วันนี้ขออนุญาตพูดเรื่องส่วนตัว ที่อาจพัวพันกับเหตุการณ์บ้านเมืองไม่มากก็น้อย คือผู้เขียนเกิดวันที่ 9 เดือน 9 ปี 2491 วันนี้ครบรอบคล้ายวันเกิด 77 ปี เพื่อนฝูงที่รู้จักมักคุ้นต่างอวยพรให้ สิ่งอัปมงคลเสนียดจัญไร สิ่งชั่วที่ออกไปไกลแล้ว ขอให้ไปลับอย่าได้กลับมาทำร้ายประเทศไทยมากไปกว่านี้ 

วันที่ 9 กันยายนปีนี้ขอให้เหมือนกับวันที่ 9 กันยายน 2528 สี่สิบปีที่แล้ว ที่ขบถวางแผนล้มรัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ถูกปราบลงได้ในเวลาอันสั้น ปีนั้นถือว่าได้ของขวัญชิ้นใหญ่คนดีศรีประเทศได้บริหารบ้านเมืองต่อไป 

สำหรับวันที่ 9 เดือน 9 ปีนี้มีเรื่องให้ลุ้นว่าเสนียดจัญไร สิ่งเลวร้ายที่รบกวนทั้งกายและจิตใจ สร้างความปั่นป่วนให้ประเทศไทยต่อไปได้หรือไม่ ความจริงได้แจ้ง บก.ไว้แล้วว่าอาทิตย์นี้ มีงานขาวดำที่บ้านจำเป็นต้องงดเขียนบทความ 

แต่บังเอิญ ญาติสนิทมิตรสหายรวมทั้งพระสงฆ์องคเจ้า ที่มาสวดอภิธรรมในงาน 90% แทนที่จะถามกันเรื่องสารทุกข์สุกดิบทักทายกันว่าสบายดีไหม แต่ทันทีที่พบหน้าได้ยินคำถามว่า “มันจะกลับมาไหม” ตอบพวกเขากลับไปว่าหากหมายถึงเที่ยวบินดูไบ บอกได้ว่ามันเป็น One way trip และขอให้ผู้ที่ตั้งคำถามรวมถึงพระสงฆ์องคเจ้าช่วยสวดมนต์ภาวนา “ครบรอบคล้ายวันเกิด 77 ปี ขอให้สิ่งชั่วร้ายเสนียดจัญไรออกจากไปไกลแสนไกลไปแล้วไปลับ” 

ญาติบางท่านขอให้ทำนายว่ามันจะกลับมาไหม? ฟันธงให้ผู้ที่ร่วมสนทนาฟังว่า หากหมายถึงจำเลยที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาทางการเมืองนัดให้ฟังคำตัดสินวันที่ 9 กันยายน 2568 บอกญาติมิตรผู้ร่วมสนทนาว่า วันที่ 9 (วันนี้) จำเลยไม่มาฟังคำพิพากษา มันเป็นนิสัยถาวรของจำเลยคนนี้ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ 

ประสบการณ์ติดตามข่าวจำเลยคนนี้กว่า 25 ปี รู้ว่าจำเลยคดีชั้น 14 เป็นคนขี้ขลาดตาขาว กลัวติดคุกไม่กล้ากลับมาฟังคำพิพากษา เขาเคยสาบานว่า ชาตินี้เขาไม่ยอมให้ตัวและคนในครอบครัวติดคุกแม้แต่วันเดียวคุกในประไทยมีไว้ขังคนจนและสมุนบริวารคนที่ทำงานให้เขาเท่านั้น 

ในห้วงเวลา 25 ปี ที่เขาทำธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ ปล้นชาติ อาฆาตพยาบาทสถาบัน เขาทำให้สมุนบริวาร ติดคุกแทนเขามาแล้วไม่น้อยกว่าร้อยคนสมุนบริวาร นักการเมือง ข้าราชการ นักธุรกิจ นายธนาคารจนถึงคนรากหญ้าที่เขาบัญชาให้ทำนอกกฎหมาย ไม่ติดคุกก็ตาย หรือไม่ ก็หนีไปต่างประเทศ 

 สมุนบริวาร หรือ ผู้ทำงานให้เขาที่ต้องพบชะตากรรมอันเลวร้าย มีตั้งแต่อดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ คณะกรรมการในหน่วยอิสระ เช่น กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่เรียกว่าสามหนาห้าห่วง อดีตนายทหารชั้นนายพล นี้ยังไม่นับรวมขี้ข้าม้าครอกต้องติดคุก ติดตะรางแทนนายและหนีไปตายนอกประเทศมากมาย 

 สมุนบริวารหรือผู้ที่ทำงานให้เขาประสบชะตากรรมเลวร้ายอย่างไร จำเลยคดีชั้น 14 ไม่ได้รู้สึกรู้สากับสมุนบริวารและผู้ที่ทำงานให้ สำหรับคดีที่ศาลฯนัดฟังคำตัดสินวันนี้ผู้ที่คาดการณ์ว่าจะพบชะตาอันเลวร้าย คือเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ในกรมราชทัณฑ์ แพทย์ใหญ่และเจ้าหน้าที่ทั่วไปในโรงพยาบาลตำรวจ จึงบอกผู้ร่วมสนทนาในงานขาวดำที่บ้านว่า วันที่ 9 กันยายน จำเลยไม่กลับมาฟังคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศาลฯอาจต้องเลื่อนอ่านคำพิพากษาไปอีกหลายวัน หรืออาจเป็นเดือน 

 ซึ่งเหมือนกับเดือนกรกฎาคม ปี 2551 ที่ศาลฯเลื่อนฟังคำตัดสินลับหลัง ให้จำเลยที่ 1 จำคุก 2 ปีในคดีที่เมียซื้อที่ดินรัชดาฯสามีเป็นนายกรัฐมนตรีเวลานั้น เป็นนายประกันให้ นายทักษิณ ชินวัตร จำเลยที่ 1 คดีที่ดินรัชดาฯ หนีอยู่ต่างประเทศ 1 ปี 5 เดือน หลังจากถูกยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 และเดินทางกลับประเทศไทยในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 เมื่อพรรคพลังประชาชนของเขาได้เป็นรัฐบาล  

ทักษิณกลับมาสู้คดีที่ดินรัชดาฯในประเทศไทยตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2551 จนกระทั่งศาลฯนัดฟังคำตัดสินคดีที่ดินรัชดาฯ วันที่ 12 สิงหาคม  2551 จำเลยคงมีพรายกระซิบว่า คำพิพากษาจะไม่เป็นคุณต่อจำเลย นายทักษิณ จึงขออนุญาต “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” เดินทางออกนอกประเทศไทยไปเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2551 โดยให้เหตุผลเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ประเทศจีนและญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม -10 สิงหาคม 2551 เพื่อกลับมาฟังคำตัดสินคดีที่ดินรัชดาฯ วันที่ 12 สิงหาคม 2551 

แต่ทักษิณไม่กลับมาฟังคำพิพากษาตามที่สัญญาไว้กับศาล แต่ทักษิณกลับบ้านเอา วันที่ 22 สิงหาคม 2566 ท่ามกลางความคลางแคลงใจว่าเขามีดีลลับกับใครที่ไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว  

เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) และองค์กรประชาชน ร้องเรียน ป.ป.ช ว่า กรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ทำผิดกฎหมาย ที่นำนักโทษชาย ทักษิณ ชินวัตร นักโทษเด็ดขาดไปอยู่โรงพยาบาลตำรวจ 180 วัน จนถึงวันกรมราชทัณฑ์พักโทษ 

นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสามครั้ง ถูกศาลตีตกทั้งสามครั้ง เนื่องจากนายชาญชัยมิใช่ผู้เสียหายโดยตรง อย่างไรก็ตาม สุดท้ายศาลฯรับคำฟ้องนายชาญชัย ไว้ไต่สวนเอง 

 จากผลการไต่สวนเจ็ดครั้ง  ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่ศาลเรียกไต่สวน 25 คน รวมทั้งแพทย์ใหญ่ และเจ้าหน้าที่ รพ.ตำรวจและกรมราชทัณฑ์ ตลอดถึงคณะกรรมการแพทยสภา ที่สอบสวนพบว่าทักษิณไม่ได้ป่วยวิกฤตถึงขั้นนอนโรงพยาบาลนาน 180 วัน และเมื่อศาลได้ข้อมูลครบถ้วนก็สรุปการไต่สวนคดี และนัดให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์กับนายทักษิณ ชินวัตร ไปฟังคำสั่งศาลวันที่ 9 กันยายน เวลา 09.30 น. 

นายวิษณุ เครืองาม เป็นพยานปากสุดท้ายในศาลฯ เขาคงประเมินแล้วว่า คำตัดสินอาจไม่เป็นคุณต่อจำเลย และนี้คงเป็นที่มาของการหนีเป็นครั้งที่สาม ซึ่งอาจเป็นการหนีครั้งสุดท้ายในชีวิตของทักษิณ ชินวัตร 

ข้อความที่ผู้ใช้ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร โพสต์เป็นสาธารณะ เวลาประมาณเที่ยงคืนวันที่ 4 กันยายน ทักษิณกล่าวว่า ผมตั้งใจจะไปสิงคโปร์ตรวจร่างกายซึ่งนัดกับหมอไว้แต่กองตรวจคนเข้าเมือง ที่สนามบินดอนเมืองถ่วงเวลาเขาไว้สองชั่วโมง ทำให้ผมนำเครื่องบินเจ๊ตส่วนตัวลงจอดที่สนามบินประเทศสิงคโปร์ไม่ทัน “ผมเลยบอกให้นักบินเบนเส้นทางไปดูไบ ซึ่งต้องบินวนอยู่สองรอบเพราะไม่ได้ขออนุญาตลงจอดล่วงหน้า” 

เครื่องบินเจ๊ตส่วนตัวของทักษิณบินวนอยู่ในมหาสมุทรอินเดียจริง โดยที่เขาไม่รู้ว่า ขณะที่เขาบินวนอยู่นั้นคนไทยกว่าสองหมื่นกว่าคนจ้องหน้าจอโทรศัพท์ติดตามดูพฤติกรรมของเขาอยู่บางคนภาวนาอย่าให้เครื่องบินตกในทะเล แต่ยังมีคนอีกมากเช่นกันที่ไม่ได้ภาวนาอย่างนั้น 

เครื่องบินเจ๊ตส่วนตัวทำ Flight plan หรือแผนการบินซ้อนกับหอควบคุมการบิน (ATC) ไทย คือวันที่ 1 กันยายน ทำ Flight plan บินไปดูไบวันที่ 4 กันยายน ในตอนสายวันที่ 4 เครื่องบินเจ๊ตส่วนตัวของนายทักษิณทำ Flight plan บินไปสิงคโปร์ 

บ่ายแก่วันที่ 4 กันยายน เจ้าหน้าที่กองตรวจคนเข้าเมืองตรวจ พบว่าใน Flight plan มีผู้โดยสารเพียงสามคน แต่ดันมีชื่อทักษิณ ชินวัตร โผล่มาเป็นคนที่ 4 ตม.จึงอายัดตัวไว้ตรวจสอบว่าเขาได้ปลดล็อกข้อห้ามเดินทางออกนอกประเทศแล้วหรือยัง 

การที่ผู้ยิ่งใหญ่เหนือรัฐบาลเพื่อไทยถูก ตม.อายัดตัวนานนับชั่วโมงแสดงว่า เขาหมดราคาแล้ว เส้นทางบินของนายทักษิณจึงถูกจับตามองทุกนาที และเมื่อพบว่าเครื่องบินเจ๊ตส่วนตัวบินออกนอกเส้นทาง ATC จึงนำออกมาประจาน โดยการโพสต์ live บนโซเซียล เพื่อให้คนไทยกว่าสองหมื่นคนได้เป็นสักขีพยานว่าเทวดาชั้น 14 หนีแล้ว นอกจากนั้นคนทั่วโลกกว่าเจ็ดล้านคนยังได้เห็นการหลบหนี 

คนไทยร้อยทั้งร้อยเชื่อว่า จำเลยที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งอันตรายมาก ที่เครื่องบินมาเลเซียเคยหายไปอย่างไร้ร่องรอย วันที่ 6 มีนาคม 2567เครื่องบินพาณิชย์มาเลเซีย เที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์หายไป พร้อมกับชะตากรรม 239 คน จนบัดนี้ยังไม่ทราบสาเหตุการสูญหาย  

ที่คล้ายกันคือ HH370 flight plan บินไปปักกิ่งแต่หันหัวมาทางมหาสมุทรอินเดียแล้วหายไปโดยไม่ทราบสาเหตุ 

แตกต่างกันตรงที่เครื่องบินเจ๊ตส่วนตัวของทักษิณ มีพิสัยการบินได้ถึง 14,000 กม.มันถึงบินวนอยู่ในมหาสมุทรอินเดียกับทะเลอันดามันเพื่อรออนุญาตบินผ่านน่านฟ้าอินเดียจาก ATC อินเดียนานสองชั่วโมงได้ แต่ก็เสี่ยงตายอยู่เช่นกัน 

พิเคราะห์จากการหลอกตั้งแต่ Flight plan รายชื่อผู้โดยสาร และการบินวนอยู่นานนับชั่วโมงจึงสรุปได้ว่า เจ้าของเครื่องบินเจ๊ตลำนั้นตั้งใจหนีศาล การที่จำเลยโพสต์ข้อความว่า จะกลับมาวันที่ 8 กันยายน เพื่อฟังคำสั่งศาลวันที่ 9 กันยายน จึงเป็นคำหลอกลวงครั้งสุดท้ายของนายทักษิณ ชินวัตร ใช่เขาอาจกลับมาประเทศไทยหากศาลฯตัดสินเป็นคุณต่อเขา แต่คงหลายวันนับจากวันที่ 9 กันยายน 

จึงสรุปให้ผู้ร่วมสนทนาในงานขาวดำฟังว่า ครบรอบวันคล้ายวันเกิด 77 ปี 9 กันยายน ปีนี้เสนียดจัญไรอยู่ห่างไกลจากประเทศไทยและจะไม่หวนกลับมา

สุทิน วรรณบวร