พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2น้ำตาซึม ระหว่างการบรรยาย วิสัยทัศน์หลักธรรมและยุทธศาสตร์ป้องกันชายแดน ในคณะศิลปศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ช่วงหนึ่ง กล่าวว่า ขอให้น้องๆ ลืมภาพเดิมในอดีตในเรื่องของการเมือง มองปัจจุบันทำหน้าที่รักษาและทวงคืนแผ่นดินคืน กลับมาให้คนไทย
แม่ทัพภาคที่ 2 น้ำตาเอ่อขณะกล่าวว่า ระหว่างปะทะกับทหารกัมพูชา ทหารไทย บาดเจ็บ 666 นาย เสียชีวิต18 นาย ในการเอาแผ่นดินไทยคืน #รู้กันมั้ย? ต้องขาขาด ตามองไม่เห็น แม่ทัพไปเยี่ยมทุกคน
พลโทบุญสิน ไม่ได้พูดออกมาลึกๆ ท่านคง ขมขื่น คับแค้นใจที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านซึ่งเป็นลูกหลานคนไทย ต้องพลีชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยในขณะที่นักการเมืองที่เป็นรัฐบาลเห็นแก่ผลประโยชน์ตนมากกว่า ชีวิตเลือดเนื้อทหารและคนไทย
แม่ทัพภาคที่ 2 คงคับแค้นใจเหมือนคนไทยหลายล้านคน ที่เห็นความเหลวแหลกของการเมืองไทย แต่สถานการณ์บังคับไม่ให้ทหารกอบกู้ชาติในพื้นที่นี้ได้ แม่ทัพภาคที่ 2 จึงบอกนักศึกษาว่า “ทหารจะไม่ปฏิวัติแล้ว ยืนยันแทนเพื่อน ตท.26 พลเอกพนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. เพราะหมดสมัยแล้ว”
แม่ทัพภาคที่ 2 ขอให้นักศึกษาเลือกคนดีขึ้นมาบริหารประเทศ ท่านคงพูดตามกระแสพระราชดำรัสของในหลวง รัชกาลที่ 9 ในพิธีเปิดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติ ครั้งที่ 6 ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี วันที่ 11 ธันวาคม 2512 มีความตอนหนึ่งว่า
“ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดีให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้”
คนไทยซึ่งเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่แปลกไหม ที่คนไทยส่วนใหญ่เลือกนักการเมืองทุจริตคอร์รัปชั่น ใส่ร้ายมุ่งทำลายสถาบันฯเข้าสภาจึงทำให้ประเทศชาติวุ่นวาย
ความเหลวแหลกการเมืองในวันนี้คือ กลุ่มการเมืองที่เป็นตัวแปรสำคัญ ในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ กลายเป็นพรรคประชาชน ที่มีพื้นฐานจากพรรคอนาคตใหม่และก้าวไกลเรียกง่ายๆ ว่า “พรรคส้ม” ซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่าพรรคส้มมุ่งมั่นเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันตั้งแต่วันก่อตั้งพรรค
พรรคส้ม ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบ 2 ครั้ง ล้วนแต่มาจากความผิดเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันฯ และถึงวันนี้พรรคส้มมี สส.ในสภา 143 คน กลุ่มใหญ่ที่สุดในสภา
หลังจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ถูกศาลฯตัดสินพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จำเป็นต้องเลือกนายกฯคนใหม่ในสภา พรรคเพื่อไทยรัฐบาลรักษาการมี สส. 140 คน มุ่งมั่นจะเป็นรัฐบาลอยู่ในอำนาจต่อไป ในเวลาเดียวกันพรรคภูมิใจไทย มี สส. 69 คน ก็ตั้งเป้าหมายให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของประเทศไทย ทั้ง พท.และภท. ต้องการได้เสียงสนับสนุนเกินครึ่งหนึ่งของสภา ที่ยังมี สส.ปฏิบัติหน้าที่ได้ 497 คน ดังนั้น พท. และ ภท.จำเป็นต้องหงอพรรคส้มที่มี สส.ในสภา 143 ที่นั่ง
พรรคส้ม เมื่อเห็นว่าอยู่ในฐานะเหนือกว่า ก็มั่นใจว่า ผู้ที่หวังจัดตั้งรัฐบาลใหม่ต้องรับเงื่อนไขที่เป็นเป้าหมายนำไปสู่การเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันฯของพรรคส้มได้ เป็นที่เศร้าใจทหารและคนไทยเมื่อรู้ว่าทั้ง พท. และ ภท. รับเงื่อนไขของพรรคส้ม คือ 1.ต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน 2.ต้องทำประชามติ แก้รัฐธรรมนูญและตั้ง สสร. 3.การแก้ปัญหาข้อพิพาทกับกัมพูชา
สิ่งที่ทำให้ทหารและคนไทยข่มขื่นใจคือ นักการเมืองให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ตนเท่านั้น ที่รับปากพรรคส้มในสิ่งที่ทำไม่ได้โดยเฉพาะข้อที่ 2 คือ ต้องทำประชามติแก้ รธน. ตั้งสภาร่าง รธน.
พรรคส้ม ผู้มุ่งมั่นแก้รัฐธรรมนูญโดยมีเป้าหมายนำไปสู่การปฏิรูปสถาบันฯ ตั้งแต่ปี 2560 พรรคส้มถูกยุบมาแล้วสองครั้ง ในความผิดเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันฯ จนต้องเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคก้าวไกลและพรรคประชาชนก็แล้ว ยังไม่สามารถแก้ รธน.ได้ เนื่องจากไม่เข้าใจบริบทสังคมการเมืองไทย
พรรคส้มไม่สำเหนียกว่า นอกจากเสียงในสภา ยังมีเสียงคนไทยที่เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งมีพลังเหนือกว่าเสียง สส.ในสภา ประวัติการเมืองไทยได้พิสูจน์มาหลายครั้งแล้วว่า พลังประชาชนนอกสภาขับไล่รัฐบาลชั่วได้ พรรคส้มถูกยุบสองครั้ง ล้วนมาจากพลังประชาชนนอกสภา กดดันให้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อผู้คิดร้ายต่อสถาบันฯ
การที่พรรคการเมืองที่หวังจัดตั้งรัฐบาลไปรับเงื่อนไขที่อาจจะสร้างความวุ่นวายภายหลัง โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยที่เคยสัญญาจะแก้รัฐธรรมนูญตั้งแต่อาทิตย์แรก ที่เป็นรัฐบาล สองปีผ่านไปยังแก้รธน.ไม่ได้สักมาตรา ยังด้านหน้าไปรับเงื่อนไขแก้ รธน.ภายในสี่เดือน
จึงสรุปว่านักการเมืองที่รับเงื่อนไขแก้รัฐธรรมนูญ รู้อยู่เต็มอกว่า ความวุ่นวายจะตามมา ประเด็นนี้มิใช่เฉพาะคนไทยที่มองเห็นความเลวร้ายเกิดขึ้นภายหน้า สื่อต่างประเทศก็สงสัยว่าประเทศไทยจะวุ่นวายอีกไหม?
วันที่ 3 สิงหาคม โจชัว เคอร์แลนซิก กระบอกเสียงของ CFRหรือสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของสหรัฐฯ CFR เป็นหน่วยงานอิสระแต่มีอิทธิพลเหนือการเมืองทุกพรรคในอเมริกา เสนอบทความในวารสาร เดอะดิโพลแมทว่า “แพทองธารพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะมียึดอำนาจอีกไหม?”
บทความของเขาให้รายละเอียดว่าตั้งแต่ศาลฯ ตัดสินให้ น.ส.แพทองธาร พ้นจากตำแหน่งนายกฯเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ส่อเค้ามีความวุ่นวายทั้งในสภาและทั่วประเทศไทย เป็นเหตุให้เกิดความสงสัยว่าจะมีการยึดอำนาจอีกหรือไม่?
โจชัว ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าตลอดเวลากว่าสองทศวรรษที่ Elite ในเมืองไทยต่อสู้แย่งชิงอำนาจกันจนเกิดความวุ่นวายสุดท้ายจบลงด้วยการยึดอำนาจ หรือไม่ รัฐบาลต้องพ้นจากอำนาจโดยกฎหมาย ในห้วงเวลากว่า 20 ปีรัฐบาลในเครือข่ายทักษิณ ชินวัตรต้องพ้นจากตำแหน่งมาแล้ว 6 ครั้ง จากทั้งถูกยึดอำนาจและพ้นอำนาจจากการทำผิดกฎหมาย
ทุกครั้งที่รัฐบาลในเครือข่ายทักษิณ พ้นจากอำนาจ มักตามด้วยความสับสนวุ่นวายในประเทศไทย ทักษิณเศรษฐีหลายหมื่นล้าน(ดอลลาร์) ผู้มีอิทธิพลทางการเมือง เป็นผู้อยู่เบื้องหลังรัฐบาล ที่ล่มสลายขณะที่อยู่ในอำนาจมาแล้วหลายครั้ง
ทักษิณผู้กำกับการบริหารประเทศอยู่เบื้องหลัง แพทองธาร ลูกสาว
ศาลอาญายกฟ้องทักษิณ คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เมื่อต้นอาทิตย์นี้ ที่หลายฝ่ายมองว่า อิทธิพลบารมีของเขาเสื่อมถอยลงไปมากอาจทำให้รัฐบาลในสังกัดของเขาไร้ประสิทธิภาพ แต่ตราบใดที่ทักษิณยังอยู่ในการเมืองเขามีศักยภาพสร้างความวุ่นวายได้
นั้นเป็นความเห็นของกระบอกเสียง CFR ที่มองว่าทักษิณยังมีศักยภาพสร้างความวุ่นวายได้ และคงจริงดังที่เขาว่า เพราะทันทีที่มีข่าวพรรคส้มจะยกมือให้นายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อไทยก็ขู่ยุบสภา ในเวลาเดียวกันนักกฎหมาย พท.ก็โต้แย้งว่าศาลฯตัดสิน น.ส.แพทองธาร เมื่อวันที่ 29 ส.ค. อาจเป็นโมฆะ เนื่องจากคุณสมบัติของตุลาการท่านหนึ่ง
พท.รู้อยู่เต็มอกว่าการเคลื่อนไหวในประเด็นศาลฯและยุบสภาเป็นเรื่องไร้สาระ เป็นเพียงการถ่วงเวลาให้สภาชะลอการเลือกนายกฯออกไปถึงวันที่ 9 ก.ย. วันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินคดีชั้น 14 หากมีอภินิหารทาง ก.ม.ทักษิณไม่ต้องกลับเข้าคุก พท.ยังมีความเชื่อว่า อาจเปลี่ยนแปลงมติเลือกนายกฯได้
มองจากประวัติศาสตร์การเมืองไทย ฟันธงล่วงหน้าว่า พท.ฝันกลางวันไม่สามารถเปลี่ยนคำตัดสินของศาลฯและมติเลือกนายกฯได้ ถึงอย่างไรภูมิใจไทยก็ได้เป็นรัฐบาล และเมื่อถึงเวลานั้นทั้งแดงและส้ม ฝันสลาย
พท.ฝันสลายที่กลายเป็นฝ่ายค้าน ในเวลาเดียวกัน สส.พท. หลายสิบคนย้ายไปอยู่กับภูมิใจไทย ส่วนพรรคส้มก็ฝันสลายที่เงื่อนไขแก้รธน.และยุบสภาไม่ถูกนำไปใช้ในทางปฏิบัติเนื่องจากว่านักการเมืองไทยจะทำหรือไม่ทำอะไรมักมีข้ออ้างที่สังคมไทยคาดไม่ถึง
ประเด็นยุบสภาภายใน 4 เดือนนั้น คนที่มีความรู้ความสามารถเสียสละทิ้งงานประจำมาเป็นรัฐมนตรีแค่ 4 เดือน ไม่มีใครยอมเสียสละให้ ที่สำคัญเป็นนิสัยถาวรของนักการเมืองไทยที่มักไหลไปอยู่กับฝ่ายมีอำนาจ ภายในสองเดือนที่เป็นรัฐบาลเชื่อว่ามีนักการเมืองไหลเข้าพรรค ภท.มากพอที่จะไม่ต้องง้อพรรคส้มอีกต่อไป ถึงเวลารัฐบาลใหม่ก็อยู่จนหมดวาระสภาชุดนี้
หากมองการเมืองจากความเป็นจริง จะพบว่านักการเมืองในสภาไม่มีพรรคไหนอยากให้มีการเลือกตั้งก่อนหมดวาระสภา ทุกพรรครู้อยู่เต็มอกว่าความนิยมตกต่ำน่าใจหายโดยเฉพาะค่ายสีส้มกับค่ายสีแดง
พรรคส้มมีข้อครหา ทั้งเรื่องเซ็กซ์ค้ายา และปากไม่ครอบตะกร้อ ด่าทหารส้นตีน ดูหมิ่นสถาบัน ดูหมิ่นทหารผู้สละชีพเพื่อชาติ ที่สำคัญพรรคส้มไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน เป็นฝ่ายค้านซูเฮี๋ยรัฐบาลเพื่อไทย สส. 2 คน เป็นจำเลยคดี 112 สส. 40 คน อยู่ระหว่าง ป.ป.ช. ส่งสำนวนฟ้องศาลให้พ้นจากการเป็น สส.
ที่สำคัญผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่เคยมีความนิยมพรรคไหนเกิน 2 สมัยเลือกตั้ง พรรคส้มก็ไม่มีข้อยกเว้น และเนื่องจากฐานการเมืองพรรคส้มที่เป็นรุ่นใหม่ หูตาสว่างเมื่อพบว่าแกนนำพวกเขาไม่ติดคุกก็หนีไปต่างประเทศที่หนีไม่ทันก็ถูกดำเนินคดี สรุปง่ายๆ ว่าพรรคส้มกับพรรคเพื่อไทยไม่มีคะแนนนิยม เลือกตั้งครั้งต่อไปได้ สส.ครึ่งหนึ่งของที่มีอยู่วันนี้ก็ถือว่าอภินิหาร
นี่คือสิ่งที่บอกว่าอย่าทำให้ทหารต้องเสียน้ำตา ด้วยการเลือกนักการเมืองน้ำเน่าเข้าสภาอีก
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี