอาการไบโพลาร์ หากไม่นับรวมปี 2540 ที่มีรายงานว่านักธุรกิจการเมืองของไทยทุ่มทุนให้นายซอน เซน ฝ่ายตรงข้ามกับฮุนเซน ปฏิวัติรัฐประหารและลอบสังหารฮุนเซน เพราะแค้นที่ฮุนเซนซึ่งเวลานั้นเป็นนายกรัฐมนตรีร่วมกับเจ้านโรดม รณฤทธิ์ รีดไถจนทนไม่ไหว และเมื่อนักธุรกิจการเมืองไม่ยอมให้เงินตามที่ต้องการ ฮุนเซน ก็ใช้อำนาจเผด็จการตัดระยะเวลาให้สัมปทานธุรกิจโทรคมนาคมจาก 99 ปี เหลือ 30 ปี
ความพยายามปฏิวัติ ลอบสังหารฮุนเซนครั้งนั้นล้มเหลว คนไทยถูกจับ 30 คน พ.ต.ท.อดุลย์ บุญเสรษฐ ตอนนั้นเป็นสมาชิกพรรคความหวังใหม่ของพ่อใหญ่จิ๋วหนีรอดมาได้ นักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์จึงเป็นศัตรูคนสำคัญของฮุนเซนตั้งแต่วันปฏิวัติล้มเหลว
แต่นักธุรกิจการเมืองผู้ถือคติ “เงินทำได้ทุกอย่าง” ภายในเวลาสามปีโดยการเป็นโซ่ข้อกลางของพ่อใหญ่จิ๋ว และฮุนเซนที่กำลังถังแตกจึงสมานสามัคคีคืนดีกับนักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ได้
ปี 2546 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ในขณะที่กัมพูชาหาเสียงเลือกตั้งครั้งใหม่ นิสัยถาวรของฮุนเซน คือปลุกระดมสร้างกระแสคลั่งชาติทุกครั้งที่หาเสียงเลือกตั้งเพื่อสร้างความนิยมมีการปั่นกระแสว่า นางเอกซีรี่ส์ทีวีเรื่องดาวพระศุกร์ของไทยพูดว่า นครวัดเป็นของคนไทย สมุนฮุนเซนปั่นกระแสใส่ร้ายดาราสาวไทย จนคนเขมรคลั่งก่อจลาจลบุกเผาสถานทูตไทยในกรุงพนมเปญ ความสัมพันธ์ระดับรัฐบาลไทย-กัมพูชาเสื่อมทรามครั้งแรกที่ทักษิณ กับ ฮุนเซน เป็นนายกรัฐมนตรีพร้อมกัน
ปี 2549 ทักษิณถูกยึดอำนาจหนีอยู่ต่างประเทศ1 ปี 5 เดือน มีกระแสข่าวว่าทักษิณจะนำกำลังจากประเทศเพื่อนบ้านยึดอำนาจคืนแต่ถูกนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย ห้ามไว้
ปี 2551 ทักษิณหนีฟังคำตัดสินคดีที่ดินรัชดาฯศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเร่ร่อนอยู่ต่างประเทศ และใช้กัมพูชาเป็นที่พบปะสั่งการสมุนบริวารคนเสื้อแดง
ปี 2552 ฮุนเซน ตั้งทักษิณเป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจ และไม่ยอมส่งตัวทักษิณให้ประเทศไทยในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนตามคำขอของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ขณะที่ทักษิณใช้ประเทศกัมพูชา เป็นที่พบปะสั่งการสมุนบริวาร มีรายงานว่านักรบเสื้อแดงได้การฝึกอาวุธยิงปืนโดยมีนายเหลียง ฮวด คนสนิทฮุนเซน เป็นผู้จัดการประสานงานการฝึกยิงปืนให้
ปี 2552 ฮุนเซนบินมาด่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทยในฐานะประธานมีการประชุมอาเซียน ในโรงแรมจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนว่า “รังแกทักษิณและคนเสื้อแดง”
ฮุนเซน ให้ทักษิณใช้พนมเปญเป็นฐานบัญชาการสร้างความวุ่นวายในประเทศไทยหลายปี และอุปถัมภ์เลี้ยงดูคนเสื้อแดงที่ทำผิดกฎหมายไว้ในกัมพูชาจนวันนี้
วันที่ 22 สิงหาคม 2566 ทักษิณ ชินวัตร ยุติการลี้ภัยเดินทางกลับบ้านอย่างเท่ๆ แบบ VVIP เพื่อมารับโทษจำคุกแปดปีที่เขาถูกตัดสินระหว่างหนี แต่ทักษิณไม่ได้เข้าคุกแม้แต่วันเดียวเขาใช้ 180 วัน ในห้องรับรองพิเศษโรงพยาบาลตำรวจแทนการเข้าคุก
วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 สามวัน หลังทักษิณออกจากโรงพยาบาล ไปอยู่บ้านจันทร์ส่องหล้า ฮุนเซน บินมาเยี่ยมไข้ด้วยความรักใคร่ห่วงใย ฮุนเซนกับทักษิณ พูดคุยร่วมทานอาหารกันนานกว่าสี่ชั่วโมงก่อนจากกัน
เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นได้เมื่อ น.ส.แพทองธาร ลูกสาวทักษิณ ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ไทยได้เกิดความขัดแย้งไทย-กัมพูชาในขณะที่ลูกชายฮุนเซน และลูกสาวทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี ผู้นำไทย-กัมพูชา ทำสงครามน้ำลายกัน และฮุนเซนเป็นคนเจ้าเล่ห์กว่า นำคลิปเสียงอัปยศจากสนทนากับน.ส.แพทองธาร ออกมาประจาน เป็นเหตุให้ลูกสาวทักษิณตกจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี
จะเห็นได้ว่าสงครามน้ำลายและความขัดแย้งรุนแรงของสองสหายไม่ใช่เรื่องใหม่ ตลอดเวลากว่ายี่สิบปีมีความขัดแย้งบาดหมางกันตลอดมา แต่ก็ใช้เวลาไม่นานพวกก็กอดคอคืนดีกัน
วันนี้ฮุนเซนกำลังมีปัญหารอบด้าน ผลจากการก้าวร้าวรุกรานประเทศไทยในขณะที่ลูกสาวสหายเป็นนายกรัฐมนตรี ที่ฮุนเซนคิดจะเล่นละครร่วมกันได้ แต่เขาคาดไม่ถึงว่า ประเทศไทยมีทหารพระราชาที่รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และหวงแหนอธิปไตยของชาติเหนือสิ่งอื่นใด กองทัพไทยมิได้มีไว้รับใช้นักการเมืองเหมือนในกัมพูชา
เมื่อเข้าตาจน ฮุนเซน จึงสำเหนียกว่า ละครตบตาคนไทยเรื่องความสัมพันธ์แบบไบโพลาร์ใช้ไม่ได้อีกต่อไป สู้คืนดีกับทักษิณดีกว่า ทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี